คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1074 การโต้กลับ
ตอนที่ 1074 การโต้กลับ
ฉินหลิวซีเห็นซากศพที่เต็มไปด้วยพลังหยินพวยพุ่งไปทั่วร่างกาย ไม่รอช้า ดีดคาถาสายฟ้าออกไปทันที ฟ้าร้องฟ้าผ่าฟาดลงมาจนผ้าคลุมสีดำของซากศพแตกเป็นเสี่ยงๆ เผยให้เห็นร่างที่ปิดซ่อนอยู่ภายใน
เสียงกรีดร้องแหลมคมของซากศพดังก้องไกล พุ่งตรงไปยังไข่มุกสีดำที่ลอยอยู่กลางอากาศ
ฉินหลิวซีเห็นดังนั้น จึงหยิบไม้จินกังขึ้นมาและเหวี่ยงออกไป
แสงทองเจิดจ้า และไข่มุกที่ถูกไม้จินกังกระแทก แสงที่เคยมืดดำดูสว่างพลันหมองลง
ฉินหลิวซีฉวยโอกาสม้วนไข่มุกนั้นเข้ามา กำไว้ในมือ ทันทีที่สัมผัส ความเย็นยะเยือกจากพลังหยินเข้าครอบคลุมมือนาง ความหนาวเหน็บบาดลึกถึงกระดูก
ซากศพไม่สนใจร่างที่ถูกสายฟ้าฟาดจนมีควันดำพวยพุ่งและเจ็บปวด มันกระโจนขึ้นกลางอากาศพุ่งตรงไปยังฉินหลิวซีพร้อมตะโกน “คืนไข่มุกวิญญาณของข้ามา”
ไข่มุกวิญญาณงั้นหรือ
ฉินหลิวซีบิดคออย่างเย็นชา นางกำลังจะใช้ไฟนรกเผาทำลายมัน แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องไห้แหลมคมของเด็กหลายคนดังแทรกเข้ามาในโสตประสาท
สายตาของนางแข็งกร้าวขึ้น จากนั้นนางจึงเก็บไข่มุกวิญญาณไว้ที่เอว ถอยหลังอย่างคล่องแคล่วสองก้าว
เพราะซากศพนั้นกำลังพุ่งตรงไปยังฉินหมิงฉุนที่อยู่ด้านหลังของนาง
หึ ยังอุตส่าห์ใช้แผนลวงด้วย
ปากมันพร่ำเอ่ยถึงไข่มุกวิญญาณ แต่แท้จริงกลับตั้งใจจะคว้าตัวเด็กซวยอย่างฉินหมิงฉุนไปต่างหาก
“เลือด ข้าต้องการเลือด” ซากศพโกรธจัด อ้าปากกว้าง เผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคม และพุ่งมาคว้าตัวฉินหมิงฉุนอีกครั้ง
ฉินหลิวซีเห็นเศษดินที่เปื้อนเลือดตรงมุมปากของมัน แล้วนึกถึงมุมปากของฉินหมิงฉุนที่มีเลือดซึม นางก็เข้าใจทันทีว่าซากศพชอบดื่มเลือด และฉินหมิงฉุน ก่อนหน้านี้ได้กินผลไม้สีแดงจากปีศาจโสมน้อยและกินรากโสมไปไม่น้อย แม้แต่ตัวนางเองก็ยังเคยให้ยาเม็ดบำรุงร่างกายแก่เขา ซึ่งส่วนประกอบของยาเหล่านั้นแต่ละอย่างล้วนสิ่งใดจะไม่เป็นของล้ำค่า
เลือดของเขาคงจะมีกลิ่นหอมของสมุนไพรล้ำค่าซ่อนอยู่
ซากศพตัวนี้ ปล่อยไว้ไม่ได้เด็ดขาด
ในตอนที่มันกำลังพุ่งเข้ามา ฉินหลิวซีก็ไม่ลังเลที่จะใช้ไฟเผาทันที
อะไรจะสู้ไฟที่ใช้เผาซากศพกันเล่า
ฟึ่บ
ไฟนรกสีแดงเพลิงพวยพุ่งขึ้นห่อหุ้มซากศพทั้งร่าง เขาหมุนตัวสองรอบอยู่กับที่ ไม่ทันได้เปล่งเสียงออกมาก็ถูกเผาเป็นขี้เถ้าในชั่วพริบตา
ฉินหลิวซีมองดูไฟที่ลุกอยู่ที่ปลายนิ้วด้วยท่าทีพอใจ วันนั้นถูกฟ้าผ่าไม่สูญเปล่าจริงๆ ไฟนรกนี้กลับยิ่งลุกโชนและทรงพลังมากขึ้น เผาให้เป็นเถ้าธุลีได้ในพริบตา
รวดเร็ว เด็ดขาด และแม่นยำ
ฉินหลิวซีแบกฉินหมิงฉุนไว้บนหลัง มองดูเถ้าถ่านที่ถูกลมพัดกระจายไปทั่วอย่างเย็นชา แล้วมองเห็นมุมหนึ่งด้วยหางตา นางเตะก้อนหินไปกระแทกหลังศีรษะของเจ้าเมืองเมิ่ง “จะไปที่ใด”
