คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1108 ฆ่าภรรยาเพื่อพิสูจน์ตน ฟ้าดินย่อมรับไม่ได้
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 1108 ฆ่าภรรยาเพื่อพิสูจน์ตน ฟ้าดินย่อมรับไม่ได้
ตอนที่ 1108 ฆ่าภรรยาเพื่อพิสูจน์ตน ฟ้าดินย่อมรับไม่ได้
………………..
สัญญาณพลุสีแดงลอยกลางอากาศ หนังตาของฮูหยินฟ่านผู้เฒ่ากระตุกอย่างหนัก ใจเต้นเร็วระรัวราวกับใกล้เด้งออกนอกทรวงอกเต็มที
สัญ…สัญญาณพลุนี้เป็นเครื่องหมายที่ใช้กันในสนามรบมิใช่หรือ
นางผู้เฒ่ากลับจุดพลุส่งสัญญาณในจวนของนาง บ้าไปแล้วหรือไร
ไม่สิ เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องนี้ แต่เป็นหญิงสาวที่มีไอเย็นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายนั่นต่างหาก นางบอกว่าเดิมทีเผิงเอ๋อร์ควรเป็นคนที่ตาย!
โพล่งขึ้นมาโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเลยสักนิด!
ฮูหยินฟ่านผู้เฒ่าเนื้อหนังตามร่างกายตึงเปรี๊ยะ ครั้นเห็นฉินหลิวซีเดินมุ่งหน้าไปทางโถงบรรพบุรุษก็ร้องเรียกบ่าวในจวน “สามหาว รีบไปขวางพวกนางไว้!”
บ่าวองครักษ์ในจวนตระกูลฟ่านต่างแห่กันเข้าไปหา
สะใภ้โจวชักดาบอ่อนตรงช่วงเอวออกมา พร้อมสองดวงตาคมกริบดั่งเหยี่ยว
ขณะเดียวกันซุ่นฟังเองก็ชักเอาเหล็กกล้าขนาดเท่านิ้วโป้งออกมาจากช่วงเอว ไม่รู้ว่านางกดตรงไหนเสียงดังพรึบ กลไกของเหล็กกล้านั้นก็เปิดออก พอสะบัดทีแส้อ่อนที่เป็นดั่งตะข้อแหลมก็คลายเปิดออก
นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าแผ่อิทธิพลประกาศศักดิ์ดาอย่างเต็มรูปแบบ กระแทกไม้เท้าลงพื้นอย่างแรง เอ่ยเสียงเย็นชาว่า “ไม้เท้าหัวมังกรที่ฝ่าบาททรงประทานให้ข้าอยู่ตรงนี้ ดูสิว่าใครกล้าแตะต้องข้าบ้าง”
ฉินหลิวซี “…”
เหตุใดจู่ๆ ภาพตรงหน้าถึงกลายเป็นภาพต่อสู้วิทยายุทธ์ไปได้
นางกระดิกเรียวนิ้ว จากนั้นก็มีไอทะมึนแผ่กระจายออกมาคว้าร่างของบ่าวเหล่านั้นไว้พลางเอ่ย “ไปเถิด อย่าเสียแรงและเสียเวลาเลย รีบจัดการปัญหาจะได้รีบๆ กลับ”
นางมีอีกหลายเรื่องที่ต้องจัดการ!
ซุ่นฟัง “พวกท่านไปก่อนเลย ข้าจะคอยคุมอยู่ด้านหลัง”
ฉินหลิวซีเดินมุ่งไปด้านหน้า “พวกเขาไล่ตามมาไม่ทันหรอก”
ซุ่นฟังยังไม่ทันตั้งตัว พอเห็นมีคนเพิ่งขยับ ร่างก็ล้มเสียงดังพั่บลงพื้น ราวกับมีผีเกาะขาก็มิปาน นางอดแค่นเสียงใส่ทีไม่ได้ นึกว่าจะมีโอกาสได้แสดงฝีมือตีสักคนสองคน
นางนึกเสียใจอยู่บ้าง!
