คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1078 ฉินเสี่ยวอู่ เจ้าไม่เก่งเท่าพี่สาวข้า
ตอนที่ 1078 ฉินเสี่ยวอู่ เจ้าไม่เก่งเท่าพี่สาวข้า
………………..
เสียงขอความช่วยเหลือเบาๆ ดังมาจากใต้โลงศพ ฉินหลิวซีและเหมิงหลู่มองหน้ากันก่อนจะเปิดฝาโลงศพ เห็นเซียนจิ้งจอกนอนแผ่อยู่บนพื้น สภาพอ่อนแรง ขนสีทองของนางดูหม่นหมอง
เบื้องหน้าของนางมีลูกแก้วสีเหลืองอ่อนลอยอยู่ ซึ่งคือดวงจิตของนาง มีรอยร้าวสองเส้น ดูเหมือนจะแตกออกได้ทุกเมื่อ
เหมิงหลู่เอ่ย “นี่คือปีศาจจิ้งจอก”
“ไม่ ข้าคือเซียนจิ้งจอก ข้าเป็นเทพเจ้าคุ้มครองของตระกูลเมิ่ง” เซียนจิ้งจอกสูงอายุเอ่ยด้วยเสียงอ่อนแรง “เป็นนางเมิ่งผู้เฒ่าที่ดึงดวงจิตของข้าออกไป เพื่อจะมอบให้กับศพเดินได้ของนาง แล้วทำกับข้าเช่นนี้ ข้ามันตาบอด หลงไปเชื่อคนผิด”
นางส่งเสียงคร่ำครวญ น้ำตาไหลออกจากหางตา
นางรู้สึกขอบคุณนางเมิ่งผู้เฒ่าที่เคยช่วยชีวิตนางในวัยเยาว์ จึงได้ตกลงเป็นเทพเจ้าคุ้มครองให้กับตระกูลเมิ่ง เพื่อปกป้องพวกเขาสามชั่วอายุคน แต่ผู้ใดจะรู้ว่าตอนสุดท้าย นางกลับถูกนางเมิ่งผู้เฒ่าใช้ประโยชน์จนหมดสิ้น แม้กระทั่งดวงจิตของนางก็ยังถูกนำไปให้ศพเดินได้นั่น
ถ้าไม่ใช่ว่านางได้พยายามต่อสู้จนถึงที่สุด ยอมเลือกจะระเบิดตัวเองเพื่อไม่ให้นางเมิ่งผู้เฒ่าประสบความสำเร็จ และนางรีบไปตามหาศพเดินได้นั่น นางอาจจะต้องสูญเสียดวงจิตไปแล้ว
แต่เมื่อต่อสู้อย่างสุดแรง ผลที่ได้คือบาดเจ็บแสนสาหัส และตอนนี้แม้กระทั่งดวงจิตก็ไม่สามารถนำกลับเข้าร่างเพื่อรักษาบาดแผลได้แล้ว
การบำเพ็ญของนางในร้อยปีอาจจะต้องจบสิ้น
เซียนจิ้งจอกสูงอายุฝากความหวังไว้กับสองนักพรตที่ดูเหมือนจะเป็นฝ่ายธรรมะ
ฉินหลิวซีเอ่ย “เจ้าคือผู้ที่จับน้องชายข้ามาที่นี่ เจ้าทำให้ชีวิตเขาเกือบต้องจบลง แล้วเทพเจ้าคุ้มครองกลับช่วยเหลือเจ้าของบ้านทำร้ายคน เจ้าช่างไม่กลัวพลังถดถอย ไม่สิ มันลดลงไปแล้ว”
เซียนจิ้งจอกสูงอายุยิ้มขมขื่น แต่ไม่ได้เถียง เอ่ย “ขอโทษ แต่ข้าสาบาน ข้าได้ทำผิดเพียงเรื่องนี้เท่านั้น”
“ตระกูลเมิ่งนั้นเป็นอย่างไร เจ้าในฐานะเทพเจ้าคุ้มครองไม่ทราบหรือ แต่เจ้าก็ไม่เคยขัดขวาง แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้มีส่วนร่วมโดยตรง แต่เจ้าก็เลือกที่จะมองดูเฉยๆ” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ “สิ่งเหล่านี้ไม่ถือเป็นความผิดได้ เพราะทุกสิ่งมีทางของมัน เจ้าก็มีทางของเจ้า เจ้ารับรู้การกระทำของตระกูลเมิ่ง แต่ก็เลือกที่จะมองข้าม นั่นคือทางเลือกของเจ้า เราไม่สามารถกล่าวโทษเจ้าได้ แต่เจ้าไม่ควรพาคนมาที่นี่ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร”
เซียนจิ้งจอกสูงอายุอ้าปาก อยากบอกว่านางไม่ทราบเรื่องที่นางเมิ่งผู้เฒ่าทำให้เมิ่งซงกลายเป็นศพเดินได้ แต่อธิบายไปก็เป็นเพียงการแก้ตัว นางจึงนิ่งเงียบและกล่าวคำขอโทษ