เจ้าเมืองเมิ่งมึนงงหันมามองฉินหลิวซีที่กำลังเดินเข้ามา ตะโกนเสียงแข็งแฝงความอ่อนแอ “เจ้าคือผู้ใดกัน บังอาจบุกเข้ามาในจวนของข้า เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะจับตัวเจ้า”
ฉินหลิวซีเหยียบหน้าเขาไว้ แล้วบดขยี้อย่างแรง เอ่ย “บาปเต็มตัวเจ้าขนาดนี้ ยังคิดจะเป็นขุนนางต่อไปได้อีกงั้นหรือ เช่นนี้สวรรค์คงไม่ลืมตาดูแล้วกระมัง”
บาปมหันต์เช่นนี้ หากปล่อยให้เขาเป็นขุนนางต่อไปก็มีแต่จะเพิ่มบาปเข้าไปอีกเท่านั้น
ใบหน้าของเจ้าเมืองเมิ่งที่ถูกขนจิ้งจอกกัดกร่อนอยู่แล้ว พอถูกนางเหยียบซ้ำยิ่งเจ็บปวดจนต้องร้องโหยหวนกลิ้งไปบนพื้น
ฉินหลิวซีนึกถึงไข่มุกวิญญาณที่อยู่ตรงเอว หยิบมันออกมา สัมผัสได้ถึงดวงวิญญาณของเด็กในนั้น ใบหน้านางเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด ทนไม่ไหวเตะต่อยเจ้าเมืองเมิ่งเต็มแรง
เจ้าเมืองเมิ่ง “!”
ฆ่าข้าให้ตายไปเลยเถิด
หลังจากทุบตีจนเจ้าเมืองเมิ่งแทบปางตายแล้ว ฉินหลิวซีจึงมองเขาเล็กน้อยอย่างเย็นชา ก่อนจะลากร่างที่สลบไสลของเขาไปยังทิศทางของศาลบรรพบุรุษ ระหว่างทางนางพบกับเมิ่งก่วงที่มีเลือดท่วมศีรษะ นางมองเขาอย่างเย็นชา
เมิ่งก่วงเห็นบิดาที่ถูกซ้อมจนจำหน้าไม่ได้ นอนสลบไร้สติ ก็ย่อตัวลงอย่างน่าสงสาร มองฉินหลิวซีด้วยสายตาตื่นตระหนก เอ่ยร้อง “พี่หญิง ท่านมาช่วยหมิงฉุนหรือ ข้าไม่รู้ว่าพ่อของข้าจับเขามาทำไม”
“เข้ามาใกล้ๆ สิ” ฉินหลิวซีเรียกเขา
เมิ่งก่วงตัวสั่นเล็กน้อยด้วยความกลัว ไม่กล้าขยับ
“ข้าบอกให้เข้ามา”
เมิ่งก่วงค่อยๆ เดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง พอเห็นฉินหมิงฉุนที่อยู่บนหลังนาง เขาก็ถอนหายใจโล่งอกเล็กน้อย แต่ยังมีแววตาน้อยใจอยู่ เอื้อมมือจับหน้าผาก ยังไม่ทันจะได้ฟ้อง ฉินหลิวซีก็เหวี่ยงมือตบหน้าเขาทันที
เมิ่งก่วงถูกตบจนตะลึง “ท่าน…”
เพียะ
อีกหนึ่งฝ่ามือ สองฝ่ามือ สามฝ่ามือ
เสียงดังเปรี้ยะๆ
เมิ่งก่วงทรุดนั่งลงกับพื้น มือปิดหน้าที่ชาและแสบราวกับไฟเผา เขามองฉินหลิวซีด้วยสายตาโกรธแค้นราวกับอยากจะฆ่าคน
“ใช่แล้ว ต้องทำสายตาแบบนี้สิ ต่อหน้าข้าจะมาทำเป็นใสซื่อทำไมกัน ทำตัวให้ดูบริสุทธิ์เหมือนไม่มีพิษภัย คิดหรือว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเจ้าเป็นปีศาจตัวน้อย” ฉินหลิวซีหัวเราะเยาะ “การฆ่าคนสำหรับเจ้าไม่ใช่เหมือนกับการเล่นสนุกหรืออย่างไร ยังจะมาทำเป็นกลัวอะไรอีก”
“นางสารเลว…”
เมิ่งก่วงเพิ่งจะอ้าปากเอ่ยก็โดนตบเข้าไปอีกหลายฉาด เสียงเปรี้ยะๆ จนเขากระอักเลือดออกมาสองคำ เลือดปนกับฟันสองซี่ที่กระเด็นออกมาด้วย
สายตาที่เขามองฉินหลิวซีเปลี่ยนไปเป็นความหวาดกลัวจริงๆ แล้ว
เพราะว่าฝ่ามือที่ตบลงมาในทีหลังนั้น นางแทบไม่ได้ขยับมือเลย แต่ฝ่ามือนั้นกลับตบหน้าเขาจริงๆ มีผู้ใดช่วยนางตบหรือ
