คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1102 สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ทางวัดยังมีอีกมากหรือไม่
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 1102 สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ทางวัดยังมีอีกมากหรือไม่
ท่านใช้ลูกประคำทาบตรงหน้าผาก ฉินหลิวสัมผัสได้ถึงไออุ่นที่แทรกเข้ามาในดวงจิต นางชะงักไปครู่หนึ่ง นี่เป็นบุญกุศล นางจึงรีบถอยหลังทันที
“อย่าหลบ” ผู้เฒ่าอาวุโสจิ้งฉือแตะลงที่ศีรษะของนาง พร้อมพึมพำเปล่งบทสวดออกมาจากปาก
ฉินหลิวซีปิดตาทั้งสองข้างลงพร้อมปล่อยตัวผ่อนคลาย เสียงบทสวดแห่งพุทธธรรมแผ่วเบาดุจดั่งแว่วมาจากขอบฟ้า นุ่มนวลและสงบ ราวกับเปี่ยมด้วยพลังและความหวังที่ไร้ขีดจำกัด ปลอบประโลมจิตภายในที่กระสับกระส่ายและไม่สบายใจ ช่วยให้จิตวิญญาณได้รับการปลอบโยน แปรเปลี่ยนเป็นความสงบร่มเย็น
สิ่งสำคัญกว่านั้นก็คือผลจากการลูบศีรษะประทานพรของผู้เฒ่าอาวุโสจิ้งฉือ ช่วยให้บาดแผลภายในที่ยังไม่หายดีจากการประชันฝีมือกับซื่อหลัวเมื่อวานพลอยได้รับการรักษาไปด้วย
นางประสานทำมือทั้งสองข้างแบบฉบับนักพรต ดึงดูดให้บุญกุศลเหล่านั้นไหลเวียนภายในร่างกาย หลังจากโคจรเดินลมปราณมหาจักรวาลเสร็จ ร่างกายก็ผ่อนคลายลง จึงอดไม่ได้ที่จะคุกเข่ากราบลงต่อผู้เฒ่าอาวุโสจิ้งฉือ มือทั้งสองแตะพื้นอย่างเบามือ พร้อมหน้าผากก็สัมผัสพื้นเช่นกัน
“ข้าน้อยขอขอบคุณคำประทานพรของผู้เฒ่าอาวุโส”
ผู้เฒ่าอาวุโสจิ้งฉือคลี่ยิ้มเอ่ย “อาตมาแค่พยายามทำเท่าที่ทำได้ เส้นทางแห่งการบำเพ็ญเพียรยังอีกยาวไกล ต้องอาศัยตัวของโยมเองเพื่อบรรลุธรรม ยามเผชิญกับมารชั่วร้าย โยมต้องต่อสู้ด้วยตนเอง”
ฉินหลิวซีเงยหน้าขึ้นเอ่ย “เมื่อวานข้าประชันฝีมือกับเขาแล้ว เขาแค่ส่งรอยฝ่ามือมาจากทางไกล ทว่าข้ากลับตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ต่อให้ข้าไม่พูดท่านก็คงพอรู้ มิเช่นนั้นคงไม่ประทานบุญกุศลช่วยให้ข้าซ่อนแซมร่างกาย ผู้เฒ่าอาวุโส เขาเก่งกว่าที่ข้าจินตนาการไว้มากนัก สวรรค์ประทานโอกาสให้เขามีชีวิตรอด แต่แล้วพวกเราเล่า”
ในน้ำเสียงของนางแฝงด้วยความขุ่นเคือง
