คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1083 รีบกลับมา กำลังจะโดนแย่งชิงลูกศิษย์
………………..
ฟ่านคงไม่ได้ปฏิเสธการร้องขอของฉินหลิวซี
เหมือนเช่นที่นางเอ่ย ภัยพิบัติกำลังจะมา พวกเขาเต๋าพุทธสองลัทธิยังพอมีโอกาสหยุดยั้งสถานการณ์นี้ แล้วพวกเขาจะเพิกเฉยเพียงเพราะกลัวตายได้อย่างไรกัน
เช่นเดียวกันกับเต๋าพุทธสองลัทธิที่ร่วมกันหยุดยั้งมารเอ้อฝูซื่อหลัวไม่ให้นำธงสังเวยชีวิตอาณาประชาราษฎร์มาหลายพันปี พวกเขาก็ทำได้เช่นกัน
ฟ่านคงไม่เคยคำนึงถึงส่วนได้ส่วนเสียของตนอยู่แล้ว
เพียงแต่ว่าการเข้าไปในม่านอาคมนั้น ไม่ใช่ว่าจะเข้าก็สามารถเข้าได้เลย จะต้องหาช่องโหว่ในนั้นให้ได้ก่อน จากนั้นก็ค่อยมาหาวิธีเข้าที่ปลอดภัยอีกที
ทั้งสองปรึกษาหารือกันอยู่ครู่ใหญ่ จากนั้นก็แยกย้ายกลับไปค้นหาบันทึกที่เกี่ยวข้องกับพุทธและเต๋า แล้วจึงค่อยกลับมาใหม่ในวันถัดไป
หลังจากที่แยกย้ายกับฟ่านคงแล้ว ฉินหลิวซีก็กลับไปที่อารามชิงผิง นางไปตรวจชีพจรให้นักพรตผู้เฒ่า เปลี่ยนใบสั่งยาชุดใหม่ จากนั้นก็เข้าไปที่ห้องลับ นำภาพที่เหลือออกมาต่อรวมกัน
ค่ายอาคมขังเซียนที่สมบูรณ์แบบก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
ฉินหลิวซีมองดูภาพค่ายอาคม พลางเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะ ในอดีตมีค่ายอาคมเช่นนี้อยู่ ก่อนที่ซื่อหลัวจะหนีออกมา มันไม่เคยปรากฏตัวเลย แต่หลังจากที่ซื่อหลัวหนีออกมาแล้ว กระดูกพุทธะปรากฏขึ้น มันก็ปรากฏขึ้นตาม ถือเป็นการชี้นำจากฟ้าสวรรค์หรือไม่
ที่เรียกกันว่าทุกสิ่งสรรพสิ่งถูกลิขิตโดยสวรรค์น่ะหรือ
มันถูกขนานนามว่าค่ายอาคมที่สามารถกักขังได้แม้กระทั่งเทพเซียน ฟังดูออกจะเกินความจริงไปหน่อย แต่หากมันสามารถทำได้จริงล่ะ?
