คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1075 ผู้ใดขัดขวางข้า
ตอนที่ 1075 ผู้ใดขัดขวางข้า
เมื่อเห็นว่าเพียงแค่คำเอ่ยของฉินหลิวซีก็ทำให้คนของตนแตกตื่นจนวิ่งหนีไปหมด เหล่าหม่าผู้ดูแลของตระกูลเมิ่งก็รีบคุกเข่าลงทันที ภายใต้รัศมีอันน่าเกรงขามของนาง เขาจับผ้าพันรอบเท้าที่บาดเจ็บของเมิ่งกวงลวกๆ จากนั้นอุ้มเขาขึ้น พร้อมกับเดินนำทางอยู่ข้างหน้า
“ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าในศาลบรรพชนมีอะไรอยู่ นายท่านไม่เคยให้พวกเราเข้าใกล้เลย” เหล่าหม่าเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือและหวาดกลัว
ฉินหลิวซีเอ่ย “ไม่รู้หรือ เช่นนั้นเจ้าคงรู้ว่ามีเด็กหลายคนที่เข้ามาในบ้านเมิ่งแล้วไม่เคยได้ออกไปใช่หรือไม่”
“เอ่อ…” เหล่าหม่าอึกอัก “ข้าน้อยเป็นเพียงบ่าว มิอาจยุ่งเรื่องของเจ้านายได้”
ฉินหลิวซีหัวเราะเย็น “ไม่กล้ายุ่งหรือ เจ้าคิดว่าเพียงเอ่ยเช่นนี้จะทำให้ตนพ้นจากความผิดหรือ เจ้าอาจจะไม่ได้ลงมือเอง แต่เจ้าก็เป็นผู้ช่วย อย่างห่วงไปเลย กรรมที่เป็นของเจ้าจะไม่ขาดแม้แต่นิดเดียว”
หน้าเหล่าหม่ากลายเป็นซีดเผือดทันที
เมื่อมาถึงศาลบรรพชน ฉินหลิวซีแค่นเสียงออกมา ความเย็นยะเยือกเช่นนี้ แปลกนักที่ตระกูลเมิ่งยังอยู่ดี ผู้ใดกันที่อยู่เบื้องหลังคอยคุ้มครอง
ฉินหลิวซีปลุกให้เจ้าเมืองเมิ่งฟื้นขึ้นมา เอ่ยถาม “ผู้ใดเป็นคนสร้างศพเดินได้ขึ้นมา”
เจ้าเมืองเมิ่งหลบสายตาแล้วเงียบไม่ยอมตอบ
ฉินหลิวซีลากตัวเมิ่งกวงมาทิ้งไว้ตรงหน้า ดึงผ้าที่พันเท้าออก เผยให้เห็นเท้าขาดที่เกือบจะหลุดออกเหลือเพียงติดหนังไว้เล็กน้อย “เจ้าดื้อแพ่งไปเถิด ขาดเท้าอาจไม่ถึงตาย แต่เสียเลือดมากอาจจะไม่รอด ข้าเห็นว่าลูกเจ้ามีเพียงคนเดียวก็ลองดื้อดึงต่อไปสิ อย่างไรบุตรหลานจะขาดสะบั้นหรือไม่ก็ไม่ใช่ข้า”
เอ่ยจบ นางยังใช้เท้าเหยียบลงไปที่เท้าของเมิ่งกวงตรงจุดที่บาดเจ็บจนเลือดไหลมากกว่าเดิม ทำให้เมิ่งกวงที่สลบอยู่กระตุกด้วยความเจ็บปวด
เจ้าเมืองเมิ่งมองด้วยความโกรธจนตาแทบถลนออกมา เขาหันไปมองเหล่าหม่าราวกับจะถามว่า เจ้าเป็นคนตายหรืออย่างไร
เหล่าหม่าทำท่าหดตัวเล็กลงกว่าเดิม คิดในใจ ท่านคงไม่ได้เห็นว่าปีศาจตนนี้ทำอะไรมาบ้าง เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำก็ทำให้สมุนพวกนั้นหันกลับมาทำร้ายนายน้อย หากไม่ใช่เพราะนายน้อยหลบเร็ว สิ่งที่ขาดคงไม่ใช่เท้า แต่เป็นเอวแล้ว
บัดนี้ ลูกสมุนที่อยู่ในบ้านเก่าก็หนีไปหมดแล้ว เขาจะสู้ด้วยกำลังก็ไม่มีฝีมือพอ
เจ้าเมืองเมิ่งพุ่งไปกอดร่างลูกชายพร้อมทั้งพยายามปิดบาดแผลบนเท้าของเขา เอ่ย “เขายังเป็นเด็ก เจ้าใจคอเหี้ยมโหดถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
ฉินหลิวซีหัวเราะ เอ่ย “เด็กบางคนคือเด็ก แต่บางคนก็เป็นปีศาจ ชอบการสังหารสิ่งมีชีวิต เจ้าเรียกเขาว่าเด็กอย่างนั้นหรือ”
