คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1095 เจ้าอาวาสทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้
ตอนที่ 1095 เจ้าอาวาสทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้
………………..
เรื่องการใช้เล่ห์ช่วงชิงแก่งแย่งทำนองนี้ ต่อให้ฉินหลิวซีสันทัดเพียงใด นางก็จะไม่มีทางเข้าไปพัวพันด้วยมากนัก ดั่งที่กล่าวกันว่าเมื่ออยู่ในตำแหน่งใดก็ควรทำหน้าที่ในตำแหน่งนั้นๆ หากนางต้องทำทุกอย่างเสียทุกเรื่อง นางจะหาพันธมิตรไปไย
นางรวมพลจัดตั้งกลุ่มขึ้นมาเป็นการชั่วคราวก็เพื่อให้พวกเขาเตรียมรับมือกับสถานการณ์โกลาหล พวกเขาเข้าใจว่าควรจัดการสถานการณ์อันยุ่งเหยิงเช่นไรได้ดีกว่านาง ส่วนนางแค่ทำในเรื่องที่ถนัดก็พอแล้ว อย่างเช่นการต่อกรกับสิ่งเหนือธรรมชาติ
ดังนั้นกลุ่มนี้จึงถูกจัดตั้งขึ้น ควรยัดคนเข้าไปอย่างไรและควรต่อกรเช่นไรคงต้องให้พวกเสนาบดีลิ่นเป็นคนจัดการ นางว่างมากจนต้องเข้าไปจุ้นจ้านหรืออย่างไร
ฉินหลิวซีกำลังพินิจกับคำทำนายเมื่อครู่ ทว่าจู่ๆ นิ้วมือก็ชะงัก เงยหน้าขึ้นเอ่ย “ดวงเปลี่ยนแล้ว”
ฮองเฮามู่ใจกระตุกวาบ “หมายความว่าอย่างไร”
“หมอหลวงหลินผู้นี้ไม่รอดแล้ว”
ทันใดนั้นฮองเฮามู่ก็สีหน้าขรึมลง คนบงการเบื้องหลังระมัดระวังตัวขนาดนี้เชียว นางมองไปที่เข็มหยินซาแล้วตรัสขึ้นด้วยท่าทีชั่งใจ “ข้าได้ยินมาว่าในลัทธิเต๋ามีคำกล่าวถึงสัจจะธรรมแห่งชีวิตและผลสะท้อนกลับ หรือเพราะเข็มเล่มนี้ออกจากตัวข้า อาคมถูกทำลาย เขาเลยต้องถูกอาคมตีกลับจนเผชิญกับความตายอย่างนั้นหรือ”
ฉินหลิวซีส่ายหน้าพลางเอ่ย “เข็มหยินซาฝังเข้าสมองไม่ถือว่าเป็นศาสตร์อาคมใด เพียงแค่เอาวัตถุนอกกายที่อาบด้วยพลังหยินชั่วร้ายฝังเข้าไปในศีรษะของพระองค์ก็เท่านั้น นี่เป็นเพียงแผนปองร้ายที่ทำอย่างโจ่งแจ้ง เพียงแต่พวกท่านไม่ทันสังเกตเห็นก็เท่านั้น ดังนั้นต่อให้มันออกมาจากศีรษะของพระองค์ แต่เข็มยังเป็นเข็ม พลังหยินชั่วร้ายยังคงอยู่ไม่ได้ถูกทำลาย ในเมื่อยังทำลายไม่ได้ย่อมไม่มีทางสะท้อนกลับเพคะ”
ฮูหยินมู่กล่าว “เช่นนั้นก็ทำอะไรเขาไม่ได้แล้วกระมัง”
“ก็ไม่ถึงขั้นนั้น เข็มหยินซาเล่มนี้ต้องถูกหล่อเลี้ยงด้วยฝีมือมนุษย์แน่นอน เป็นวัตถุวิเศษที่ใช้ทำร้ายคนอย่างลับๆ ขอแค่ทำลายมัน อีกฝ่ายต้องถูกผลตีสะท้อนกลับบ้าง เพียงแต่ลำพังแค่เข็มหยินซาเล็กๆ แค่นี้ พลังทำลายล้างของผลสะท้อนกลับกลับไม่มากมายเท่าใดนัก”
ฮองเฮามู่ร่างสั่นสะท้าน เพราะสำหรับฉินหลิวซีแล้วอาจเป็นเพียงเข็มหยินซาเล็กๆ เล่มหนึ่ง แต่สำหรับนางแล้วกลับเป็นวัตถุชั่วร้ายที่ชี้ความเป็นความตายของนางได้เลย
“หากหมอหลวงหลินตายแล้ว คงเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าเข็มเล่มนี้ไม่ได้เป็นฝีมือของเขาใช่หรือไม่” ฮองเฮามู่ตรัสพร้อมมุ่นคิ้ว “แต่เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเขาเป็นคนฝังเข็มเล่มนี้ใส่หัวข้าเอง”
จากนั้นก็เห็นเข็มหยินซาลอยขึ้นจากผ้าเช็ดหน้าราวกับมีพลังไร้รูปร่างกำลังดันมันขึ้น จากนั้นก็ค่อยๆ หมุนติ้ว
พวกฮองเฮามู่มองกันไม่วางตา เรียกได้ว่าเปิดโลกมากทีเดียว
ฮูหยินมู่ อมิตาภพุทธ ขออภัยพระผู้เป็นเจ้า นับต่อแต่นี้ไป ลูกขอเปลี่ยนไปศรัทธาวิถีแห่งเต๋า!
