คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1082 ฟ่านคงอาจช่วยข้า?
ตอนที่ 1082 ฟ่านคงอาจช่วยข้า?
………………..
ฉินหลิวซีไม่ได้อยู่ที่อำเภอหนานนานนัก เหมือนที่ผู้อาวุโสเฉินหวงเอ่ยไว้ ผู้นำไม่จำเป็นต้องเป็นแพะเสมอไป เป็นหมาป่าก็ย่อมได้ จะต้องเป็นหมาป่าที่แข็งแกร่ง ยังมีเรื่องมากมายที่นางต้องทำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องม่านอาคมในทะเลทรายดำ ที่นั่นมีบางสิ่งบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้น
ม่านอาคมนี้ ซื่อหลัวคงลงแรงกายแรงใจไปไม่น้อย จะต้องมีจิตของเขาอยู่ที่นั่นอย่างแน่นอน หากคิดจะเข้าไปในม่านอาคมโดยที่ไม่ให้เขารู้ตัว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แน่นอนว่าฉินหลิวซีเองก็ไม่ได้กลัวว่าเขาจะรู้ เพราะอย่างไรเสียนางก็อยู่ในที่สว่าง ไม่แน่บางทีปีศาจเฒ่าอาจจะซ่อนตัวอยู่ที่นั่นก็เป็นได้ กำลังมองดูนางเที่ยวทำนู่นทำนี่เหมือนตัวตลกอยู่กระมัง?
ฉินหลิวซีไม่สนใจว่าเขากำลังปั่นหัวนางหรือไม่ นางสนใจแค่ม่านอาคมเท่านั้น ภายในม่านอาคมมีอะไรบ้าง นางยังไม่รู้แน่ชัด หากบุกเข้าไปดื้อๆ จะต้องเจอกับอะไรบ้าง หากเป็นการเชิญท่านลงโอ่ง แล้วเจอกับดักขึ้นมา ก็ถือว่านางพลาดแล้ว!
ดังนั้นม่านอาคมสามารถเข้าได้ แต่ต้องเข้าไปแบบเงียบๆ ไม่กระโตกกระตาก
ฉินหลิวซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางต้องหาผู้ช่วย ‘ผู้โง่เขลา’ ดังนั้นนางจึงตัดสินใจเดินทางไปที่ภูเขาเทียน เมื่อเห็นฟ่านคงที่แทบจะกลายเป็นมนุษย์หิมะอยู่รอมร่อ นางก็กระตุกมุมปากเบาๆ
มานั่งบำเพ็ญตบะภายใต้หิมะที่ตกหนักเช่นนี้จะกระจ่างในธรรมกว่าหรือ
ฟ่านคงกำลังเข้าฌานทำสมาธิ เขาจมดิ่งสู่พระธรรมอันไร้ซึ่งขอบเขต แม้ว่าจะรับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหว ทว่าเขากลับไม่ไหวติงแม้แต่นิดเดียว โยนความคิดที่ก่อกวนจิตใจทิ้งไปจนหมด
ฉินหลิวซีเองก็ไม่ได้ทำอะไรที่ไร้สัมมาคารวะ รบกวนการบำเพ็ญตบะของผู้อื่น นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หย่อนตัวนั่งขัดสมาธิไม่ไกลจากฟ่านคงเท่าไหร่นัก
ทว่านางหยิบเอาศิลาเทพแห่งสวรรค์ออกมาตรงหน้า
ศิลาเทพแห่งสวรรค์ใช้อย่างไรกัน เหมิงหลู่ก็ไม่ได้บอกไว้ ที่มอบให้นางก็เพราะให้ต้องการนางใช้นำไปใช้ในทางที่เหมาะสมที่สุด ฉินหลิวซีจะต้องหยั่งรู้ถึงก้อนหินก้อนนี้อย่างถ่องแท้ จากนั้นค่อยพิจารณาว่าควรนำไปใช้ที่ไหน
เมื่อศิลาเทพถูกนำออกมา บริเวณรอบๆ ก็เริ่มมีพลังจิตวิญญาณโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง
ฟ่านคงเลิกคิ้วเล็กน้อย เขาเองก็รับรู้ได้จึงค่อนข้างรู้สึกประหลาดใจ ทว่าเขาไม่ได้ลืมตาแต่อย่างใด ยังคงหลับตาอยู่นั้น ซึมซาบในพระธรรมแห่งพุทธอย่างไม่รู้จักพอ
พลังจิตวิญญาณห่อหุ้มนางจนหมด