เจ้าเมืองเมิ่งถึงกับสะอึก
ฉินหลิวซีเอ่ยต่อ “คนอื่นอาจจะเรียกเด็กได้ แต่เจ้าไม่สมควร มีเด็กกี่คนที่ต้องตายเพราะพวกเจ้าสองพ่อลูก พวกเจ้ารู้ดีอยู่แก่ใจ บอกมา ผู้ใดเป็นคนช่วยเหลือครอบครัวเมิ่ง ไยจึงคิดปองร้ายฉินหมิงฉุน”
เจ้าเมืองเมิ่งยังคงปิดปากเงียบ
“ปากแข็งอย่างนั้นหรือ ข้าชำนาญในการจัดการคนปากแข็ง” ฉินหลิวซีหยิบไข่มุกวิญญาณออกมา วาดคาถาลงบนนั้นพร้อมร่ายคาถาออกมาไม่กี่คำ
ทันใดนั้น ลมกระโชกแรง
วิญญาณเด็กนับสิบพุ่งออกมาจากไข่มุก ลอยวนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพุ่งเข้าหาเจ้าเมืองเมิ่งและกอดรัดร่างเขาไว้ เริ่มกัดกินและขบเคี้ยว
เจ้าเมืองเมิ่งส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
เหล่าหม่าก็ร้องเสียงหลงพร้อมกับวิ่งพล่าน มีผี ผีเยอะมาก อ๊ากกก
ฉินหลิวซีมองวิญญาณเด็กเหล่านั้นที่รุมกัดกินเจ้าเมืองเมิ่งด้วยสีหน้าเย็นชา วิญญาณเด็กทั้งหมดมากกว่ายี่สิบดวง
นี่ช่างเป็นบาปหนายิ่งนัก
“ข้าพูด ข้าพูดแล้ว” เจ้าเมืองเมิ่งที่คลุ้มคลั่งดิ้นรนสุดชีวิตตะโกนออกมา “เป็นบรรพชนของข้า นางเองเป็นนักพรตในวิถีเดียวกันกับเจ้า”
“ถุย นักพรตชั่วที่ฝึกวิชาอาคมจนสร้างศพเดินได้ ก็ยังกล้ามาเทียบกับข้าที่อยู่ในทางที่ถูกที่ควรอย่างนั้นหรือ” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยความโกรธ “นางอยู่ในศาลบรรพชนนี้หรือ ข้าฆ่าศพเฒ่านั้นไปแล้ว ไยนางไม่ออกมาเสียที หรือว่านางกลัว”
“เจ้า เจ้ากล้าฆ่าผู้อาวุโสของข้า ข้าจะฆ่าเจ้า” ลมเย็นยะเยือกพัดออกมาจากศาลบรรพชน พร้อมกับพลังสังหารที่คละคลุ้งไปทั่ว
ฉินหลิวซีหลบไปด้านข้าง วางฉินหมิงฉุนลงบนพื้น ก่อนจะสร้างค่ายอาคมป้องกันเขาไว้แล้วหันไปมองต้นตอของลมพายุเย็นที่กำลังก่อตัวขึ้น
ผู้ที่ปรากฏออกมาคือหญิงชราผมขาวเต็มศีรษะ ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย ตัวเตี้ยมาก มีดวงตาเล็กเป็นรูปสามเหลี่ยม แฝงด้วยแววตาโหดร้าย นางมีงูแดงพันอยู่รอบมือ และบนหลังมือมีรอยสักสัญลักษณ์ประหลาด เส้นผมของนางถูกม้วนขึ้นและเสียบด้วยปิ่นที่มีสัญลักษณ์เดียวกัน
อาจเพราะไม่ได้ออกมาเผชิญแสงแดดนาน นางจึงมีผิวซีดขาวจนขาดชีวิตชีวา ดูคล้ายปีศาจร้ายที่เพิ่งปีนขึ้นมาจากหลุมศพ
เมื่อเจ้าเมืองเมิ่งเห็นนางก็เหมือนเห็นผู้ช่วยชีวิต น้ำตาไหลพรากพร้อมร้องอ้อนวอน “ท่านย่า ช่วยกว่างเอ๋อร์ด้วย เขาใกล้จะตายแล้ว”
“ไร้ประโยชน์ แม้แต่ปกป้องท่านปู่ของเจ้าก็ทำไม่ได้ จะมีเจ้าทำไมให้เสียข้าวสุก” หญิงชราผู้นั้นตบหน้าเขาไปหนึ่งทีเต็มแรง แต่เมื่อเห็นสภาพของเขากับเมิ่งกวง นางจึงหันไปมองฉินหลิวซีด้วยความเคียดแค้น “เจ้าทำร้ายบุตรหลานตระกูลเมิ่ง ข้าจะฆ่าเจ้า”