ฮูหยินฟ่านผู้เฒ่าโมโหจนแทบเป็นลมหมดสติ “ไป รีบไป”
ฟ่านหวยเผิงเองก็หน้าเสีย เอ่ยถามอย่างร้อนรน “ท่านแม่ ทำอย่างไรดี”
ในเมื่อฉินหลิวซีบอกเรื่องดวงชะตาของเขาได้
ฮูหยินฟ่านผู้เฒ่ามองไปทางสะใภ้เหมียว นัยน์แววตาเปล่งประกายพลางเอ่ยว่า “ไปเชิญท่านอาจารย์มา”
สะใภ้เหมียวแววตาเป็นประกาย งุดหน้าลงก่อนหมุนตัวเดินจากไป
ฉินหลิวซีเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าโถงบรรพบุรุษของตระกูลฟ่าน เพียงเงยหน้ามองแวบเดียวก็เห็นพลังแห่งปัญญาและพลังอาฆาตกำลังดึงรั้งกันอยู่ พลันใบหน้าของนางก็ขรึมลง
ตระกูลฟ่านเป็นขุนนางมาหลายชั่วคน ซึ่งก็มาจากการสั่งสมไว้ตั้งแต่บรรพบุรุษ เพียงแต่หากพวกเขายังไม่ไปเกิดใหม่ละก็ คงโมโหจนกระโดดออกมาจากโลง พุ่งตัวใส่ประตูแห่งดวงวิญญาณเพื่อฆ่าหลานรุ่นนี้ให้ตายเสีย
ในเมื่อสร้างเวรสร้างกรรมขนาดนี้!
“ท่านอาจารย์ ดูอะไรอยู่หรือ” สะใภ้โจวเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
ฉินหลิวซีเอ่ย “ลูกหลานอำมหิตชั่วร้าย ต่อให้ปกป้องต่อไปก็จะกลายเป็นเวรกรรม บั่นทอนคุณงามความดีของตน ข้ากำลังดูว่าบรรพบุรุษของตระกูลฟ่านหูหนวกตาบอดไปแล้วหรืออย่างไร”
ครั้นนางพูดจบ พลังแห่งปัญญาที่ลอยอยู่เหนือโถงบรรพบุรุษราวกับหยุดชะงัก ชั่วขณะนั้นกลับถูกพลังอาฆาตกดข่มไว้ พลังอาฆาตรุ่งโรจน์ลุกโหมขึ้นมา
พลั่กๆ
ภายในโถงบรรพบุรุษมีเสียงทุ้มดังแว่วมา เหมือนเสียงป้ายตกลงมาจากชั้นอย่างไรอย่างนั้น
“เข้าไปเถิด”
ฮูหยินฟ่านผู้เฒ่าไล่ตามหลังมาแล้ว แหวเสียงสูงใส่ “หยุดนะ นี่เป็นโถงบรรพบุรุษที่สำคัญของตระกูลฟ่าน คนนอกจะบุกเข้าไปซี้ซั้วไม่ได้ นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่า ต่อให้ท่านมีของพระราชทาน แต่จะบุกเข้าโถงบรรพบุรุษของคนอื่นเช่นนี้ไม่ได้ หากข้าเอาไปฟ้องหน้าพระที่นั่งก็สมเหตุสมผล”
ฉินหลิวซีหันหน้ามามองแล้วเอ่ย “หากเจ้ากล้าฟ้องก็จะเป็นการป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ว่าพวกเจ้าได้ก่อเรื่องเลวทรามชั่วช้าใดไว้ ทันทีที่เรื่องแพร่งพรายออกไป ตระกูลขุนนางมีความรู้อย่างตระกูลฟ่านคงกลายเป็นเรื่องขบขัน”
นายหญิงฟ่านผู้เฒ่าร่างสั่นเทา กระทั่งฟ่านหวยเผิงที่ยืนอยู่ข้างกายนางยังประกายแววตาวูบไหว
“ฝืนสวรรค์เปลี่ยนดวงชะตา เดิมทีก็ผิดหลักเบื้องบนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นวิธีที่เจ้าใช้ยังเลวทรามมากด้วย สิ่งที่ขโมยมาสุดท้ายก็ต้องคืนเขาไป รีบใช้โอกาสตอนที่มีลมหายใจอยู่เลือกโลงศพดีๆ ให้ตนเองดีกว่า” ฉินหลิวซีมองไปทางฟ่านหวยเผิงแล้วพูดขึ้นหนึ่งประโยค