ผู้เฒ่าอาวุโสกล่าวคำพูดติดปาก “อมิตาภพุทธ สำหรับผู้บำเพ็ญแล้ว โลกมนุษย์เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่ดีที่สุด ในสถานที่นี้ โยม อาตมาและเขาล้วนเป็นสรรพสัตว์ ทุกชีวิตเท่าเทียมกัน ทุกสรรพสิ่งล้วนมีวิถีแห่งความสมดุล เช่นเดียวกับห้าธาตุที่มีทั้งส่งเสริมและหักล้างกันไป โยมรู้ได้อย่างไรว่าโยมไม่ใช่ตัวแปรหักล้างของเขาเล่า”
ฉินหลิวซีอ้าปากเอ่ย “ปรัชญาที่ท่านกล่าว ช่างคลุมเครือนัก ข้ามิอาจเข้าใจได้ สู้ท่านชี้แนะสักประโยคดีกว่า พวกเราจะล้มเจ้านั่นได้หรือไม่”
คิ้วยาวของผู้เฒ่าอาวุโสจิ้งฉือสั่นไหวเล็กน้อยซึ่งนานๆ จะเห็นสักครั้ง ใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความสุขุมน่ายำเกรงแทบเสียอาการ มองดวงตาหลักแหลมทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยความหวังแล้วเอ่ย “อมิตาภพุทธ ในลัทธิเต๋ามีคำกล่าวที่ว่าทุกสิ่งดำเนินไปตามหลักฟ้าดินห้าสิบประการ…”
“แต่ฟ้าดินกลับสร้างกฎขึ้นมาเพียงสี่สิบเก้าประการ ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งประการก็คือความไม่แน่นอน หรือเรียกว่าโอกาสแห่งสวรรค์ เรื่องนี้ข้าเข้าใจ” ฉินหลิวซีเอ่ย “ความหมายของท่านก็คือสวรรค์ให้โอกาสพวกเราครั้งหนึ่ง ขอแค่พวกเราคว้ามันไว้ได้ พวกเราก็จะเป็นฝ่ายชนะ ใช่หรือไม่”
ผู้เฒ่าอาวุโสจิ้งฉือฉีกยิ้มเมตตา แม่หนู หากเจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว
“แต่ข้ารู้สึกว่าไม่ยุติธรรม เขามีโอกาส ในขณะที่พวกเราก็มีเหมือนกัน แต่พลังที่แท้จริงยังห่างชั้นกันอย่างเห็นได้ชัด เบื้องบนช่างเลวจริงๆ ดันลำเอียงเข้าข้างเขามากกว่า” ฉินหลิวซีแค่นเสียงเบา
อมิตาภพุทธ นางยังเด็ก อภัยให้นางก็ได้!
ผู้เฒ่าอาวุโสจิ้งฉือเองก็เอือมระอาใจอยู่บ้าง เอ่ย “แม่หนู โยมไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง มารเอ้อฝูเป็นภัยต่อสังคมและปวงประชา ย่อมมีผู้บำเพ็ญมากมายเดินเส้นทางเดียวกับโยม เพื่อผดุงใต้หล้า ปกปักษ์ราษฎร”
“ท่านพูดเหมือนไต้ซือฮุ่ยเหนิงแห่งวัดอู๋เซียง ดังนั้นเขาถึงให้ข้ามาหาท่านเพื่อถามเรื่องม่านอาคมไร้ขอบเขต”
ผู้เฒ่าอาวุโสจิ้งฉือสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย “ม่านอาคมไร้ขอบเขตหรือ”
ฉินหลิวซีพยักหน้า ก่อนจะเล่าเรื่องม่านอาคมไร้ขอบเขตที่ตนค้นพบให้ฟังรอบหนึ่งอย่างกระชับ
ครั้นผู้เฒ่าอาวุโสจิ้งฉือได้ฟังเช่นนั้น สีหน้าก็ยิ่งขรึมลงเรื่อยๆ ก่อนเอ่ย “ม่านอาคมไร้ขอบเขตก็คือม่านอาคม อีกทั้งเป็นค่ายอาคมอเวจีที่ไร้เขตแดน ทันทีที่บุกเข้าไปก็จะตกอยู่ในห้วงอเวจีไร้เขตแดนนั้น ไปผุดไปเกิดไม่ได้ชั่วชีวิต โยมไม่หุนหันพลันแล่นบุกเข้าไป นับว่าทำถูกแล้ว”