มีคำกล่าวที่ว่า ไม่ทำเรื่องชั่วไว้ในใจ ยามดึกได้ยินเสียงเคาะประตูก็ไม่หวั่น แต่เมิ่งก่วงกลับเคยทรมานเด็กจนตายหลายคน ตอนนี้ถูกมือที่มองไม่เห็นตบหน้าจนบวม เขาจึงเริ่มรู้สึกหวาดหวั่น
หรือว่าจะเป็นพวกชาวบ้านที่โดนเข่นฆ่ามาล้างแค้นตนหรือ
เขาจับสร้อยคอหยกเจ้าแม่กวนอิมไว้โดยอัตโนมัติ มองไปรอบๆ ด้วยท่าทางขี้ขลาดน่ารังเกียจ
ฉินหลิวซีเห็นหยกเจ้าแม่กวนอิมนั้นเปล่งแสงสีทองอ่อนๆ เนื้อหยกงดงาม คาดว่าน่าจะเป็นของที่พระในวัดหรือนักพรตเต๋าบางคนปลุกเสกให้
น่าเสียดาย ที่เครื่องรางป้องกันสิ่งชั่วร้ายเช่นนี้กลับมาอยู่กับปีศาจน้อยเช่นเขา กวนอิมโพธิสัตว์คงต้องทนทุกข์แล้ว
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำเหน็บแนมของนางหรือเปล่า หยกเจ้าแม่กวนอิมของเมิ่งก่วงก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทันที
เมิ่งก่วงร้องออกมาด้วยความตกใจ มองหยกที่แตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยสายตาเลื่อนลอย แววตาหวาดกลัวของเขายิ่งชัดเจนขึ้น เขารู้สึกราวกับมีความหนาวเย็นอย่างยิ่งอยู่รอบตัว
มีเสียงฝีเท้าดังมาทางนี้อย่างรวดเร็ว
เมิ่งก่วงเห็นคนที่มา เขารีบตะโกนทันที “เหล่าหม่า รีบจับนังนี่ไว้ให้ข้า จับเป็น”
เขามองฉินหลิวซีด้วยสายตาอำมหิต แววตาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย คิดจะถลกหนังนาง ตัดเส้นเอ็นมือเอ็นเท้า ปล่อยเลือดให้หมด ให้บรรพบุรุษทำตะเกียงหนังมนุษย์ แล้วนำกระดูกมาสร้างเป็นหอคอยกะโหลกมนุษย์ ไม่ให้ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป
ฉินหลิวซีเห็นความโหดเหี้ยมในดวงตาของเขา แววตานางพลันเย็นยะเยือก เจ้าคนนี้ชั่วร้ายยิ่งกว่าพ่อของเขาเสียอีก
เมื่อลูกน้องของเขาชูดาบพุ่งเข้าหานาง ฉินหลิวซีร่ายคาถา สองนิ้วจรดแล้วดีดใส่คนผู้นั้น
จากนั้น ลูกน้องคนนั้นพลันมองดูดาบของตนเองด้วยหวาดกลัว ราวกับว่าดาบไม่อยู่ในการควบคุม ฟาดไปที่เมิ่งก่วงที่นอนอยู่กับพื้น
เมิ่งก่วงก็ตกใจไม่แพ้กัน เขากรีดร้องดังลั่นพลันกระโดดหลบไปข้างๆ แต่ทันใดนั้นเขาก็ส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด เมื่อหันกลับมามอง ข้อเท้าของเขาถูกดาบฟันจนเกือบจะขาด เหลือเพียงเศษผิวหนังบางๆ ติดอยู่เท่านั้น
การโต้กลับ
“นายน้อย” เหล่าหม่าทั้งตกใจทั้งหวาดกลัว
เมิ่งก่วงเห็นขาของตนขาด เขาทั้งเจ็บปวดและหวาดกลัวสุดขีด สติของเขารับไม่ไหวอีกต่อไป ดวงตากลอกขึ้นและหมดสติไป
เหล่าหม่าทั้งโกรธทั้งกลัว “จัดการนาง”
แต่ลูกน้องของเขาต่างหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ทุกคนมองหน้ากันแล้วหันหลังวิ่งหนีไปทันที
ที่นี่มีผีสางแน่นอน สู้ไม่ได้ หนีคือดีที่สุด
เหล่าหม่า “!”
พวกเวรเอ๊ย กลับมานี่ อย่าทิ้งให้ข้าเผชิญหน้ากับอสูรตนนี้คนเดียวสิ