พระธรรมแห่งพุทธไร้ขอบเขต พระธรรมแห่งเต๋าก็เช่นกัน ลึกล้ำเสียยิ่งกว่าลึกล้ำ
สิ่งที่เรียกว่าเต๋าก่อเกิดทุกสรรพสิ่ง ทุกสรรพสิ่งล้วนเกิดจากเต๋า ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตทั้งมวล ล้วนแล้วแต่เกิดจากเต๋าทั้งสิ้น และอาณาจักรสูงสุดของเต๋า ก็คือความสามัคคีระหว่างสวรรค์และมนุษย์ ถือเป็นปณิธานสูงสุดของนักพรตเช่นกัน หากจะทำให้ได้ถึงระดับนี้ จะต้องอาศัยการบำเพ็ญและการหยั่งรู้ที่ลึกซึ้ง
หนึ่งวันสองคืนผ่านไป ในที่สุดฟ่านคงก็ยอมละจากพระธรรมไร้ขอบเขต กลับมายังโลกมนุษย์ นัยน์ตาของเขากระจ่างใสดุจน้ำบริสุทธิ์ สะอาดหมดจดเป็นอย่างมาก ราวกับว่าหยั่งรู้ทุกสรรพสิ่งก็ไม่ปาน
พอหันหน้ามาก็เจอเข้ากับหน้าของนางพอดี เขารีบเอนหลังหลบตามสัญชาตญาณ แสงรัศมีที่คละคลุ้งสลายหายไปในทันที พลางเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เหตุใดท่านถึงเข้ามาใกล้ขนาดนี้”
เขาสบตากับนัยน์ตาที่ดำขลับของนาง ดวงตาคู่นั้น เป็นประกายประหนึ่งดาวตก ราวกับทางช้างเผือกอันกว้างใหญ่ไพศาลปลายเทือกเขาที่เขาเห็นเป็นประจำก็ไม่ปาน แวววาวจนน่าแปลกใจ
“แค่อยากจะดูว่าหน้าตาท่านเป็นอย่างไร หน้าตาดีไม่น้อย” ฉินหลิวซีฉีกยิ้มกว้าง
ฟ่านคง “…”
อมิตาภพุทธ ธาตุทั้งสี่ของผู้ออกบวชนั้นว่างเปล่า การแทะโลมนี้ เขาไม่ได้ยิน!
ฟ่านคงลุกยืนขึ้น พลางพูดขึ้น “ท่านมาที่นี่ทำไมหรือ”
“เปล่า ข้าแค่จะถามท่านว่ารู้จักม่านอาคมไร้ขอบเขตหรือไม่”
ฟ่านคงชะงักไปชั่วขณะ “ม่านอาคมไร้ขอบเขต? ที่นั่นเป็นสถานที่ซ่อนพระสูตรแห่งปรารถนาเดิมของพระกษิติครภโพธิสัตว์ไว้ ใช้พระพรหมสูตรแทนกระดูก ใช้พลังความชั่วร้ายแทนผิวหนัง และผู้สร้างอาณาเขตนี้จะต้องมีอภินิหารอันสูงส่ง จิตใจและอุปนิสัยจะต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เพราะพระพรหมสูตรคือกรรมแห่งนรกที่ไร้จุดสิ้นสุด เพียงแค่ค้ำจุนสิ่งนี้ก็สูญเสียพลังจิตเป็นอย่างมาก นอกจากนี้พลังแห่งความชั่วร้ายยังเป็นทั้งเกราะป้องกันและสามารถโจมตีได้ในเวลาเดียวกัน หากบุกเข้าไป ผู้ที่จิตแห่งเต๋าไม่สงบพอ จิตวิญญาณก็จะแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี กลายเป็นธาตุสารอาหารไปโดยปริยาย ท่านได้ยินเรื่องม่านอาคมจากที่ไหนหรือ ปัจจุบันในนิกายพุทธ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถสร้างม่านอาคมท้าทายสวรรค์เช่นนี้”
“ท่านทำไม่ได้หรือ”
ฟ่านคงเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพูดขึ้น “ม่านอาคมนี้ เดิมทีก็เป็นสิ่งที่ผิดอยู่แล้ว อาตมาทำไม่ได้”
ฟ่านคงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน “ถึงแม้ทำได้ อาตมาก็ต้านทานพลังของม่านอาคมได้แค่ครึ่งเค่อเท่านั้น”
ฉินหลิวซีรู้สึกชาไปทั้งตัว
ความแข็งแกร่งของศัตรูลบล้างความรู้และวิสัยทัศน์ของนางครั้งแล้วครั้งเล่า ยากที่จะเอาชีวิตรอด!