ในขณะเดียวกันก็มีนักพรตในชุดคลุมสีขาวปักลายเมฆกำลังนั่งขัดสมาธิยื่นมือไปปิดผนึกตราประทับอย่างรวดเร็ว เบื้องหน้าของเขาจุดตะเกียงไฟแผ่กลิ่นหอมจางๆ พร้อมเปลวเพลิงที่ส่ายวูบไหวเล็กน้อย
ข้างมือของเขามีแส้หางม้าที่พันล้อมด้วยเหรียญอีแปะสีทองแดงชิ้นหนึ่ง บวกกับกระจกยันต์แปดทิศสีม่วงทองและยันต์สีเหลืองสองสามใบ
พลันนักพรตก็เผยสีหน้าไม่สู้ดีนัก สบถก่นด่าขึ้นว่า “สารเลว ข้าอยากเห็นนักว่าใครเป็นคนทำลายแผนการดีๆ ของข้า กล้าสืบหาร่องรอยของข้าหรือ ช่างกล้าดีนัก!”
เข็มเล่มนั้นถูกดึงออกจากศีรษะของฮองเฮาแล้ว ทว่าตอนนี้คิดจะใช้เข็มตามหาเบาแสเขาอย่างนั้นหรือ
ช่างกล้าดีนัก!
เขารีบท่องบทสวดก่อนที่กระจกยันต์แปดทิศจะลอยขึ้นมาแล้ววางไว้ตรงหน้าเขา เขาสาดคาถาจากมือใส่กระจกราวกับโยนหินลงน้ำก็มิปาน ฉับพลันหน้ากระจกที่เงียบสงบก็แปรเปลี่ยนเป็นคลื่นน้ำบิดเบี้ยวเล็กน้อย
นักพรตใช้สองมือปิดผนึกตรงทรวงอก ดวงตาจับจ้องหน้ากระจกแน่นิ่ง เผยโฉมออกมาเถิดเจ้าเด็กเมื่อวานซืน!
ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว ในเมื่อต่อกรกลางอากาศกับนางเช่นนี้ นับว่าคนผู้นี้มีฝีมือพอตัว
อยากเห็นนางหรือ
บังเอิญจัง เพราะนางก็อยากเห็นว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร!
ฉินหลิวซีเปลี่ยนท่วงท่าสัญลักษณ์มือโดยไม่คิดต่อต้าน อาศัยบาปกรรมแรงอาฆาตผ่านเข็มหยินซาเข้าไปในกระจกของอีกฝ่าย
ก่อนปรากฏใบหน้าของเด็กน้อยอันอวบอิ่ม
ทว่าอีกฝ่ายกลับมองใบหน้าของนางอย่างงงงัน “เป็นแค่ผู้หญิงหรือ เจ้าเป็นใครมาจากไหนกัน”
“ข้าก็เป็นท่านป้าของเจ้าอย่างไรเล่า!” ฉินหลิวซีสะบัดมือทีก่อนที่เข็มหยินซาจะจิ้มเข้าใส่หน้ากระจก อีกทั้งเข็มเล่มนั้นกลับพุ่งเป้าเข้าหาเจ้าเด็กหนุ่มผู้นั้น
เขารีบเบี่ยงตัวหลบ ทว่าก็ยังไม่ทัน
เคร้ง
เข็มลอยทะลุผ่านหน้ากระจกก่อนส่งเสียงดังเพล้ง กระจกสีม่วงทองปรากฏรอยร้าว พร้อมเข็มเล่มนั้นที่ลอยมาเบื้องหน้าของเขาอย่างว่องไว
เจ้าเด็กหนุ่มกระอักเลือด กระจกสีม่วงทองของเขาเปราะบางถึงเพียงนี้เชียวหรือ
เขาคว้าดาบเหรียญทองแดงข้างมือมาปะทะกับเข็มหยินซาที่ลอยพุ่งเข้ามาตรงหน้า พอเข็มร่วงตกลงพื้นก็ระเบิดมอดไหม้เป็นไฟลุกโหม
พลันเจ้าเด็กหนุ่มรู้สึกเพียงทรวงอกร้อนวาบก่อนจะกระอักเลือดออกมา เบิกตาทั้งสองข้างมองลูกไฟที่ลุกโชติ รูม่านตาก็ไหววูบเล็กน้อย
มือของเขาสั่นไม่หยุด
ลำพังแค่แรงสะท้อนกลับของเข็มหยินซาเล็กๆ แค่นี้คงมีพลังทำลายล้างไม่มากเท่าไร แต่เพราะเข็มเล่มนี้ถูกห่อหุ้มด้วยเพลิงไฟ ขณะที่ไฟลุกโหมก็เหมือนแผดเผาดวงวิญญาณของเขาไปด้วย
นักพรตหญิงผู้นี้ฝีมือไม่ธรรมดา
ตกลงนางเป็นใครกันแน่
ในขณะที่เจ้าเด็กหนุ่มเผยท่าทีตกใจ สายตาก็เหลือบมองกระจกสีม่วงทองของตนที่ตกลงบนพื้น พลันก็ปวดใจถึงขีดสุด เขาเสียเปรียบมากโขจริงๆ!
