คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1091 เสวยเองด้วยความสมัครใจ
ตอนที่ 1091 เสวยเองด้วยความสมัครใจ
………………..
หมอจะเขียนตำรับยาที่มีส่วนผสมของผงห้าศิลาแตกต่างกันไป แต่คุณสมบัติของยาจะทำให้กระสับกระส่ายร้อนรุ่ม หลังจากกินเข้าไปจะทำให้ร่างกายอุณหภูมิสูงปรี๊ด ก่อให้เกิดเป็นภาพลวงตาจนจิตใจมัวเมา ทำให้คนขาดสติสัมปชัญญะ ไร้ซึ่งความเจ็บปวด และหากกินติดต่อกันเป็นเวลานานจะทำให้ติดงอมแงมและกลายเป็นดั่งยาพิษ
ในประวัติศาสตร์มีตระกูลทรงอิทธิพลที่ชื่นชอบการกินผงห้าศิลา เพราะช่วยให้ตื่นตัวและสร้างภาพลวงตา หมอบางคนใช้เป็นยาชาบรรเทาอาการเจ็บปวดของผู้ป่วย ซึ่งเพื่อทำการผ่าตัดภายนอกในลำดับต่อไป
แต่เพราะหากใช้ผงห้าศิลาในระยะเวลานานกลับจะกลายเป็นพิษอย่างช้าๆ ดังนั้นจึงไม่เป็นที่แพร่หลาย ถือว่าเป็นยาต้องห้าม กระทั่งในต้าเฟิงเอง เบื้องหน้าอาจจะไม่อนุญาตให้ส่งต่อกันในปริมาณมาก แน่นอนว่าต้องมีคนแอบกินเป็นการส่วนตัวบ้างเป็นธรรมดา
แต่นางกลับตรวจเจอผงห้าศิลาจากร่างกายของฮองเฮามู่!
ฮูหยินมู่ตกใจกว่าฮองเฮามู่เสียอีก เอ่ยด้วยความขุ่นเคืองใจ “นี่เป็นการแอบวางยา ตรวจ ต้องตรวจสอบ ใครเป็นคนวางยาฮองเฮา ต้องกราบทูลขอให้ฝ่าบาททรงสอบสวนเรื่องนี้ให้เป็นที่กระจ่าง”
ฉินหลิวซีเอ่ย “ฮูหยินอย่าเพิ่งโมโหไป คิดว่าฮองเฮาเองทรงรู้แก่ใจดี”
ฮูหยินมู่ผงะไปก่อนจะหันไปมองฮองเฮามู่ตามสัญชาตญาณ นี่หมายความว่าอย่างไร
“ฮองเฮา”
ฮองเฮามู่เผยสีหน้าเรียบนิ่ง
ฉินหลิวซีมองนางพลางเอ่ยเสียงเรียบ “ฮองเฮาคงเสวยเองด้วยความสมัครใจกระมัง”
“สามหาว!” ฮองเฮามู่ใช้มือตบลงบนตั่ง
ทุกคนพากันตกใจจนทรุดตัวลงคุกเข่า พร้อมตะโกนว่าพระองค์อย่าทรงกริ้วไป
ฮองเฮามู่กลับข่มอารมณ์โกรธไว้ไม่ได้ รู้สึกเพียงว่าไฟโทสะกำลังลุกโชนพวยพุ่ง หลังจากตามมาด้วยไฟลุกโหม ศีรษะของนางก็ยิ่งหนักอึ้ง เจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ตรงหน้าดูเหมือนมีเงาผีเลือนลางเคลื่อนไหวไปมา ร่ำไห้โอดครวญ ส่งเสียงดังจนนางเปล่งเสียงกรีดร้องออกมา “หุบปาก! หุบปาก! ข้าช่างปวดหัวนัก โอ๊ย! ชุ่ยจู๋ ชุ่ยจู๋ ไปเอายามาให้ข้าที!”
ฮูหยินมู่ตกตะลึงงัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง
ฮองเฮาทรงเต็มใจเสวยผงห้าศิลาเองจริงๆ หรือ
ฮูหยินมู่สาดสายตารังสีสังหารไปทางชุ่ยจู๋
สารเลว กล้าปิดบังพวกเขาหรือ!
ชุ่ยจู๋ร่างสั่นสะท้าน
พลั่ก
ทันใดนั้นฮองเฮามู่ก็เขวี้ยงหมอนหยกที่วางอยู่ด้านหลังลงพื้น ตรัสอย่างเกรี้ยวโกรธ “หุบปาก รีบไปเอายามาให้ข้า!”