ฉินหมิงฉุนเดินเข้ามา เห็นเซียนจิ้งจอกสูงอายุในสภาพนี้ก็ทำตัวไม่ถูก อยากยื่นมือไปสัมผัสร่างกายของนาง แต่ก็ไม่กล้า เพียงหันไปหาฉินหลิวซี เอ่ย “พี่หญิงใหญ่ ข้าต้องจ่ายด้วยสิ่งใดจึงจะช่วยนางได้”
“เจ้าจะช่วยนางหรือ” ฉินหลิวซีเลิกคิ้วขึ้น “นางเกือบทำให้เจ้าเป็นอันตราย ถ้าไม่ใช่เพราะข้ามาทันเวลา เจ้าคงกลายเป็นผีไปแล้ว”
ฉินหมิงฉุนเม้มริมฝีปากพลางเอ่ย “นางเกือบทำร้ายข้า แต่ก็นับว่าได้ช่วยชีวิตข้าไว้ ถ้าไม่ใช่นางให้ขนของนางกับข้า ข้าคงรอจนท่านมาถึงไม่ได้”
“นั่นก็เป็นผลกรรมที่นางต้องชดใช้ มันเป็นเรื่องที่นางควรคืนให้เจ้า ดังนั้นเจ้าไม่ต้องรู้สึกผิดเพราะนั่นคือผลกรรมที่นางได้สร้างไว้ เจ้าไม่ต้องใส่ใจ” ฉินหลิวซียกแขนกอดอก
ฉินหมิงฉุนเงียบ
“ตอนนี้ผลกรรมสิ้นสุด เจ้ายังจะช่วยนาง อยากให้นางต้องตอบแทนบุญคุณเจ้าหรือ”
ฉินหมิงฉุนรีบส่ายศีรษะ เอ่ย “ข้าไม่ได้หวังผลตอบแทน ข้ารู้สึกว่านางไม่ควรตาย”
“แต่นางก็เคยนิ่งเฉยต่อชีวิตคนอื่น นางสมควรได้รับการช่วยชีวิตหรือไม่”
ฉินหมิงฉุนเงียบไปอีกครั้ง มองไปที่เซียนจิ้งจอกสูงอายุ ครุ่นคิดชั่วครู่ เอ่ยถามนาง “ถ้าข้าขอให้นางช่วยชีวิตเจ้า เจ้าจะยอมชดใช้ความผิดเพื่อคนตายเหล่านั้นหรือไม่ หากเจ้าหายดีแล้ว ต้องปกป้องเด็กและคนดี และช่วยต่อสู้กับคนเลว”
เซียนจิ้งจอกสูงอายุอึ้งไปชั่วขณะแล้วพยักหน้า “ข้ายินดีทำเช่นนั้น”
การบำเพ็ญตนหาใช่เรื่องง่าย ผู้ใดบ้างอยากตาย
ฉินหมิงฉุนจึงเอ่ยถามฉินหลิวซีด้วยเสียงจริงจัง “พี่หญิงใหญ่ ข้าต้องแลกด้วยสิ่งใดบ้าง”
ฉินหลิวซีเอ่ยตอบ “ในฐานะที่เราเป็นพี่น้องกัน ข้าจะเรียกแค่สองพันตำลึง แต่มีเงื่อนไขว่าห้ามขอจากครอบครัว หรือขายทรัพย์สินของเจ้าเอง ต้องเป็นเงินของเจ้า ไม่ว่าจะเป็นเงินที่เจ้าได้จากคัดลอกหนังสือ เขียนจดหมาย หรือเป็นเงินเดือนของเจ้า ถ้าเจ้าหาเงินได้ครบจำนวนนี้ ข้าจะช่วยเจ้า”
สองพันตำลึงอาจไม่ใช่จำนวนมากสำหรับบุตรหลานขุนนางผู้มั่งคั่ง แต่เบี้ยเลี้ยงรายเดือนที่ตระกูลฉินมอบให้นั้นหาได้มากไม่ ฉินหมิงฉุนผู้ศึกษาอยู่กับเจ้าสำนักศึกษาถังได้รับเพียงยี่สิบตำลึงต่อเดือน หากจะสะสมเงินให้ครบสองพันตำลึง คงต้องใช้เวลานานนับปี
จำนวนเงินมหาศาลนี้ทำให้ฉินหมิงฉุนตัวสั่นเล็กน้อย เขาเอ่ยด้วยเสียงเบา “ข้าขอผัดผ่อนไปก่อนได้หรือไม่”
ถ้ารอจนเขาสะสมเงินได้ครบสองพันตำลึง เซียนจิ้งจอกอาวุโสคงสลายไปจนไม่เหลือกระดูกแล้ว
ฉินหมิงฉุนเผยรอยยิ้มกว้าง โชว์ฟันขาวราวเมล็ดข้าวสาร “ขอบคุณท่านพี่ ข้าจะเขียนใบรับสัญญาไว้ แล้วขอท่านช่วยรักษาเซียนจิ้งจอกอาวุโสด้วย”
เซียนจิ้งจอกอาวุโสตื้นตันใจยิ่งนัก นางคิดว่าตนได้พบเจอคนดีแล้ว เพราะเหตุนี้ นางจึงไม่ถือโทษโกรธเขาที่เคยเรียกนางว่า ยายแก่