เซิ่งจิงไม่ใช่สถานที่ที่ดีต่อเขานัก!
เจ้าเด็กหนุ่มปาดเลือดตรงมุมปาก ใช้มืออันสั่นเทาหยิบกระจกสีม่วงทองขึ้นมา ในสมองผุดแต่ภาพใบหน้าอันเย็นชาและสายตาอันเยือกเย็นนั้น
นี่เป็นแค่การปะทะกลางอากาศเท่านั้น เขาไม่มีแรงโต้กลับต่อนักพรตหญิงผู้นี้เลย หากสู้กันซึ่งๆ หน้าเล่า
เขาไม่ตายในชั่วขณะแรกเลยหรือ
กระทั่งการส่งวัตถุกลางอากาศ นางยังสร้างพลังทำลายล้างร้ายกาจขนาดนี้ ดูจากอายุของนางแล้วน่าจะยี่สิบต้นๆ เหมือนกันกระมัง
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเล็กคิดน้อย เขามองเห็นนาง และนางก็เห็นเขาเช่นกัน ในเมื่อนางดึงเข็มออกมาได้แล้วย่อมต้องเป็นผู้ช่วยที่ฮองเฮาทรงเชิญตัวมาแน่นอน
เส้นทางนี้อันตรายมากจริงๆ
เวลานี้ฉินหลิวซีกำลังวาดภาพอยู่ ก่อนจะถวายให้ฮองเฮามู่แล้วเอ่ย “คนผู้นี้แหละเพคะ หาตัวเขาให้เจอ น่าจะอยู่ในเมืองหลวง!”
ฮองเฮามู่รับมาดูแวบหนึ่ง “เด็กขนาดนี้เชียว”
“ผู้เดินสายบำเพ็ญ หากบำเพ็ญไปถึงขั้นหนึ่งแล้วจะรักษาใบหน้าไม่ให้แก่ได้เพคะ”
ฮองเฮามู่ “…”
ช่างน่าอิจฉานัก
นางยื่นภาพวาดให้ชุ่ยจู๋ที่กลับมาแล้วก่อนจะรับสั่งต่ออีกหลายประโยค ค้นหาให้ทั่วเมือง ส่วนเหตุผลแค่บอกว่าสร้างหายนะในวังก็เพียงพอแล้ว!
ฮองเฮามู่ผละออกจากฮูหยินมู่ก่อนตรัสชื่นชมฉินหลิวซี “ท่านเจ้าอาวาสทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้จริงๆ”
“พระองค์ทรงชื่นชมเกินไปแล้ว แต่ละคนย่อมมีความสามารถแตกต่างกันไป ดั่งที่หม่อมฉันบอกไปเมื่อครู่ว่าไม่ถนัดเรื่องเล่ห์เหลี่ยมการแย่งชิง แต่เรื่องวิชาอาคมหม่อมฉันถนัดนักเพคะ!” ฉินหลิวซียิ้มบางเอ่ย “หม่อมฉันมาเข้าเฝ้าฮองเฮา คิดว่าฮองเฮาก็คงพอรู้สาเหตุแล้ว ไม่ทราบว่าพระองค์จะเต็มใจขึ้นเรือลำเดียวกันหรือไม่ ในเมื่อสถานะของฉีเชียนไม่ได้ตรงตามพระทัยของท่านนัก นับๆ ดูแล้วเขาเป็นบุตรอนุที่เป็นศัตรูหัวใจของท่านเอาเข้าวังมาด้วยซ้ำ หากดึงเขาขึ้นเป็นฮ่องเต้ย่อมเรียกให้คนจำนนต่อเขาได้ยาก โปรดพระองค์ทรงตรึกตรองให้ดี ในเมื่อเรือลำนี้ไม่ต้องการคนที่จะเป็นตัวถ่วง”
หากทุกอย่างพร้อมแล้ว แต่นางกลับแทงข้างหลัง เรือลำนี้คงจมแน่!
ฮองเฮามู่ฉีกยิ้มตรัสว่า “ท่านเจ้าอาวาสคงไม่ได้หลงคิดว่าข้ามีความผูกพันรักใคร่ฝ่าบาทอย่างมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงกระมัง”
ม้าพรรค์นั้น คู่ควรด้วยหรือ