ฉินหลิวซีเพ่งจิต เมื่อเพ่งมองแล้ว จิตวิญญาณของนางก็เหมือนเข้าไปในค่ายอาคมที่ลึกลับซับซ้อนแห่งหนึ่ง พลอยทำให้นางตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ประตูแปลกพิสดาร ลึกลับซ่อนเร้น
ค่ายอาคมนี้ดูปราดเดียวก็สามารถมองทะลุได้ แต่พอผ่านเข้ามาในม่านอาคมแล้ว กลับลึกลับซับซ้อนไร้จุดสิ้นสุด เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ฉินหลิวซีครุ่นคิดในใจ
ทว่าจะจับแก่นแท้อย่างไร นี่คือสิ่งที่นางต้องค้นหาคำตอบ
ฉินหลิวซีปล่อยให้จิตวิญญาณจมดิ่งเข้าสู่ม่านอาคม
ผ่านไปเนิ่นนาน นางจึงค่อยลืมตาขึ้น ถอยออกมาจากค่ายอาคม
หลักธรรมยิ่งใหญ่มักเรียบง่ายเสมอ หมื่นสรรพสิ่งกลับคืนสู่หนึ่ง
เหมือนว่านางจะเริ่มเข้าใจว่าค่ายอาคมนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างไร
ฉินหลิวซีนำส่วนต่างๆ ของคัมภีร์มาเรียงต่อกัน ฟื้นฟูสู่สภาพเดิม จากนั้นก็นำกระดาษออกมาอีกแผ่น วาดแผนผังของม่านอาคมนี้ขึ้นมาใหม่ หากลองสังเกตดีๆ ก็จะเห็นว่าม่านอาคมที่นางวาดขึ้นมาใหม่นั้น มีความแตกต่างไปจากเดิม
นางกำลังลองแก้ไขแผนผังของค่ายอาคม!
ใช่แล้ว ฉินหลิวซีเองก็ไม่รู้ว่าค่ายอาคมเช่นนี้ เคยใช้กับซื่อหลัวแล้วหรือยัง หากเคยใช้แล้ว แม้ว่านางจะเขียนขึ้นมาใหม่ เขาก็สามารถทำลายได้อยู่ดี
หากเป็นเช่นนี้ เหตุใดนางถึงไม่ลองเพิ่มความซับซ้อนขึ้นอีกหนึ่งชั้น เพื่อให้ค่ายอาคมแข็งแกร่งยิ่งขึ้นล่ะ?
เท่ากับเป็นการสร้างค่ายอาคมขึ้นมาใหม่ ฉินหลิวซีจมดิ่งหมกมุ่น รูปวาดที่กองอยู่ข้างนางเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จวบจนนางได้รับจดหมายจากเฟิงซิว
ฉินหลิวซีมองดูขนสีแดงสดจำนวนหนึ่ง มุมปากกระตุกเล็กน้อย ส่งสารด้วยจดหมายธรรมดาไม่ได้หรือ เหตุใดถึงต้องถอนขนด้วย
แต่พอรู้เนื้อหาของจดหมายแล้ว นางก็ดีดตัวลุกขึ้นทันควัน
หากยังไม่รีบไปเป็นกำลังเสริมที่เมืองเซิ่งจิง ลูกศิษย์อันเป็นที่รักของนางก็จะถูกบังคับให้แต่งงาน!
ไร้เหตุผลสิ้นดี ผู้ใดกล้าแตะต้องศิษย์ของนาง!
ฉินหลิวซีวิ่งออกมาจากห้องลับ รีบสั่งการกับชิงหย่วน จากนั้นก็เดินทางไปที่เมืองเซิ่งจิงด้วยความร้อนใจ เฟิงซิวเจ้าบ้านั่น ดูแลเด็กให้นางอย่างไร เฮยซาก็ด้วย ไม่ปกป้องดูแลลูกศิษย์ของนางเลย มัวทำอะไรกันอยู่
เฟิงซิวเองก็รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก เขาไม่อยู่แค่สองวัน มีเฮยซาดูแลแทนแล้ว คิดว่าคงไม่เป็นไร แต่นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเขาทั้งสามจะก่อเรื่องเช่นนี้ขึ้น ไปล่วงเกินองค์หญิงของราชวงศ์ก็ช่างไปเถิด แต่นี่ถึงขั้นถูกจับตัวไปที่จวนองค์หญิงอีก จุดประสงค์ก็คือต้องการให้เถิงเจายอมก้มหัว
ใครอยากไปเล่นแร่แปรธาตุอะไรนั่นกัน องค์หญิงวิปลาสนั่นจับตัวใครไม่จับ ดันมาจับตัวเถิงเจาเสียนี่ ฉินหลิวซีไม่จับเขาถลกหนังหรอกหรือ เขาโดนลงหม้ออีกรอบแน่ๆ!