ฟ่านหวยเผิงแน่นหน้าอก ราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบไว้จนยากที่จะหายใจได้
สองดวงตาของเขาแดงก่ำ กำหมัดแน่น ประกายในแววตาที่มองไปทางฉินหลิวซีเต็มไปไอสังหาร
ฉินหลิวซีหัวเราะพรวด คิดฆ่านางอย่างนั้นหรือ
คิดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้จริงๆ
“ตก…ตกลงเจ้าเป็นใครกันแน่” ฮูหยินฟ่านผู้เฒ่าจับจ้องฉินหลิวซีอย่างเอาเป็นเอาตาย
ฉินหลิวซีก้าวขาเดินเข้าไปในประตูโถงบรรพบุรุษ เสียงเย็นยะเยือกดังแว่วมาจากเบื้องหน้า “ข้าก็คือคนที่เข้ามาช่วยให้ผู้ที่ถูกกดขี่หลุดพ้นจากความอยุติธรรม”
ฮูหยินฟ่านผู้เฒ่าสะดุดขาตนเองอีกครั้ง รู้สึกว่าขาที่พลิกเคล็ดในเดิมทีบวมเป่งขึ้นมาอีกแล้ว นางเงยหน้ามองท้องฟ้าสีเทาเข้มมืดสลัว ราวกับพร้อมตกลงมาได้ทุกเมื่อ ชวนให้หายใจไม่ออก
กลางลานโถงบรรพบุรุษเปิดประตูอ้าไว้ มีหญิงแก่คนหนึ่งเก็บป้ายบรรพบุรุษที่ตกลงพื้นไปวางไว้ที่เดิมมือไม้พัลวัน
ขณะที่ฉินหลิวซีกำลังเดินเข้าไป ทันใดนั้นฟ่านหวยเผิงก็โผเข้ามาขวางเบื้องหน้าของนางไว้ “สถานที่สำคัญของตระกูลฟ่าน คนอื่นห้ามเข้า”
“ข้าบอกแล้วไงว่าใช้โอกาสตอนที่มีลมหายใจอยู่ไปเลือกโลงศพอันดีๆ เตรียมชุดตอนใส่ตายเอาไว้ด้วย” ฉินหลิวซียิ้มเย็นชา “แต่ดูท่าทางเจ้าคงไม่มีโอกาสได้ใส่ ฆ่าภรรยาพิสูจน์ตนเพื่อต่อชีวิต ต่อให้ตายร้อยครั้งก็คงไม่พอ”
ฟ่านหวยเผิงโกรธขึง ทันใดนั้นเขาก็ล้วงดาบเล็กเล่มหนึ่งขึ้นมาหมายแทงใส่นาง เพียงแต่ขณะที่ดาบเล็กของเขาพุ่งตรงมายังเสื้อผ้าของนางกลับแทงไม่เข้า ราวกับมีคนกดมือของเขาไว้ไม่ให้ขยับ
เขามองฉินหลิวซีด้วยความหวาดกลัว
พลั่ก
สะใภ้โจวเดินรุดหน้าเข้ามา เตะเขาจนร่างกระเด็นเข้าไปภายในห้องของโถงบรรพบุรุษ นางหันไปมองฉินหลิวซีแล้วเอ่ย “เมื่อครู่ท่านว่าอย่างไรนะ ฆ่าภรรยาเพื่อพิสูจน์ตนอย่างนั้นหรือ”
ฉินหลิวซีพยักหน้า
ฮูหยินฟ่านผู้เฒ่ากรีดร้องเรียกชื่อของฟ่านหวยเผิง ก่อนจะกระโดดพุ่งตัวเข้าไปหา
เวลานั้นมีคนวิ่งเข้ามารายงานด้วยท่าทีร้อนรนอย่างทำอะไรไม่ถูกว่าด้านนอกถูกทหารล้อมจวนไว้หมดแล้ว แต่ละคนโหดเหี้ยมร้ายกาจไม่เบา แม้แต่ชื่อสื่อ[1]ก็มาด้วย
ยามนี้ฮูหยินฟ่านผู้เฒ่ากระวนกระวายใจขึ้นมาแล้วจริงๆ นางมองไปทางนายหญิงเซี่ยผู้เฒ่า ดวงตานั้นอยากโผเข้าไปกัดกินกระดูกของนายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าเต็มที
นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าในสมองดังวิ้ง หลงเหลือเพียงคำว่าฆ่าภรรยาเพื่อพิสูจน์ตนดังก้องอยู่ในหัว
ฟ่านหวยเผิงฆ่าหว่านเอ๋อร์อย่างนั้นหรือ
ฉินหลิวซีเดินเข้ามาในโถงบรรพบุรุษด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ความจริงนางเองก็เหนื่อยใจเช่นกัน นางต้องเจอเรื่องแบบนี้ไม่รู้กี่ครั้ง กระทั่งมุมที่นางมองไม่เห็นยังมีอีกมาก
ตระกูลเซี่ยเป็นนักรบเฉกเช่นตระกูลเจิ้งในปีนั้น แต่เหมือนหญิงสาวแต่ละคนไม่มีจุดจบดีๆ สักคน โชคชะตาของตระกูลกลับไม่ได้ปกป้องพวกนางเลย
แต่ตระกูลเซี่ยน่าสงสารกว่าตระกูลเจิ้งมากโข เพราะบุตรชายแทบตายเกลี้ยง แม้แต่โชคลาภตอนนี้ยังไม่เหลือ หากเป็นฝีมือของซื่อหลัว เขาจะเอาโชคลาภพวกนี้ไปเตรียมเป็นเทพหรืออย่างไร
ไม่สนแล้ว สิ่งที่เขาต้องการ นางจะรื้อทิ้งให้หมด ไม่ให้พลาดหรอก!
ฉินหลิวซีส่ายหน้า เบิกตากว้าง กวาดตามองรอบโถงบรรพบุรุษ
มีเสียงดังแว่วมาจากด้านนอก ทุกคนต่างหันไปมอง จากนั้นก็เห็นผู้ดูแลจวนเดินเข้ามาพร้อมใต้เท้าสองคนพร้อมใบหน้าซีดเซียว หยางซื่อหมิงที่ดำรงตำแหน่งชื่อสื่อและแม่ทัพอีกหนึ่งคน
พอพวกเขาสองคนเดินเข้ามาก็ทำความเคารพนายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าก่อน ในเมื่อนางเป็นนายหญิงผู้เฒ่าที่มีลำดับศักดิ์ ฐานันดรสูงลิ่ว ยิ่งแม่ทัพสกุลฟังเป็นทหารเก่าติดตามตระกูลเซี่ยมาแต่อดีต ฉะนั้นยิ่งให้ความเคารพต่อนางเป็นอย่างมาก
อีกทั้งหยางชื่อสื่อยังเกี่ยวดองกับครอบครัวแม่ทัพฟังด้วย
เดิมทีหยางชื่อสื่อยังลังเลเรื่องล้อมจวนตระกูลฟ่านอยู่บ้าง แต่เพราะมีคนฟ้องร้องว่าเมื่อสามปีก่อนตระกูลฟ่านทำให้คุณหนูเซี่ยถึงแก่ความตาย ซึ่งดูไม่น่าเชื่อถือนัก แต่เพราะเห็นแก่เหล่าฟังถึงส่งกองทัพเล็กเดินทางมา ส่วนตนเองก็มาสมทบด้วย ในเมื่อตนเป็นถึงขุนนาง ใครไม่ได้รับความเป็นธรรมย่อมต้องได้รับการคลี่คลาย
เพียงแต่เขานึกไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวพันมาถึงเทพผีเทวดาและอาคมชั่วร้าย แต่ยิ่งคิดไม่ถึงว่าฟ่านหวยเผิงจะฆ่าภรรยาเพื่อพิสูจน์ตนเช่นนี้
ไม่สิ โลกนี้มันวิปริตถึงเพียงนี้เชียวหรือ
เกิดมาในตระกูลผู้รู้หนังสือ เป็นถึงจวี่เหรินแต่กลับฆ่าภรรยาพิสูจน์ตนเพื่อต่อชะตาชีวิตอย่างนั้นหรือ
หยางชื่อสื่อมองไปทางแม่ทัพ หากเรื่องนี้จัดการไม่ดี พวกเราก็ถอดหมวกขุนนางแล้วกลับบ้านไปทำไร่ทำนากันดีกว่า
