คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1079 ของขวัญล้ำค่าจากหมอผีเหมียว
ตอนที่ 1079 ของขวัญล้ำค่าจากหมอผีเหมียว
………………..
หลังจากจัดการเรื่องของจิ้งจอกเก้าเสร็จแล้ว ฉินหลิวซีให้ฉินหมิงฉุนอุ้มนางออกไป จากนั้นก็ให้เจ้าของปัญหาไปแจ้งทางการ อย่างไรบาปกรรมใต้ศาลบรรพบุรุษตระกูลเมิ่งนี้ จำเป็นต้องเปิดเผยออกไป
ระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่จากทางการมาถึง ฉินหลิวซีก็ทำการสวดส่งวิญญาณเด็กที่ถูกขังในไข่มุกวิญญาณ
พวกเขาถูกเมิ่งเหล่าไท่หลอมรวมเข้ากับวิญญาณของเมิ่งซง ใช้พวกเขาเลี้ยงวิญญาณของเมิ่งซงมาเป็นเวลานาน หากวิญญาณของเด็กๆ ถูกกลืนกินจนหมด พวกเขาจะหายไปอย่างถาวร ฉะนั้นวิญญาณที่เหลืออยู่จึงจำเป็นต้องสวดส่งไปเกิดใหม่
เหมิงหลู่ร่วมสวดส่งวิญญาณด้วยเช่นกัน เพราะเมิ่งเหล่าไท่เคยเป็นศิษย์ของเขา เขาจึงต้องสวดเพื่อชดใช้บาปในส่วนนี้
ฉินหลิวซีสวดพระสูตรส่งวิญญาณไปเกิดใหม่ซ้ำหลายรอบ และส่งผลบุญออกไปหลายครั้งเพื่อฟื้นฟูวิญญาณเล็กๆ ของเด็กๆ หลังจากส่งพวกเขาไปแล้ว เจ้าหน้าที่จากทางการก็มาถึง
แลผู้ที่มาพร้อมกับเจ้าหน้าที่จากทางการ ยังมีเจ้าสำนักศึกษาถังพร้อมพรรคพวกเขาติดตามมาด้วย เมื่อรู้ว่าฉินหมิงฉุนประสบเคราะห์ร้าย พวกเขาจึงมาดูด้วยตาตนเองให้หายกังวล
เมื่อเห็นสภาพห้องลับ แม้จะได้รับการเตือนจากฉินหมิงฉุนล่วงหน้า แต่ก็ยังทำให้พวกเขารู้สึกสั่นสะท้านจนมือเท้าอ่อนแรงและท้องไส้ปั่นป่วน
ใบหน้าของลู่สิงฟ่านซีดขาวอย่างไม่น่าเชื่อ เขาไม่อยากเชื่อว่ายังมีคนบนโลกที่ทำพิธีอันชั่วร้ายเช่นนี้ เขาเห็นเพียงสภาพที่น่าสะพรึงแล้วไม่อยากจะจินตนาการว่าสิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างล่างจะไม่เลวร้ายยิ่งกว่าหรือ
ในโลกนี้ยังมีพิธีชั่วร้ายเช่นนี้อีกเท่าใด
เขาหันไปมองฉินหมิงฉุน วางมือใหญ่ลงบนไหล่ของเขา เอ่ย “เจ้ารอดจากเคราะห์ครั้งใหญ่แล้วจริงๆ หาไม่แล้วกระดูกในกองนี้อาจจะมีของเจ้าอยู่ด้วยก็เป็นได้”
“เคราะห์ใหญ่ไม่ถึงตาย ย่อมมีโชคดีภายหน้า เจ้าต้องบูชาพี่สาวเจ้าดุจเทพ” เจ้าสำนักศึกษาถังเอ่ยเสริม
ฉินหมิงฉุน ดังนั้นข้าจะบูชาแต่แผ่นป้ายอายุยืนของพี่หญิงเท่านั้น พี่หญิงต้องปกปักษ์รักษาข้าแน่นอน
ห้องลับใต้ศาลบรรพบุรุษตระกูลเมิ่งมีซากศพซ่อนอยู่เป็นจำนวนมาก นี่เป็นคดีใหญ่ แต่ไม่อาจป่าวประกาศต่อสาธารณชนว่าเป็นการใช้พิธีชั่วร้ายสร้างศพเกรงว่าจะทำให้ประชาชนตื่นตระหนก และไม่สามารถปิดคดีด้วยข้อหาทำพิธีชั่วร้ายได้
หลังจากพิจารณาหลายด้าน เจ้าสำนักศึกษาถังใช้ความสัมพันธ์ของเขาช่วยจัดการ บอกว่าเป็นคดีที่ตระกูลเมิ่งมีนิสัยโหดร้ายชอบฆ่าทารก และลักพาตัวเด็กไปยังสถานที่แห่งนี้ ทางการให้ผู้ที่สูญเสียลูกหลานไปแจ้งความ และยึดทรัพย์สินของตระกูลเมิ่งเพื่อนำมาใช้จ่ายชดเชยแก่ครอบครัวของเด็กๆ ที่ถูกลักพาตัว
ฉินหลิวซีไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการดำเนินการของทางการ เมื่อเห็นว่าฉินหมิงฉุนผ่านพ้นวิกฤตไปแล้ว นางจึงไล่เขากลับไปที่สำนักศึกษา สั่งให้ทำตัวให้กล้าหาญ ศึกษาเล่าเรียนอย่างตั้งใจ
ลู่สิงฟ่านสงสัย จึงถามถึงชะตากรรมของผู้ที่ทำพิธีชั่วร้ายนั้น
“ตายแล้ว” ฉินหลิวซีตอบ “ท่านถามไปทำไมหรือ คนก่อนหน้าที่อยากรู้อย่างท่าน ตอนนี้อยู่ในเส้นทางไปเกิดใหม่แล้ว”
ท่านอาจารย์เหยียนผู้มีคุณธรรมอย่างเขายังไม่ทันได้จากไปอย่างสงบ ไยต้องเอาตัวไปเสี่ยงอีกคน
ลู่สิงฟ่านแอบมองนางอย่างเงียบๆ ในใจคิดว่าสมแล้วที่เป็นศิษย์ของถังจื่อสือ เอ่ยวาจาเหมือนกันยิ่งนัก
“ข้าเพียงอยากถาม ท่านคิดว่าข้ามีวาสนากับลัทธิเต๋าหรือไม่”
ฉินหลิวซีหัวเราะ “สรรพสิ่งล้วนมีวาสนากับเต๋า”
ลู่สิงฟ่านโบกมือ “ไม่ใช่ ข้าหมายถึง ข้าจะเรียนวิชาด้วยได้หรือไม่”
“วาสนาลึกตื้น ขึ้นอยู่กับว่าท่านจะศรัทธาต่อเจ้าลัทธิเต๋ามากเพียงใด” ฉินหลิวซีล้วงยันต์ออกมาแผ่นหนึ่งแล้วส่งให้ “นี่เป็นของเจ้าลัทธิเต๋าของเรา มอบให้ท่าน เทียนจุนอวยพรไร้ขีดจำกัด”
“โอ้ ขอบคุณเจ้าลัทธิเต๋า” ลู่สิงฟ่านรับยันต์ด้วยมือทั้งสอง พลิกดูอย่างระมัดระวัง เก็บยันต์สามเหลี่ยมนี้ไว้ในถุงอย่างประณีต
เจ้าสำนักศึกษาถังรอไม่ไหว รีบคว้าตัวฉินหลิวซีมาพูดคุยด้วยความเป็นห่วง “เจ้าจากที่นี่ไปเป็นเวลาหลายปีโดยไม่มีข่าวคราว ทำให้คนกังวลเป็นอย่างมาก ตอนนี้เจ้าสบายดี ข้าก็สบายใจแล้ว”
“ขอบคุณท่านที่เป็นห่วง”
เจ้าสำนักศึกษาถังดูมีคำพูดที่ติดอยู่ในลำคอ
ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นอีก “ท่านอาจารย์จากไปยังที่ที่เขาควรไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี”
“เช่นนั้นก็ดี เช่นนั้นก็ดี”
หลังจากคุยเรื่องเก่าๆ กันสักพัก ฉินหลิวซีก็จากไปพร้อมกับเหมิงหลู่
ลู่สิงฟ่านเห็นนางจากไปก็หันมาถามเจ้าสำนักศึกษาถัง “นางมอบยันต์ให้ข้า มีความหมายอะไรหรือไม่ ข้าต้องไปบริจาคค่าน้ำมันตะเกียงหรือไม่”
อารามนี้ดีมาก ข้าควรไปซึมซับบรรยากาศสักหน่อย
…
“สหายเหมิง เจ้าลงจากเขาครั้งนี้เพื่อลงมือกำจัดคนทรยศในสำนักหรือ” ฉินหลิวซีเอ่ยถามเหมิงหลู่
เหมิงหลู่ส่ายหน้า เอ่ย “นอกจากกำจัดคนทรยศในสำนักแล้ว ข้ายังได้รับคำสั่งจากพ่อมดผู้เฒ่าในเผ่าให้มามอบของบางอย่างให้แก่ท่านปรมาจารย์”
ฉินหลิวซีชะงัก “ปรมาจารย์ที่ท่านเอ่ยถึง หมายถึงข้าหรือ”
“ถูกต้องแล้ว” เหมิงหลู่ปลดถุงผ้าที่สะพายอยู่ด้านหลังออก หยิบสิ่งของห่อผ้าสีแดงออกมาแล้วส่งให้พร้อมเอ่ย “พ่อมดผู้เฒ่าของเราขณะทำพิธีพยากรณ์และสื่อสารกับเทพเจ้าแห่งหมอผี ได้รับคำชี้แนะจากเทพเจ้าว่ามนุษย์ทั้งหลายในใต้หล้ากำลังจะเผชิญมหันตภัย แต่จะมีบุคคลหนึ่งซึ่งมีบุญบารมีครบถ้วนที่จะช่วยบรรเทาภัยให้ได้ พวกเราชาวหมอผีซึ่งฝึกฝนวิชา จำต้องร่วมด้วยช่วยเหลือตามกำลังความสามารถ”
ในอกของฉินหลิวซีสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
เหมิงหลู่มองนางแล้วเอ่ย “และท่าน คือบุคคลผู้นั้น”
ฉินหลิวซีเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา “ท่านคงดูผิดไป ข้าเองก็เป็นเพียงหนึ่งในเหล่ามนุษย์ในใต้หล้า ไหนเลยจะกอบกู้โลกได้”
คำยกยอนี้เสมือนหมวกใบใหญ่ที่สวมแล้วไม่อาจถอดออก นางกลัวว่าวันหนึ่งจะถูกหัวเราะเยาะ
เหมิงหลู่ยิ้มแล้ววางสิ่งของไว้ในมือของนาง เอ่ย “ในโลกนี้ไม่มีผู้ใดที่ไม่เป็นหนึ่งในฝูงชนธรรมดา พวกเราเพียงต้องการศรัทธา ที่จะนำพาเราไปข้างหน้าเท่านั้น”
ฉินหลิวซียิ้มแห้งๆ “ท่านชมข้าเกินไปแล้ว ข้าจะมีคุณธรรมและบารมีอะไรถึงเพียงนั้นได้เล่า”
“คุณธรรมและบารมี ย่อมเป็นสิ่งที่สวรรค์รับรอง”
ฉินหลิวซีไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ เพียงแค่เปิดห่อผ้าในมือออก ภายในนั้นปรากฏกล่องหยกใสวาววับ ที่ภายในบรรจุก้อนหินขนาดเท่าไข่มุก เปล่งประกายแสงวิญญาณแห่งสวรรค์และโลกเจิดจรัส
“นี่คือ?”
เหมิงหลู่เอ่ย “นี่คือสมบัติล้ำค่าของเผ่าข้า เทพเจ้าโบราณแห่งหมอผีขนานนามมันว่าศิลาเทพแห่งสวรรค์ หินนี้เต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิตและความหวัง เป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ พวกเราชาวหมอผีหลบเร้นจากโลกมาเนิ่นนานเพื่อปกป้องสมบัตินี้ ตอนนี้เมื่อมหันตภัยใกล้เข้ามา พวกเรายินดีมอบศิลานี้ให้ท่านปรมาจารย์ จงใช้มันให้ดี”
ฉินหลิวซีกลืนน้ำลาย มือสั่นขณะเอื้อมไปสัมผัสกล่องหยก แม้ว่ามีกล่องขวางอยู่ นางก็ยังสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอันเข้มข้น ทำให้จิตใจนางรู้สึกยุ่งเหยิง
อารามชิงผิงเมื่อหลายพันปีก่อน เคยเป็นถึงนิกายใหญ่ แต่มรสุมกาลเวลาผ่านไป สมบัติล้ำค่าที่แท้จริงแทบไม่เหลือ ดูเผ่าหมอผีสิ แม้จะสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา แต่เพียงยื่นมือมา ก็คือศิลาเทพแห่งสวรรค์
ชนเผ่าที่หลบเร้นจากโลก จึงเป็นพวกที่ซ่อนสมบัติล้ำค่าและมีความสามารถที่แท้จริง ไม่ผิดเลยจริงๆ
เหมิงหลู่เห็นสีหน้าของฉินหลิวซีที่ดูเหมือนคนกำลังไม่สบายใจ เอ่ย “ท่านปรมาจารย์ไม่เชื่อคำพูดของข้าหรือ พ่อมดผู้เฒ่าของพวกเราคือผู้อาวุโสผู้เดียวที่สามารถสื่อสารกับเทพเจ้าและสวรรค์ได้”
“ไม่ใช่ ข้าเพียงรู้สึกทึ่งเล็กน้อย”
“หืม?”
“เผ่าหมอผีของท่านร่ำรวยเหลือเกิน ยังมีสมบัติล้ำค่าเช่นนี้อีกหรือไม่”
เหมิงหลู่ “…”
ข้าดูท่านไม่ได้ทึ่งหรอก แต่เหมือนหมาป่าในป่าลึกที่ดวงตาทั้งสองข้างกำลังเปล่งประกายสีเขียวต่างหาก