คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1092 หม่อมฉันตรวจร่างกายให้พระองค์เพคะ
ตอนที่ 1092 หม่อมฉันตรวจร่างกายให้พระองค์เพคะ
………………..
ไม่ต้องกลัว หม่อมฉันมาแล้วเพคะ!
เมื่อฮองเฮามู่ได้ยินเช่นนั้นก็แสบที่จมูก น้ำตาไหลรินออกมาเร็วกว่าเดิม พลันก็รู้สึกปวดใจและน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นเรื่อยๆ
เหตุใดนางจะไม่รู้ว่าผงห้าศิลาเป็นของไม่ดี เป็นสารเสพติดที่ทำให้เกิดภาพลวงตา แต่นางทนความเจ็บปวดตามร่างกายไม่ไหวจริงๆ ความเจ็บปวดที่เหมือนมีคนเอาเข็มมาจิ้มบนศีรษะ ชวนให้หนาวเหน็บไปทั้งร่าง ต่อให้โอบหม้อทำความร้อน ห่มผ้าหนากี่ชั้น แต่นางก็ยังคงไม่รู้สึกถึงความอบอุ่น ซึ่งจะมีใครเข้าใจนางบ้าง
ตกดึกก็นอนไม่หลับ ยามที่อาการปวดกำเริบ นางอยากตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่นางรู้ดีว่านางทำไม่ได้ เพราะนางยังแบกภาระหน้าที่เอาไว้อยู่ ดังนั้นนางถึงอดกลั้น กระทั่งได้รู้จักผงห้าศิลา
ทั้งๆ ที่รู้แก่ใจดีว่าผงห้าศิลาเป็นสารเสพติดแต่นางก็ยังกินเข้าไป เพราะยาชนิดนั้นช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของนาง กระทั่งช่วยให้ร่างกายของนางอบอุ่นไม่หนาวด้วย
พอนานวันเข้านางก็ติด ทั้งหวาดกลัวและละอายต่อใจ แต่ความกลัวมีมากกว่า กลัวถูกใครรู้เข้าว่านางเป็นถึงฮองเฮาแต่เสพผงห้าศิลา หากเรื่องนี้รั่วไหลออกไป นอกจากนางจะถูกปลดแล้ว บุตรสาวคนเดียวของนางก็คงต้องถูกเล่นงานอย่างหนัก รวมถึงตระกูลฝั่งมารดาของนางด้วย
ความกดดันมหาศาลเหมือนภูผาขนาดมหึมาอันหนักอึ้งที่ทับนางไว้จนแทบหายใจไม่ออก
เวลานี้ฮองเฮามู่ร้องไห้ราวกับเด็กน้อย ฮูหยินมู่ปวดใจไม่ไหวเช่นกันจึงโผเข้าหาแล้วเอ่ย “ท่านไม่ควรแบกรับเอาไว้เอง น่าจะบอกพวกหม่อมฉัน”
ชุ่ยจู๋ไล่คนที่เหลือออกไปนานแล้ว ก่อนจะเอ่ย “เรื่องนี้ยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าไรก็ยิ่งปลอดภัยต่อฮองเฮามากเท่านั้น ดังนั้นถึง…”
“ไม่จำเป็น ในเมื่อหมอหลวงเขียนตำรับยานี้ออกมา เดิมทีก็ถือว่าเป็นผู้ร่วมรู้ในเหตุการณ์นี้ด้วยหากเขาปากโป้งออกไป สถานการณ์ของฮองเฮาคง…เหอะๆ” ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นประโยคหนึ่งโดยไร้ซึ่งความปรานี
พวกเขาร่างแข็งทื่อ
ฮองเฮามู่หยุดร้องไห้ ตรัสเสียงแหบพร่า “คงไม่กระมัง หมอหลวงหลินรับหน้าที่ตรวจชีพจรข้ามาโดยตลอด เชื่อใจได้แน่นอน”
“นับตั้งแต่วันที่เขาเขียนตำรับยาผงห้าศิลาให้ท่าน เขาก็ไม่น่าเชื่อใจอีกต่อไปแล้ว” ฉินหลิวซีกล่าว “ผงห้าศิลาช่วยทุเลาอาการปวดก็จริง แต่หากใช้เป็นเวลานานย่อมทำให้ติด ทันทีที่ติด ไม่ว่าพระองค์จะเสวยยานี้ด้วยเหตุผลใดก็ล้วนตกเป็นที่ครหา ในสายตาของทุกคน ทันทีที่ฮองเฮาแห่งแคว้นมีคำครหาเช่นนี้ พวกเขาจะทนได้อย่างไร พอถึงตอนนั้นตำแหน่งนี้ย่อมสั่นคลอนแน่นอน”
ในที่สุดฮองเฮามู่ก็สีหน้าเปลี่ยน
“นี่คือประการแรก ประการที่สองพอใช้ยานี้จนติดก็จะกลายเป็นพิษอย่างช้าๆ ไม่ว่าจะถูกใครพุ่งเป้าโจมตีหรือไม่ สุดท้ายวันหนึ่งร่างกายของพระองค์ก็จะทนต่อพิษที่ส่งผลกระทบย้อนกลับมาไม่ไหว ไม่ช้าก็เร็วต้องเสด็จสวรรคตอยู่ดี เสวยยาเช่นนี้เดิมทีเป็นการรักษาที่ปลายเหตุใช่ต้นเหตุ มันไม่ช่วยให้อาการดีขึ้นกลับแต่จะผลักท่านให้ลงเหวลึกมากกว่า ดังนั้นท่านยังทรงคิดว่าเชื่อใจเขาได้อยู่อีกหรือ”