แม้จะเอ่ยเช่นนั้น แต่นางยังคงหยิบยาขึ้นมาโรยบนบาดแผลของเมิ่งกวง เลือดหยุดไหลทันที
ฉินหลิวซีหรี่ตาลง “เจ้าเป็นแม่มดหมอผีหรือ”
นางเดาว่าตระกูลเมิ่งมีบรรพบุรุษที่เป็นแม่มดหมอผีอยู่ มิน่าเล่าพวกเขาถึงกล้าหยิ่งยโสถึงเพียงนี้และยังชั่วร้ายถึงขั้นทำร้ายเด็กๆ มากมาย
เมิ่งเหล่าไท่ไม่ตอบ ร่างของนางพุ่งเข้าใส่ฉินหลิวซีอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ขยับนิ้วเล็กน้อย กู่ตัวเล็กก็พุ่งเข้ามาทางนาง กู่กัดหัวใจ นางต้องการให้เด็กสาวคนนี้ตายอย่างทรมาน เพื่อแก้แค้นที่นางต้องเสียสามี
ฉินหลิวซีจับกู่กัดหัวใจไว้ได้ ความคิดพลันแล่น เมื่อมือตวัดไป กู่หนอนไหมทองก็วิ่งออกมาจากข้อมือฉินหลิวซี กัดกู่กัดหัวใจในคราวเดียว
เมิ่งเหล่าไท่หน้าซีดเผือด “เจ้ามีราชากู่หนอนไหมสีทอง เจ้าเป็นใครกันแน่”
“ข้ามาเพื่อปราบเจ้า” ฉินหลิวซีตอบเสียงเย็น มือถือไม้จินกังในมือ พลิกข้อมือและเหวี่ยงไปทางเมิ่งเหล่าไท่ ตีเข้าที่ใบหน้าของนางอย่างแรง
ไม้จินกังนี้ช่างดีเยี่ยม มันไม่เพียงฆ่าผีได้ยังสามารถตีใบหน้าคนได้อีกด้วย ฉินหลิวซีคิดในใจ คงต้องกลับไปขอบคุณท่านพระกษิติครรภ์ที่ให้เครื่องมือดีๆ เช่นนี้มา
ไม้จินกังยืดยาวออกจนถึงใบหน้าของเมิ่งเหล่าไท่ เมื่อโดนตี หน้าของนางแดงเถือกและบวมขึ้นทันที
เมิ่งเหล่าไท่โกรธจนตัวสั่น นางเรียกวิญญาณงูที่พันข้อมือออกมาโจมตี ส่วนตัวเองรีบขยับเท้าจัดค่ายอาคม
ฉินหลิวซีเบี่ยงตัวหลบกลางอากาศ ไม้จินกังกลายเป็นกระบี่ นางฟันหัววิญญาณงูจนขาดสะบั้นในทันที
อืม ใช้ได้ดีจริงๆ ฟันงูได้อีกด้วย
พระกษิติครรภ์ เจ้าสร้างกรรมโดยใช้อาวุธของข้าเช่นนี้ ข้าไม่เคยตั้งใจให้ใช้เช่นนั้นเลย
นางเป็นศิษย์ของผู้ใด
แต่ตอนนี้ไม่ใช่ยามที่มาเอ่ยถึงเรื่องนี้
เมิ่งเหล่าไท่หยิบกระบี่กระดูกที่แฝงด้วยพลังชั่วร้ายออกมา จากนั้นก็ขยับเท้าด้วยท่าทางแปลกประหลาด ปากร่ายมนต์พึมพำ ขณะเดียวกันก็ใช้เล็บยาวแทงเข้าที่หน้าผากตัวเอง เพื่อลากเอาเลือดหน้าผากไปทาที่กระบี่กระดูกแล้วตวัดกระบี่ไปมา “ข้าขอเชิญภูตผีที่เคารพบูชามาเข้าสู่ร่างกายข้า”
ทันใดนั้นลมกรรโชกแรงฟาดเข้ามา
ท้องฟ้ามืดมิด
หญิงชราที่ดูธรรมดากลายเป็นเหมือนปีศาจที่ถูกสิง นางถือกระบี่กระดูกด้วยพลังคลุ้มคลั่งขณะวิ่งตรงเข้าหาฉินหลิวซีอย่างน่ากลัว
ดูมีอะไรขึ้นมาหน่อย
ฉินหลิวซีตื่นเต้นเป็นที่สุด จับไม้จินกังพร้อมเข้าโจมตีทันที
ติ๊ง
ไม้จินกังปะทะกับกระบี่กระดูก เกิดเสียงเสียดหูขึ้น
เมิ่งเหล่าไท่ตวัดมืออีกข้างเป็นกรงเล็บวิญญาณพุ่งเข้าใส่ฉินหลิวซี
“เดรัจฉาน เจ้ากล้านัก” ทันใดนั้นเสียงตะโกนอันทรงพลังดังขึ้นจากท้องฟ้า มีโซ่ยักษ์โผล่ออกมาจากท้องฟ้าและฟาดลงที่มือของเมิ่งเหล่าไท่
เสียงกรีดร้องของเมิ่งเหล่าไท่ดังลั่น นางถูกฟาดจนกระเด็นไปไกล
ฉินหลิวซี “?”
ข้ายังไม่ได้สู้เลย ผู้ใดมาขัดขวางข้ากันเนี่ย