สิ่งที่เฟิงซิวโมโหที่สุดคือเขาให้เฮยซาอยู่ดูแลเถิงเจา แต่เจ้าสามตัวนั่น ถูกวางแผนคิดร้ายและโดนคนอื่นบังคับโดยอ้างศีลธรรม แต่กลับต่อต้านอะไรไม่ได้เลย กระโดดเข้าไปในกับดักทั้งอย่างนั้น จนตนเองติดกับดักไปด้วย
“หากได้ความไร้เหตุผลของฉินหลิวซีมาสักครึ่ง ก็คงไม่มาติดกับดักเช่นนี้” เฟิงซิวบ่นพึมพำด้วยความโมโห ทว่าจู่ๆ ก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว จากนั้นก็ล้มกลิ้งไปตามพื้น
ตึง
สายฟ้าผ่าตรงข้างๆ ที่เขายืนอยู่
พอเงยหน้าขึ้นก็พูดขึ้นด้วยความโมโห “ท่านยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า ใช้สายฟ้ามาทำร้ายสหายร่วมรบได้อย่างไรกัน”
“ไม่ตายหรอก!” ฉินหลิวซีปรากฏตัวกลางอากาศพลางเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ฉุนเฉียว “ข้าให้เจ้ากลับมาดูแลพวกเขา เจ้าดูแลเช่นนี้หรือ”
เฟิงซิวเองก็พูดขึ้นด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “ข้าไม่อยู่แค่สองวัน มีปีศาจจิ้งจอกจากทางตงเป่ยมาขอความช่วยเหลือ ภูตปีศาจที่คุ้นเคยหายตัวไป จึงสงสัยว่าอาจถูกผู้บำเพ็ญชั่วร้ายฆ่าตาย ข้าเลยช่วยไปดูเสียหน่อย ใครจะรู้ว่าพวกเขาสามคนจะจัดการกับองค์หญิงเจ้าแผนการคนเดียวไม่ได้”
ฉินหลิวซีขมวดคิ้ว “มีคนฆ่าภูตปีศาจหรือ”
เฟิงซิวพยักหน้า “ไม่ใช่ปีศาจจิ้งจอก ก็เป็นตระกูลหวงเซียน มีต้นกล้าดีๆ เพียงไม่กี่คนที่สามารถแปลงกายได้”
“สืบได้ความหรือไม่ว่าใครเป็นคนทำ”
เฟิงซิวส่ายหน้าเบาๆ “ข้าพึ่งจะเริ่มสืบ ก็ได้ข่าวจากเฮยซาว่าพวกเขาโดนกับดักเข้าแล้ว”
ฉินหลิวซีดึงสติกลับมาที่เรื่องนี้ จากนั้นก็ถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา”
“ที่ชานเมืองหลวงไม่มีค่ายผู้ลี้ภัย ช่วงนี้เถิงเจาและคนอื่นๆ จึงไปทำการรักษาการกุศลอยู่ที่นั่น นึกไม่ถึงว่าจะไปถูกใจองค์หญิงอี๋เล่อเข้า รู้ทั้งรู้ว่าเขาเป็นนักพรตทว่าก็ไม่ถือสาแต่อย่างใด หากเขายินยอมก็จะให้เขาไปบำเพ็ญตบะที่วังอมตะ เล่นแร่แปรธาตุปรุงยาอมตะกับฝ่าบาท เถิงเจาไม่ยอมไป เขาเพิกเฉยราวกับว่าองค์หญิงอี๋เล่อไม่มีตัวตน ทว่าก็ต้านทานการรังควานขององค์หญิงอี๋เล่อไม่ได้”
คนบางคน หากยิ่งไม่ได้ก็จะยิ่งอยากได้ พูดให้น่าฟังหน่อยก็คือพิชิตเอาชนะ พูดให้น่าเกลียดหน่อยก็คือหน้าด้านไร้ยางอาย