รูม่านตาของฮองเฮามู่หดลง
แม้แต่ฮูหยินมู่ก็ยังพลอยตกใจตามไปด้วย ไอเย็นยะเยือกแทรกซึมเข้ากระดูกไต่ไล่ขึ้นมาบนแขนขาทุกอณูส่วนจากปลายเท้า พร้อมร่างที่สั่นสะท้านเฮือก
นั่นสิ หากกล่าวว่าไว้ใจหมอหลวงหลินได้ นั่นมันคงเป็นเมื่อก่อน แต่ใครจะรู้ว่าคนผู้นี้เปลี่ยนไปหรือไม่ เขาให้ฮองเฮาเสวยผงห้าศิลาเข้าไปโดยไม่ปริปากบอกท่านโหวสักคำ อีกทั้งปกปิดไว้อีกต่างหาก
หากเขาคิดจะหักหลังฮองเฮามู่จริง นางจะรอดหรือ ตระกูลมู่จะไม่ตกกระไดพลอยโจรไปด้วยแน่หรือ
ฮูหยินมู่สองขาอ่อนยวบ
ฉินหลิวซีเอ่ย “นับตั้งแต่นี้ไปห้ามเสวยผงห้าศิลาอีกเป็นอันขาด ผงห้าศิลาที่พวกท่านมีอยู่ตอนนี้เอาออกมาให้หม่อมฉันทั้งหมด”
ชุ่ยจู๋มองไปทางฮองเฮามู่ ก่อนจะพยักหน้าให้เบาๆ
ฮองเฮาตรัสด้วยริมฝีปากอันแห้งผากว่า “ผงห้าศิลาทำให้ติดงอมแงม ข้าจะเลิกเสพได้หรือ อีกอย่างอาการปวดหัวของข้าพอจะรักษาได้หรือไม่”
“ตอนนี้ท่านรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง” ฉินหลิวซีถามกลับ
ฮองเฮามู่ผงะไป เหมือนนางรู้สึกว่าร่างกายจะไม่ได้หนาวเข้ากระดูกขนาดนั้นแล้ว แม้แต่อาการปวดศีรษะก็ทุเลาลงจนใช่ว่าจะอดกลั้นไม่ได้ หากฉินหลิวซีไม่ถาม ชั่วขณะนั้นนางเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าก่อนหน้านี้นางเคยอาการกำเริบด้วย
“ก็เหมือนจะไม่ได้ปวดมากจนทนไม่ไหว” ฮองเฮามู่รู้สึกงงงัน ก่อนจะหันไปมองเข็มเงินที่ฝังอยู่บนร่างกายตามจิตใต้สำนึกแล้วตรัสว่า “เมื่อก่อนหมอหลวงก็เคยฝังเข็มให้ข้าเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ไม่ได้ชัดเจนขนาดนี้ นี่เป็นศาสตร์การฝังเข็มแบบใดหรือ”
“เมื่อครู่ฮองเฮาทรงอาการกำเริบ เหมือนมีอาการคลุ้มคลั่งด้วย หม่อมฉันเลยทำได้แค่ใช้ศาสตร์สิบสามเข็มประตูผี[1]เพื่อช่วยระงับอารมณ์ อีกทั้งเพิ่มศาสตร์เพลิงบรรพตเสริมทับไปอีกชั้น นี่จึงทำให้ขับไอเย็นในร่างกายออกไปได้ ไม่ให้รู้สึกเหมือนหนาวเข้ากระดูก”
ฮองเฮามู่สัมผัสได้ถึงไออุ่นในร่างกายแล้วจริงๆ จึงขอบตาร้อนผ่าวด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่จะกลั้นไว้ไม่อยู่ ตรัสขึ้นว่า “ไม่รู้ว่าข้าไม่ได้สัมผัสความอบอุ่นเช่นนี้มานานเท่าไรแล้ว นี่แสดงว่าข้ายังมีหนทางรักษาอย่างนั้นหรือ”
“ขอแค่ป่วยย่อมมีหนทางรักษาเพคะ ท่านบอกว่ารู้สึกหนาวสั่น ปวดหัวเช่นนี้มานานเท่าไรแล้วหรือ” ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นต่อ “หม่อมฉันตรวจดูชีพจรแล้วรู้สึกพันกันยุ่งเหยิง ถึงแม้จะมีสาเหตุมาจากผงห้าศิลา แต่เดิมพื้นฐานร่างกายของท่านอุณหภูมิต่ำ หลังจากให้กำเนิดบุตร ท่านก็ยิ่งไม่ได้รับการดูแลอย่างเอาใจใส่ อีกทั้งเสวยของธาตุเย็นจัด รากฐานร่างกายถึงเสียหาย บำรุงไม่ถูกจุด ต่อให้กินของบำรุงมากเพียงใดก็ไร้ประโยชน์”
ฮองเฮามู่นิ่งงัน ถลึงตากลมโต “เจ้าว่าอย่างไรนะ ข้าเคยเสวยของธาตุเย็นจัดหรือ”
ฉินหลิวซีพยักหน้า “พอนานวันเข้าก็ทำลายมดลูกและพลังงานหยิน ดังนั้น…”
“ดังนั้นข้าจึงมีลูกอีกไม่ได้แล้วใช่หรือไม่” ฮองเฮามู่ตรัสต่อจากคำพูดของนาง
ฉินหลิวซีพยักหน้า
หลังจากนั้นฮองเฮามู่ก็สีหน้าซีดลง แม้แต่ฮูหยินมู่ยังหน้าซีดเผือด เรื่อง…เรื่องนี้น่าตกใจกว่านางเสวยผงห้าศิลาเสียอีก!