“เช่นนั้นข้าจะเข้าไปศึกษาได้อย่างไรบ้างหรือ” ฉินหลิวซีเอ่ย “ผู้เฒ่าอาวุโส ข้ามีความรู้สึกอย่างรุนแรงว่าต้องเข้าไปศึกษาดู เพื่อดูว่าเขาทำอะไรอยู่ในนั้น”
ผู้เฒ่าอาวุโสจิ้งฉือขยับลูกปะคำอย่างว่องไวพร้อมเอ่ย “อาตมาเคยอ่านในพระไตรปิฎก หากอยากบุกเข้าไปในค่ายอาคมอเวจีไร้ขอบเขตนั้นโดยไม่เป็นอะไร โยมต้องมีจิตใจกว้างขวางดั่งมหาสมุทรที่รับน้ำจากแม่น้ำหลายสาย และต้องสุขุมสงบนิ่ง เพราะหากไร้กิเลสย่อมเกิดความแข็งแกร่ง”
ฉินหลิวซีเผยสีหน้าแปลกใจ “นี่คงต้องเป็นพระผู้บรรลุธรรมอย่างแท้จริงเฉกเช่นพวกท่านถึงจะทำได้กระมัง”
“อาตมาบุกเข้าไปได้”
ฉินหลิวซีส่ายหน้า “ไม่ได้”
ผู้เฒ่าอาวุโสจิ้งฉือมองนาง
ฉินหลิวซีโพล่งออกไปประโยคหนึ่งอย่างรู้สึกไม่ดีนัก “ท่านอายุมากแล้ว”
ผู้เฒ่าอาวุโสจิ้งฉือคิ้วยาวสั่นไหว
“อ้อ ความหมายของข้าน้อยก็คือท่านเป็นผู้เฒ่าอาวุโส งานหยาบโลนเช่นนี้ให้เด็กๆ จัดการดีกว่า ท่านเหมาะจะเป็นผู้คอยบงการต่างๆ อยู่เบื้องหลัง” ฉินหลิวซีขยับปากเอ่ยต่ออีกว่า “อีกอย่าง ท่านรับรองได้หรือไม่ว่าหากเข้าค่ายอาคมไปแล้วจะไม่ถูกจับได้”
“ค่ายอาคมม่านอาคมล้วนถูกสร้างขึ้นจากปณิธานและพลังการฝึกฝนส่วนบุคคลที่มีสายตานับพันจับจ้องอยู่ นอกจากเป็นตัวเขาเข้าไปเอง มิเช่นนั้นหากมีคนภายนอกพยายามบุกเข้ามา เขาย่อมสัมผัสได้ เพราะนี่คือพื้นที่ส่วนตน ย่อมต้องขับไล่คนอื่นๆ ออกโดยปริยาย”
ฉินหลิวซีเหมือนผุดนึกบางอย่างขึ้นได้แล้วเอ่ย “เมื่อครู่ท่านว่าอย่างไรนะ นอกจากเป็นตัวเขาเองอย่างนั้นหรือ”
ใช่แล้ว ก็เหมือนนางสร้างม่านอาคมขึ้นมา หากมีคนบุกเข้ามา นางจะไม่รู้เลยหรือ แต่หากตนเข้าไปเอง ม่านอาคมนั้นจะมีความรู้สึกอยากขับออกหรือไม่
หากนางเป็นซื่อหลัวละก็…
ฉินหลิวซีเอ่ย “ข้ารู้แล้วว่าจะเข้าไปได้อย่างไร”
“อมิตาภพุทธ” ผู้เฒ่าอาวุโสจิ้งฉือกล่าวขึ้นที “ไม่ว่าโยมจะคิดหาหนทางใด ต้องสมบูรณ์แบบมากพอถึงจะบุกเข้าไปในค่ายอาคมม่านอาคมไร้ขอบเขตนั้นได้ มิเช่นนั้นจะตกอยู่ในห้วงอเวจีไร้ขอบเขตไปชั่วกัปชั่วกัลป์”
ฉินหลิวซีพยักหน้า
ผู้เฒ่าอาวุโสจิ้งฉือลุกขึ้นแล้วเอ่ย “โยมรอสักประเดี๋ยว”
เขาพูดขึ้นพร้อมเดินเข้าไปในประตูเล็กๆ ของเจดีย์