สายตาของฉินหลิวซีเลื่อนไปจับจ้องโต๊ะด้านซ้ายตรงหน้าก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วหยิบโคมดอกบัวสีรุ้งตรงหน้าป้ายชื่อขึ้นมาพินิจดู แค่นเสียงหัวเราะก่อนมองไปทางฮูหยินฟ่านผู้เฒ่า เอ่ย “โคมดอกบัวควรจะอยู่หน้าพระพุทธ ซึ่งถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์ แต่โคมชิ้นนี้ต่อให้ล้างจนสะอาดแค่ไหนก็กลบรอยเลือดไม่มิด อีกทั้งยังบูชาอยู่เบื้องหน้าของป้ายชื่อเซี่ยหว่าน นี่ใช้เพื่อบูชาดวงวิญญาณหรือใช้กดข่มดวงวิญญาณกันแน่”
ซุ่นฟังประคองนายหญิงเซี่ยผู้เฒ่ารุดเดินมาข้างหน้าแล้วเอ่ย “นี่คืออาวุธชั่วร้ายหรือ”
“ผ่านการใช้เลือดหยางของคนตายบริสุทธิ์แช่มาก่อนมากกว่า ซึ่งเดิมทีก็อานุภาพแรงมากแล้ว หรือหากเป็นเลือดหยางของผู้ชายบริสุทธิ์ก็จะยิ่งอานุภาพร้ายแรง สามารถใช้กดข่มพลังหยินได้” ฉินหลิวซีเอ่ยต่อ “แต่มันถึงขั้นกดพลังหยินชั่วร้ายได้ ย่อมต้องทำร้ายพลังหยางได้เช่นกัน เดิมทีโคมดอกบัวเป็นวัตถุบริสุทธิ์ที่วางไว้ตรงหน้าพระ แต่กลับแปดเปื้อนเลือด เลือดนี้เป็นเลือดของชายที่มีพลังหยางบริสุทธิ์ ก่อให้เกิดพลังหยางชั่วร้าย พอวางไว้นาน ผู้ชายในบ้านก็ต้องเผชิญกับหายนะ การทำความชั่วมากเกินไปจะนำไปสู่ภัยพินาศ ผลตีสะท้อนกลับก็เกิดจากผลกรรมเช่นกัน
ฟ่านหวยเผิงคุกเข่าลงบนพื้น ครั้นได้ยินเช่นนั้นก็เงยหน้าขึ้น มุมปากมีรอยเลือดไหลรินออกมา
ฉินหลิวซีเอ่ยอีกว่า “พอวัตถุศักดิ์สิทธิ์แปดเปื้อนมลทิน ไม่ว่าจะวางไว้ตรงไหน มันก็จะกลายเป็นสิ่งชั่วร้าย และยิ่งมันถูกวางอยู่ภายในโถงบรรพบุรุษ เหอะ ก่อนหน้านี้ยังเห็นนางผู้เฒ่านับลูกประคำ หากพระพุทธเจ้าทรงคุ้มครองเจ้าได้ ข้าจะยอมออกจากลัทธิเต๋าไปบวชเป็นชีเลย!”
สายพุทธ สายเต๋า ?!
พวกเรามีต้นกำเนิดเหมือนกัน ไม่ต้องจริงจังมากก็ได้!
ฮูหยินฟ่านผู้เฒ่าร่างแข็งทื่อ ก่อนจะมองป้ายบรรพบุรุษที่ร่วงตกลงพื้น พลันก็ยิ่งรู้สึกว่าบรรยากาศอึมครึม หนาวเหน็บไปทั่วร่างกาย
ฉินหลิวซีมองไปที่โต๊ะหมู่บูชาอีกครั้ง โต๊ะตัวนี้หนาและหนักมากเพราะทำมาจากไม้ท้อ โต๊ะถูกสลักเป็นลวดลายภาพวาด ป้ายทำจากไม้ท้อโดยเขียนชื่อแซ่และวันเดือนปีเกิดของเซี่ยหว่านไว้ ส่วนด้านล่างก็ผนึกปิดด้วยหินปูน
มือของนางยื่นไปทางป้ายชื่อนั้น
“ไม่นะ…” ฟ่านหวยเผิงหวาดกลัวสุดขีด
ฉินหลิวซีหยิบป้ายนั้นขึ้นมาไม่ได้ เหมือนจะฝังลึกอย่างมั่นคง นางเลิกคิ้วก่อนจะบิดมือ
แกร๊ก
โต๊ะที่ไร้รอยต่อช่องโหว่ในเดิมทีก็ผุดเสียงดังแว่วมา กลไกขยับตัวก่อนที่ขอบโต๊ะทั้งสองข้างจะเปิดออก
ตระกูลฟ่านจบเห่แล้ว!