นางขยุ้มศีรษะ สีหน้าดุดัน ทำเอาฮูหยินมู่ตกใจจนหน้าซีด ทั่วทั้งร่างสั่นเทา เหตุใดฮองเฮาถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้
บทฮองเฮามู่จะระเบิดอารมณ์ขึ้นมาก็คลุ้มคลั่ง ไร้ซึ่งบุคลิกอันใจกว้างงามสง่าในคราแรกอย่างสิ้นเชิง คนตรงหน้าขยำเส้นผมสีเงินขาวจนพันกันยุ่งเหยิง สติคลุ้มคลั่งราวกับหญิงชราที่ฟั่นเฟือนไปแล้วคนหนึ่ง
ฮูหยินมู่ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองจึงแสดงสีหน้าตกใจ หากอาการในเวลานี้ของฮองเฮามู่ถูกแพร่งพรายออกไป เกรงว่าคงเกิดแรงสะเทือนครั้งใหญ่
อย่าว่าแต่เรื่องประชวรเป็นอย่างไรเลย ท่าทีเหมือนคนเสียสติตรงหน้า เกรงว่าคงถูกปลดออกจากตำแหน่งแน่นอน
ใครจะยอมปล่อยให้หญิงชราบ้าๆ คนหนึ่งเป็นฮองเฮาแห่งแคว้นกันเล่า!
โดยเฉพาะพวกองค์รัชทายาทคงยิ่งจู่โจมใส่อย่างไม่ออมแรง พยายามปลดนางออกจากตำแหน่งแล้วยกเสียนกุ้ยเฟยขึ้นแทนแน่นอน แบบนี้ก็ยิ่งช่วยให้องค์รัชทายาทมีข้ออ้างอย่างสมเหตุสมผลมากขึ้น
ดั่งคำโบราณที่ว่ายิ่งกลัวสิ่งใดก็ยิ่งต้องเผชิญกับสิ่งนั้น พลันก็มีนางกำนัลด้านนอกเอ่ยกราบทูลด้วยเสียงตึงเครียดว่าเสียนกุ้ยเฟยเสด็จมาหาฮองเฮา
ฮูหยินมู่ดวงตาแทบถลนออกมา เอ่ยด้วยเสียงนิ่งขรึม “ขวางนางไว้ บอกว่ากำลังตรวจดูอาการฮองเฮา ห้ามมิให้ผู้ใดรบกวน”
จากนั้นนางก็ส่งสายตาวิงวอนไปทางฉินหลิวซี
ฉินหลิวซีล้วงหยิบเข็มเงินออกมาแล้ว ก่อนจะกล่าวกับฮองเฮาว่าคงต้องล่วงเกินแล้ว พอง้างมือทิ่มเข็มลงไป ร่างของฮองเฮามู่ก็แข็งทื่อก่อนจะอ่อนยวบล้มลงพื้นด้วยสีหน้าขาวซีด
ด้านนอกมีคำด่าทอของเสียนกุ้ยเฟยดังแว่วมา ราวกับนางเป็นเจ้าของตำหนักเฟิ่งหยางอย่างไรอย่างนั้น ฮูหยินมู่โมโหจนร่างสั่นสะท้าน หันไปมองชุ่ยจู๋แล้วเอ่ย “เจ้าไปจัดการที”
ชุ่ยจู๋รีบเดินออกไป สักพักก็ได้ยินเสียงนิ่งขรึมของนางที่แฝงไปด้วยความโกรธด่าทอนางกำนัลทั้งหลายบอกว่าฮองเฮาทรงกำลังฝังเข็มอยู่ หากส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายแล้วส่งผลต่อการรักษาขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบไหวบ้าง
นางกำลังตีวัวกระทบคราดมากกว่า!
คนในวัง แม้จะเป็นนางกำนัล แต่กลับไม่มีใครมีประโยชน์สักคน!