เดิมทีเถิงเจาก็เป็นคนที่หน้าตาดีอยู่แล้ว แถมยังเป็นนักพรต หลายปีมานี้เขามุมานะบำเพ็ญตบะ หนุ่มน้อยอายุสิบกว่าไม่สนใจกิเลสรอบด้าน ร่างกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งเซียน ทำเอาองค์หญิงอี๋เล่อลุ่มหลงจนโงหัวไม่ขึ้น
เถิงเจายิ่งปฏิเสธ นางก็ยิ่งอยากได้ เมื่อเห็นว่าเขาทิฐิสูงเป็นอย่างมาก จึงว่าจ้างให้ผู้ลี้ภัยสองคนไปก่อเรื่อง ต่อว่าเขารักษาจนคนตาย จากนั้นนางก็รับบทเป็นวีรสตรีช่วยชายงาม ไปหาผู้ลี้ภัยที่ป่วยหนักมาจำนวนหนึ่ง แล้วบอกกับผู้ลี้ภัยเหล่านั้นว่านางสามารถให้เงิน อาหารและช่วยรักษาโรคให้หาย ช่วยแม้กระทั่งสร้างที่อยู่อาศัยให้ แต่พวกเขาจะต้องคุกเข่าขอร้องวิงวอนให้เถิงเจาไปที่จวนองค์หญิงก่อน และหากเถิงเจาไม่ยินยอม ก็ให้พวกเขาพูดว่าเถิงเจาเป็นนักพรตที่ไร้ประโยชน์ ไม่มีความเมตตาเลยแม้แต่น้อย บีบบังคับเขาโดยใช้ศีลธรรม
เมื่อถูกตามรังควานเช่นนี้ เฮยซาก็โมโหจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด ไปทะเลาะกับพวกเขาจนลงไม้ลงมือเข้า ลงมือแค่คนเดียวแต่พวกเขาถูกจับตัวไปทั้งหมด คิดจะต่อต้านหรือ ก็เท่ากับว่าพวกเขาเข่นฆ่าผู้ลี้ภัย ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายเสียด้วยซ้ำ!
“พวกคนไร้ศีลธรรมเหล่านั้นอ้างว่าพวกเขาไม่คำนึงถึงชีวิตคน แม้ว่าพวกเถิงเจาจะโกรธมากทว่าก็ไม่ได้ต่อต้านแต่อย่างใด ยอมถูกจับไปกักบริเวณที่จวนองค์หญิงแต่โดยดี!” เฟิงซิวอธิบาย “ท่านคิดว่าข้าไม่โมโหหรือ หากพวกเขาไร้เหตุผลเหมือนเช่นท่านสักนิด…เอ๊ย แข็งแกร่งเหมือนท่านสักนิด พวกเขาจะถูกคนธรรมดาเหล่านี้กลั่นแกล้งได้อย่างไรกัน ไม่คำนึงถึงชีวิตคนเช่นนี้ ประการแรกพวกเขาคู่ควรเป็นคนแล้วหรือยัง!”
เฟิงซิวจ้องมองใบหน้าที่เย็นยะเยือกของนางพลางเอ่ยต่อไปว่า “เรื่องทั้งหมดก็เป็นมาประมาณนี้ ตอนนี้องค์หญิงคอยกรอกหูล้างสมองเถิงเจาทุกวัน ว่าให้เขายอมเป็นของนาง จริงสิ องค์หญิงอี๋เล่อเป็นธิดาที่ฝ่าบาทมีตอนอายุมากแล้ว เป็นที่โปรดปรานอย่างมาก พี่ใหญ่ของนางคือองค์รัชทายาทในปัจจุบัน นอกจากองค์หญิงเชื้อสายหลักแล้ว นางคือองค์หญิงที่สูงศักดิ์ที่สุดในบรรดาองค์หญิงเหล่านั้น!”