ฉินหลิวซีลุกขึ้นยืนพลางสอดส่ายสายตาไปรอบทิศ เจดีย์แห่งนี้สร้างบนแนวเขา ลมพัดผ่านถ่ายเท พลังศักดิ์สิทธิ์โดดเด่น
นางชะงักก่อนมองหาสถานที่แห่งหนึ่ง พอสังเกตอย่างละเอียดแล้วถึงมองตำแหน่งที่ตนยืน พลางครุ่นคิดบางอย่าง
ด้านหลังมีกลิ่นหอมของไม้จันทน์ลอยมา
ฉินหลิวซีหมุนตัวเอ่ยขึ้นว่า “ผู้เฒ่าอาวุโส หรือว่าที่นี่จะเป็นจุดชีพจรมังกร”
ผู้เฒ่าอาวุโสคลี่ยิ้มพลางพยักหน้า
ผู้เฒ่าอาวุโสจิ้งฉือมองมา “ก็อยู่ด้านล่างนี้นี่แหละ”
ฉินหลิวซีเม้มริมีปากเอ่ย “หากเขามาเอากระดูกพุทธะนี้ไป เช่นนั้นชีพจรมังกรเล่า”
“ชีพจรมังกรก็จะขาด โชคลาภของบ้านเมืองก็จะขาดเช่นกัน พอบ้านเมืองไร้ซึ่งโชคลาภ ใต้หล้าก็จะตกอยู่ในความวุ่นวาย” ผู้เฒ่าอาวุโสจิ้งฉือเอ่ย “วัดอวี้ฝอก่อตั้งมาหลายพันปีก็เพื่อเฝ้าการมีอยู่ของชีพจรมังกร”
ทันใดนั้นฉินหลิวซีก็รู้สึกใจสั่น ผุดนึกถึงเผิงไหลที่กลายเป็นวัดโบราณรกร้างมานานถึงพันปีแล้ว ที่นี่จะมีจุดจบเหมือนวัดโบราณนั่นหรือไม่นะ
ตรงนั้นตั้งอยู่เหนือทะเล ทว่าที่นี่ติดเมืองหลวง ทันทีที่เกิดการเปลี่ยนแปลง ปวงประชาจะทนรับหายนะได้อย่างไร
“วัดอวี้ฝอมีหน้าที่ของวัดอวี้ฝอ โยมเองก็เช่นกัน โยมเอาสิ่งนี้ไป” ผู้เฒ่าอาวุโสจิ้งฉือส่งหีบไม้จันทน์สีม่วงไปให้นาง “นี่เป็นสมบัติพันปีของวัดอวี้ฝอ บัดนี้ขอมอบให้โยมแล้วกัน”
มีเรื่องดีๆ เช่นนี้ด้วยหรือ
ฉินหลิวซีรับมาด้วยใบหน้าแต่งแต้มรอยยิ้ม นางเปิดฝาพลางเอ่ยถามว่า “นี่คืออะไรหรือ”
“นี่เป็นพระธาตุที่ตลอดพันกว่าปีมานี้พระภิกษุขั้นสูงในวัดอวี้ฝอเก็บสืบทอดต่อกันมาเก้าชั่วคน ใช้เป็นศิลาศักดิ์สิทธิ์ในค่ายกลได้”
แสงสีขาวอันบริสุทธิ์สาดส่องออกมาจากหีบ ฉินหลิวซีปิดฝาหีบเสียงดังพลั่ก มือที่ใช้ถือหีบใบนั้นร้อนฉ่า มองเขาพลางเอ่ยพึมพำว่า “นี่…นี่ออกจะล้ำค่าเกินไปกระมัง!”
ถึงปากจะบอกว่าล้ำค่า แต่นางกลับไม่มีทีท่าที่จะส่งคืนเลยสักนิด
“พระพุทธเจ้าเปี่ยมด้วยเมตตากรุณา จึงไม่ปรารถนาให้สรรพชีวิตต้องทนทุกข์ทรมาน ประกอบกับโยมเอาไปใช้ประโยชน์ได้มาก กลับไปเถิด”
“เจ้าค่ะ” ฉินหลิวซีเดินถอยหลังไปสองก้าว ก่อนจะเรียกผู้เฒ่าอาวุโสทีด้วยท่าทีอ้ำๆ อึ้งๆ
ผู้เฒ่าอาวุโสจิ้งฉือ “?”
“คือ ต่อกรกับมารไม่ใช่เรื่องง่าย สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ทางวัดยังมีอีกมากหรือไม่”
ผู้เฒ่าอาวุโสจิ้งฉือ “…”
เจ้ารีบกลับไปเถิด!