ฟ่านคงเห็นสีหน้าที่อึมครึมของนางแล้ว เดิมทีเขาตั้งใจว่าจะไม่ถาม แต่ก็อดไม่ได้จึงถามขึ้นว่า “เป็นอะไรไปหรือ”
ฉินหลิวซีกะพริบตาเบาๆ พลางเอ่ย “ข้าจะพาท่านไปดูสิ่งที่น่าทึ่ง”
ฟ่านคงยังไม่ทันตั้งตัวก็ถูกนางดึงเข้าไปในเส้นทางหยิน จวบจนถึงทะเลทรายดำ เขารู้สึกแน่นไปทั้งทรวงอก รีบท่องอมิตาภพุทธพลางลืมตาขึ้น นัยน์ตาสั่นไหว
ม่านอาคมไร้ขอบเขต
“ผู้ใดเป็นคนสร้างม่านอาคมนี้กัน” ฟ่านคงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
“มารเอ้อฝูซื่อหลัว”
ฟ่านคงหันไปมองฉินหลิวซีที่กำลังยืนกอดอกอยู่ นางพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย “นอกจากเขาที่มีชีวิตมานับพันปี ปีศาจเฒ่าที่เกือบจะได้ขึ้นสู่สวรรค์ จะมีผู้ใดมีความสามารถนี้อีก ท่านกลับบอกว่าต้านทานได้เพียงหนึ่งเค่อ แต่ข้าสังเกตจนถึงตอนนี้ ผ่านไปแล้วหลายวัน และบางทีอาจจะคงอยู่ได้นานกว่านี้”
ฟ่านคงสีหน้าเคร่งขรึม
“ฟ่านคง ท่านดูเถิด ศัตรูแข็งแกร่งขนาดนี้ ท่านว่าเราหนีดีหรือไม่” ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้น
ฟ่านคงท่องอมิตาภพุทธ จากนั้นจึงเอ่ย “ท่านอย่าล้อเล่นไปเลย พระพุทธเจ้าเมตตาโอบอ้อมอารี ไม่มีทางมองดูราษฎรตกทุกข์ได้ยากอย่างแน่นอน พุทธเต๋าทั้งสองขนาน ก็ไม่ควรที่จะเพิกเฉย”
“แล้วท่านว่า ศึกครั้งนี้ข้าจะสู้อย่างไร”
ฟ่านคงได้ยินคำพูดประโยคนี้แล้ว สีหน้าประหม่าสับสนที่หาดูได้ยากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “สู้อย่างนิ่มๆ?”
ฉินหลิวซี “?”
บอกข้าที ท่านไม่ได้กำลังสื่อถึงสิ่งนั้นใช่ไหม ไม่ใช่อย่างแน่นอน!
ฟ่านคงเห็นสีหน้านางเหยเกประหนึ่งท้องผูกก็ไม่ปาน จึงเอ่ย “ไท่เก๊กใช้ความนุ่มนวลเอาชนะความแข็ง อีกฝ่ายหนึ่งแข็ง เช่นนั้นเราก็ใช้ความนุ่มนวลไปสู้ ก็เป็นเรื่องปกติมิใช่หรือ”
ฟ่านคงเอ่ยต่อไปว่า “ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเก่งกาจเพียงใด ค่อยๆ พลิกแพลงไปตามสถานการณ์ พบมารฆ่ามาร พบพระฆ่าพระ กำจัดทุกสิ่งที่ขวางหน้า แม้ว่าจะขัดต่อหลักทำนองคลองธรรมก็ตาม”
“ข้าขอเตือนท่านหน่อยเถิด ท่านเป็นคนในพุทธศาสนา ทว่ากลับเอาแต่พูดคำว่าเข่นฆ่าติดปากเช่นนี้ ไม่กลัวว่าจะถูกพระพุทธเจ้าตำหนิติโทษหรือ” ฉินหลิวซีเหลือบมองฟ่านคงด้วยแววตาที่เรียบเฉย
ฟ่านคงขมวดคิ้ว ท่านไม่ได้เป็นคนเริ่มบทสนทนานี้หรอกหรือ
ฉินหลิวซีไม่ได้แกล้งเขาต่อ นางเอ่ยว่า “ท่านเองก็เห็นแล้ว มารเอ้อฝูซื่อหลัวได้สร้างม่านอาคมขึ้นมา ข้างในกลายเป็นอย่างไรบ้าง ไม่มีใครรู้ สองวันมานี้ มีคนจากเผ่าหมอผีเหมียวมาหา…”
นางเล่าเรื่องที่เหมิงหลู่มาหาให้เขาฟังอีกรอบ
สีหน้าฟ่านคงเคร่งขรึมขึ้นเรื่อยๆ หายนะเป็นไปตามที่พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่กล่าวไว้ เช่นเดียวกับภัยพิบัติวันโลกาวินาศ
เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้าอย่างไม่รู้ตัว อยากจะดูว่าเป็นอย่างที่พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่กล่าวไว้หรือเปล่า ราษฎรจะเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า โลกใบนี้จะล่มสลายหรือไม่
ฉินหลิวซีห้ามเขา “ไม่ต้องสอดแนมให้ยุ่งยาก ในเมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้ว สิ่งที่ได้กลับมาคืนมาคือไร้พลัง ช่วยอะไรเราไม่ได้เลย มีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น สำคัญที่สุด คือสิ่งที่อยู่ตรงหน้า”
ฟ่านคงมองไปยังเบื้องหน้า
“คำพูดที่ว่ารู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง แม้ว่าเราจะรบไม่ชนะทั้งร้อยครั้ง แต่ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม” ฉินหลิวซีเอ่ยกับฟ่านคง “ดังนั้นม่านอาคมนี้ ข้าอยากจะเข้าไปดูข้างในว่ามีความลับอะไรบ้าง แต่หากไม่ให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ตัวก็จะต้องมีคนช่วย ฟ่านคง ท่านเองก็เป็นคนของนิกายพุทธ สาวกแห่งพระพุทธเจ้า ช่วยข้าหน่อยได้หรือไม่”