ฉินหลิวซีประคองร่างฮองเฮามู่ขึ้นเตียงแล้วตรวจดูชีพจรอีกครั้ง สัญญาณชีพจรนั้นยิ่งยุ่งเหยิง นางจึงทำได้แค่หยิบเข็มเงินออกมา บอกให้นางกำนัลเปลื้องอาภรณ์ของฮองเฮาออกก่อนจะคลำหาจุดแล้วฝังเข็มลงไป
จากนั้นเสียงด้านนอกตำหนักก็ดังใกล้ขึ้นมาเรื่อยๆ ได้ยินเหมือนเสียนกุ้ยเฟยไม่เชื่อว่าฮองเฮามู่กำลังฝังเข็มอยู่ รั้นจะบุกเข้ามาดูให้ได้
ฉินหลิวซีเผยสีหน้าราบเรียบ
กระทั่งเสียงฝีเท้าดังขึ้นเพราะได้เดินบุกเข้ามาแล้ว นางถึงหันหน้าไปมอง
จากนั้นภาพของสตรีผู้สูงศักดิ์ที่สวมเครื่องแต่งกายในวังงดงามพร้อมเครื่องประดับเต็มศีรษะก็ฉายชัดในแววตา นางก็คือมารดาขององค์รัชทายาท เสียนกุ้ยเฟย
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อว่าฮองเฮามู่จะกำลังฝังเข็มอยู่จริงๆ นางผงะไปชั่วขณะ ชุ่ยจู๋ปฏิกิริยาว่องไวจึงเอ่ยเสียงขรึมว่า “ความปรารถนาดีของกุ้ยเฟย รอฮองเฮาทรงฟื้นแล้ว หม่อมฉันจะกราบทูลพระองค์ตามความเป็นจริงเลยเพคะ”
เสียนกุ้ยเฟยยิ้มเจื่อนก่อนย่อตัวลงต่อหน้าเตียงเล็กน้อย กล่าวด้วยเสียงนุ่มนวล “น้องเป็นห่วงพี่หญิงมากจริงๆ ถึงได้เสียมารยาทเช่นนี้ โปรดฮองเฮาทรงประทานอภัยให้ด้วยเพคะ”
ความจริงนางเพียงทำความเคารพอย่างลวกๆ เท่านั้นก่อนจะยืดตัวตรงมองไปทางฉินหลิวซี สายตาของอีกฝ่ายเย็นยะเยือกชวนให้นางร่างสะท้านจนยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ทว่าฉับพลันก็ผุดความโกรธขึ้นมา หมอหญิงจากไหนกัน เหตุใดถึงกล้าใช้สายตาเช่นนั้นมองนาง ช่างกำเริบเสิบสานนัก
ไม่รอให้นางได้เปิดปาก ฉินหลิวซีก็โพล่งขึ้นด้วยเสียงเย็นชาก่อน “ออกไป”
เสียนกุ้ยเฟยสีหน้าเปลี่ยนยกใหญ่
ฉินหลิวซีลุกขึ้นยืนตรงแล้วเอ่ย “ตอนที่หม่อมฉันฝังเข็ม ไม่อนุญาตให้คนนอกอยู่ด้วย หากฝังผิดจุดแล้วเป็นผลเสียต่อพระวรกายฮองเฮาขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบหรือ”
ในมือนางคีบเข็มเงินไว้เล่มหนึ่ง ทอประกายแสงเย็นยะเยือกแผ่ออกมา ราวกับหากมีคนขยับ เข็มเล่มนั้นก็จะถูกปล่อยออกไปทันที
ไม่รู้ว่าฮองเฮามู่ฟื้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร ตรัสด้วยเสียงแหบพร่า “ชุ่ยจู๋ เชิญกุ้ยเฟยออกไปก่อน”
นางสำรวจฉินหลิวซีและฮูหยินมู่แวบหนึ่งก่อนจะเดินออกไป
ฮูหยินมู่โมโหไม่น้อย เพียงเพราะบุตรชายของนางได้ขึ้นเป็นองค์รัชทายาทก็กล้าบุกเข้ามาแม้แต่ตำหนักบรรทมของฮองเฮาเลยหรือ
นางหันไปมองฮองเฮามู่แวบหนึ่ง นัยน์ตาเผยความปวดใจ ว่ากันว่าฮองเฮาทรงตกที่นั่งลำบาก แต่สิ่งที่นางรับรู้กลับเป็นเพียงเรื่องส่วนหนึ่งเท่านั้น
“ฮองเฮา…” ฮูหยินมู่เรียกเจือเสียงสะอื้นเล็กน้อย
ฮองเฮามู่กระตุกมุมปากก่อนมองไปทางฉินหลิวซีแล้วตรัสว่า “ท่านอาจารย์ ข้าปวดหัวเหลือเกิน ข้าสมัครใจเป็นฝ่ายขอกินผงห้าศิลาเอง ข้าขอ…”
นางอดกลั้นต่อความเจ็บปวดที่รุมเร้าอย่างถึงขีดสุด ราวกับมีมดเดินวนเวียนกัดนางตามร่างกาย บวกกับความเจ็บปวดบนศีรษะจึงทำให้นางร่างสั่นเทาและเหงื่ออาบชุ่มไปทั้งร่าง
ฮูหยินมู่ถลึงตา แหวเสียงสูง “ฮองเฮา เหตุใดพระองค์…พระองค์บ้าไปแล้วหรือ!”
นางเป็นฝ่ายขอเสวยเองอย่างนั้นหรือ
ฉินหลิวซีฝังเข็มต่อไปพลางเอ่ย “ท่านเสวยอีกไม่ได้แล้ว ผงห้าศิลากลายเป็นพิษในร่างกายท่านแล้ว หากเสวยต่อไป ไม่ช้าก็เร็วท่านก็ทนไม่ไหวอยู่ดี”
“แต่ข้าทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ข้าหนาวเหลือเกิน ปวดหัวเหลือเกิน มีเพียงผงห้าศิลาที่ช่วยทำให้ข้าสบายขึ้นได้” ฮองเฮามู่ตรัสพึมพำ สายตาที่มองไปทางฉินหลิวซีเอ่อล้นด้วยน้ำตา
ฉินหลิวซีฉีกยิ้มส่งให้นาง “ไม่ต้องกลัวเพคะ หม่อมฉันก็มาแล้วมิใช่หรือ”