“พอจะรู้หรือไม่ว่าข้ากินยาตัวใดเข้าไป”
ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบ “ฮองเฮา ธาตุเย็นในร่างกายของท่านไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในวันเดียว แต่สะสมมานานแล้ว จากที่ข้านับนิ้วคำนวณดู ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าคือสิ่งใด แต่ต้องเป็นของธาตุเย็นจัดแน่นอน มดลูกของท่านจึงไม่ได้แข็งแรงนัก”
พอฮองเฮามู่สะเทือนใจจนหัวใจดิ่งวูบ ในลำคอก็มีกลิ่นคาวหวาน กระทั่งแทบกระอักเลือดออกมา
ฉินหลิวซีกำข้อมือของนางแล้วเอ่ย “ท่านอย่าร้อนใจไปเลย เรื่องที่ผ่านไปแล้วยากจะไล่ตาม สู้จดจ่ออยู่กับปัจจุบันดีกว่า รากฐานของท่านสะสมความเย็นมานาน บัดนี้ท่านบอกว่าร่างกายหนาวเหน็บ แต่ข้าคิดว่าไม่ใช่เพราะเสวยของธาตุเย็นใดๆ เข้าไป”
“แต่ข้ารู้สึกหนาวมากจริงๆ หลังจากข้าเป็นหวัด กินยาไปสักระยะหนึ่งถึงดีขึ้นบ้าง แต่พอเข้าฤดูหนาวก็ยิ่งรู้สึกหนาวและปวดหัวขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็ปวดหัวจนแทบระเบิด ปวดจนอยากตายๆ ไปเสีย หากไม่เป็นเช่นนี้ข้าจะยอมใช้ยาเสพติดพรรค์นั้นได้อย่างไร” ฮองเฮามู่ตรัสพร้อมยิ้มเจื่อน “ในฐานะที่ข้าเป็นฮองเฮาแห่งแคว้น ข้าจะไม่รู้ผิดชอบชั่วดีได้อย่างไร หากข้าอดทนได้ ข้าก็คงไม่…”
ฮูหยินมู่เอ่ย “หรือจะลองดูจากตำรับยาที่หมอหลวงเขียนให้”
“หมอหลวงเองก็คงไม่มีทางเขียนตำรับยาที่มีธาตุเย็นเช่นกัน เดาว่าน่าจะเขียนตำรับยาบำรุงเลือดลมปรับสมดุลหยินหยางมากกว่า ไปเอามาให้ดูที หม่อมฉันจะได้เปรียบเทียบ” ฉินหลิวซีกล่าวต่อ “อาการหนาวเหน็บเช่นนี้โผล่มาอย่างน่าประหลาด หากเป็นแค่หวัดธรรมดาๆ อุณหภูมิคงไม่ต่ำมากขนาดนี้ กลับเหมือนมาจากของนอกกายมากกว่า”
ฮองเฮามู่มีประกายความดุดันพาดผ่านนัยน์ตา “เจ้าจะบอกว่ามีคนเล่นไสยศาสตร์ใส่ข้าอย่างนั้นหรือ”
ฉินหลิวซีเอ่ย “พูดยากเพคะ เพราะหม่อมฉันเองก็ไม่เห็นไอหยินแผ่กระจายวนเวียนรอบกายท่าน แต่ความหนาวเช่นนี้ดูแปลกๆ ท่านยังบอกว่าปวดหัวด้วยหรือ”
ฮองเฮามู่พยักหน้า “ใช่แล้ว ไม่ใช่อาการปวดหัวเป็นหวัดทั่วไป เพราะปวดเหมือนมีเข็มมีมีดแทงใส่ข้า แถมทั้งหนาวทั้งเย็น”
ฉินหลิวซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งถึงเอ่ย “หม่อมฉันอยากตรวจร่างกายให้พระองค์เพคะ”
[1] เป็นศาสตร์การฝังเข็มที่ช่วยระงับอาการคลุ้มคลั่ง มีอาการทางจิต หรือช่วยคนที่ประสบกับสิ่งชั่วร้าย