ฮูหยินฟ่านผู้เฒ่าหน้ามืดก่อนจะขาอ่อนยวบล้มพับลงพื้น
หยางชื่อสื่อกับแม่ทัพฟังสบตากัน ต่างตกตะลึงกันไม่น้อย
พอโต๊ะตัวนั้นเปิดออกถึงค้นพบช่องว่างซึ่งวางไหอยู่หนึ่งใบแล้วใช้หินปูนผนึกปากไหไว้ พร้อมใช้สร้อยสีดำทะมึนเส้นหนึ่งพันล้อมรอบ ลักษณะเช่นนั้นกลับคล้ายคลึงโซ่ล่ามดวงวิญญาณที่ฉินหลิวซีเคยเห็น แม้วิธีจะต่างกันแต่กลับมีผลลัพธ์เดียวกัน
อีกทั้งบนไหใบนั้นยังแปะยันต์สีเหลืองไว้สองสามแผ่น
นอกจากฉินหลิวซีแล้ว ทุกคนตรงนั้นต่างพากันสั่นสะท้านไปทั้งร่าง มีตระกูลใดที่จะเอาของไสยศาสตร์พวกนี้มาวางไว้ในโถงบรรพบุรุษบ้าง
เดิมทีหยางชื่อสื่อยังคิดว่าตระกูลฟ่านเป็นผู้รู้หนังสือคงไม่ทำเรื่องอำมหิตเช่นนี้ แต่พอเห็นไหที่ดูไม่เป็นมงคลใบนั้น พวกเขาก็รู้ว่าตนคงคิดผิดไป
ตระกูลฟ่านช่างสกปรกนัก!
ฮูหยินฟ่านผู้เฒ่าเอ่ยด้วยสีหน้าดำทะมึน “ใช่ พวกเราเชิญท่านอาจารย์มาทำพิธีก็จริง แต่นี่ไม่เกี่ยวกับสะใภ้เซี่ยเลย…”
“ยายแก่เจ้าเล่ห์ ป้ายชื่อของน้องสาวข้าตั้งอยู่ทนโท่ขนาดนี้ เจ้ายังจะบอกว่าไม่เกี่ยวอะไรกับนางอีกหรือ โกหกชัดๆ!” สะใภ้โจวง้างฝ่ามือตบนาง เอ่ยเสียงดุดัน “หุบปาก ยังไม่ถึงคราวให้เจ้าพูด!”
ฮูหยินฟ่านผู้เฒ่าถูกตบจนดาวขึ้นตา กระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
ฉินหลิวซีดึงยันต์นั้นออก กวาดตามองแวบหนึ่งแล้วเอ่ย “ใช้หินปูนปิดผนึกห่วงโซ่พันธนาการแล้วค่อยใช้ยันต์ทำลายดวงวิญญาณนั้น จากนั้นก็ใช้โคมดอกบัวสะกดพลังหยิน การเตรียมการที่พวกเจ้าเตรียมไว้ถือว่าเพียงพอ”
นางแกะออกทีละใบ และทุกครั้งที่แกะออก นางจะสัมผัสได้ถึงเสียงร่ำไห้โอดครวญและแรงอาฆาตที่แผ่ซ่านออกมาจากด้านใน
นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าเองก็สัมผัสได้ นางเดินเข้าไปใกล้ตามสัญชาตญาณพร้อมสองมือที่สั่นเทา
หลังจากแกะยันต์ออก ฉินหลิวซีก็หยิบกระดาษสีเหลืองใบหนึ่งออกมาก่อนจะวาดยันต์ลงไปอีกครั้ง พอกวาดตามองฝาไหที่ถูกปิดตายแล้ว โคลนหินปูนก็มีเสียงคลิกดังแว่วมาก่อนจะปริแตกออก
“ไม่ จะเปิดไม่ได้ เจ้าห้ามเปิด!” ฟ่านหวยเผิงหมายพุ่งตัวเข้าใส่ แต่ถูกแม่ทัพฟังปรามไว้
ฉินหลิวซีเริ่มคลายโซ่พันธนาการดวงวิญญาณออกทีละรอบๆ พอคลายโซ่ที่พันรอบไหออกจนหมดแล้วถึงเปิดฝาออก
ลมหยินโหมกระหน่ำ พัดจนตะเกียงน้ำมันภายในโถงบรรพบุรุษดับมอด จากนั้นไอเย็นที่แทรกถึงกระดูกก็มุดออกมา
ทุกคนในใจขนลุกซู่
หยางชื่อสื่อยืนอยู่หลังแม่ทัพฟังก่อนใช้มือดึงแขนเสื้อเบาๆ ไม่ต้องกลัว ในเมื่อเหล่าฟังเองก็เป็นแม่ทัพ มีพลังหยินร้ายกาจ เหล่าฟังย่อมปกป้องเขาได้!