ฉินหลิวซีวาดยันต์ตรึงวิญญาณหนึ่งแผ่น แล้วใช้พลังยึดเหนี่ยวใส่ลงไปในดวงจิตที่มีรอยร้าวของเซียนจิ้งจอก จากนั้นจึงดึงดวงจิตนั้นเข้ามายังจุดสำคัญของร่างกายนางพลางร่ายคาถา ก่อนจะบังคับใส่ดวงจิตนั้นกลับเข้าไปในร่างอย่างรุนแรง
เซียนจิ้งจอกอาวุโส “…”
ข้าสงสัยว่านางมีอคติกับข้า จึงตั้งใจทำอย่างหยาบกระด้างเช่นนี้
แม้ดวงจิตนั้นจะกลับคืนร่าง แต่ความเจ็บปวดที่ตามมาก็ทำให้นางกระอักเลือดออกมา ดวงจิตแทบแตกสลายในร่างของนาง นางเจ็บปวดแทบทนไม่ไหว
เซียนจิ้งจอกอาวุโสอ่อนแรงลงเรื่อยๆ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยทักท้วง มองดูฉินหลิวซีอย่างหงอๆ
ฉินหลิวซีจึงเอ่ย “ข้าเพียงแค่ซ่อมแซมดวงจิตของเจ้า แต่ไม่ได้ทำให้มันกลับคืนดังเดิม ข้าเคยบอกเจ้าแล้ว แม้เจ้าไม่ได้ทำผิดด้วยตัวเอง แต่เลือกที่จะนิ่งเฉย นี่กระทบกับการบำเพ็ญตนของเจ้า การที่พลังถดถอยจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเจ้าต้องการให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ เจ้าต้องฝึกฝนบำเพ็ญตนอีกครั้ง และสะสมบุญกุศล มิฉะนั้น แม้เจ้าจะฟื้นฟูกายได้ แต่หากพลังไม่กลับมา เจ้าก็จะเป็นเพียงจิ้งจอกธรรมดาที่มีสติปัญญา ไม่มีกำลังป้องกันตนเอง และสุดท้ายจะกลายเป็นอาหารของคนอื่น”
เซียนจิ้งจอกอาวุโสก้มตัวหมอบกับพื้น “จิ้งจอกเก้าขอรับคำสอนของท่านเทียนซือ จากวันนี้เป็นต้นไปข้าจะบำเพ็ญตนและสะสมบุญอย่างขยันขันแข็งต่อไป”
“ทางที่ดีเจ้าจงทำตามที่พูดให้ได้ อีกทั้งเรื่องที่เจ้าเคยรับปากไว้ หากทำไม่ได้ กฎแห่งกรรมย่อมติดตาม และวันหนึ่งเจ้าจะต้องชดใช้” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เจ้าค่ะ”
ฉินหลิวซีหยิบยาเม็ดหนึ่งออกมาใส่ปากของเซียนจิ้งจอกอาวุโส “นี่ช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บภายใน” จากนั้นนางหันมาทางฉินหมิงฉุน เอ่ย “ในเมื่อเจ้าจะช่วยนาง เจ้าก็จงช่วยจนสุดทาง พานางกลับไป บูชาด้วยธูปสามดอกทุกวัน ไฟธูปจะช่วยให้ร่างนางฟื้นตัวเร็วขึ้น รอนางหายดีแล้ว นางจะไปที่ใดก็สุดแล้วแต่นาง เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องบูชาอีกต่อไป”
จิ้งจอกเก้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าสามารถเป็นเซียนประจำบ้านของท่านได้”
ฉินหมิงฉุนรีบตอบทันที “ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาเป็นเซียนประจำบ้าน ชีวิตนี้ของข้า บูชาเพียงแผ่นอายุยืนของพี่หญิงใหญ่ เซียนอื่น ข้าไม่จำเป็น อีกอย่าง เจ้าก็ไม่เก่งกาจเท่าพี่หญิงใหญ่ของข้า”
จิ้งจอกเก้ารู้สึกกระอักกระอ่วน แม้สิ่งที่เขาเอ่ยจะเป็นความจริง แต่นั่นก็ไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมาตรงๆ
ฉินหลิวซีกลับรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย นางมองดูน้องชายผู้ไร้เดียงสา คราวนี้เขาดูเติบโตขึ้นแล้ว ความคิดอ่านก็พัฒนาขึ้นแล้วนี่นา