เครื่องมือมนุษย์อย่างแม่ทัพฟังกระตุกแขนเสื้อของตนออก พร้อมสองดวงตาที่ถลึงโตใส่หยางชื่อสื่อ ขอแค่เป็นคนดี มีอะไรให้ต้องกลัวกัน!
ฉินหลิวซีเห็นหญิงสาวที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความองอาจยืนอยู่ตรงหน้า เงาคล้ายนายหญิงเซี่ยผู้เฒ่า นางก็คือเซี่ยหว่าน
เพราะถูกกักขังมานาน นางจึงรู้สึกสับสน ดวงจิตอ่อนแอจนใกล้สลายเต็มที บวกกับท้องของนางยังนูนอยู่ ชี้ให้เห็นว่ายังไม่ทันคลอดบุตรออกมาด้วยซ้ำ
ตระกูลฟ่านบันทึกชื่อเด็กคนเมื่อครู่ในนามของนาง ถือว่าเป็นบุตรของนาง
แต่ยันต์สลายวิญญาณทำให้ดวงวิญญาณอ่อนแอ หากถูกสะกดดวงวิญญาณนานวันเข้า ดวงวิญญาณก็คงสลาย เรื่องอายุขัยของฟ่านหวยเผิงก็ยิ่งไม่ต้องเป็นกังวล
พอฉินหลิวซีมองเข้าไปในไหก็เห็นกระดูกสีขาว นางเม้มริมฝีปากแล้วล้วงหยิบตุ๊กตาสองตัวที่ห่อด้วยผ้ายันต์ออกมา ตุ๊กตาสองตัวนั้นจับมืออยู่เคียงข้างกัน ตุ๊กตาผู้ชายเปล่งแสงสีแดง ส่วนตุ๊กตาผู้หญิงสีดำเทาไปทั้งร่าง ส่วนด้านหลังของเขาเขียนวันเดือนปีเกิดอย่างชัดเจน แต่ของผู้หญิงกลับใช้เข็มเล่มหนึ่งฝังไว้
นางแกะกระดาษยันต์ออก ในเมื่อครองคู่กันมาตั้งแต่วัยเยาว์ อายุขัยก็ต้องแบ่งปันกันได้ด้วย
“นี่มันอะไรหรือ” สะใภ้โจวใจคอไม่ดีนัก
ฉินหลิวซีถอดถอนหายใจเอ่ย “ในไหมีขี้เถาของเซี่ยหว่าน นำกระดูกและเลือดใส่ลงในไหแล้วใช้หินปูนปิดผนึกไว้ เพื่อไม่ให้วิญญาณไปเกิดใหม่ อีกอย่างตุ๊กตาพวกนี้ก็เป็นฝีมือของพวกเขา ในเมื่อมีหนังสือแต่งงาน เคยไหว้ฟ้าดินร่วมกันมาก่อน สามีภรรยาย่อมรวมกันเป็นหนึ่ง สุดท้ายดันใช้คาถาจอมมารฆ่าภรรยาเพื่อพิสูจน์ตนบูชาสวรรค์ แก่งแย่งเอาอายุขัยไป เปลี่ยนชะตาเพิ่มอายุ ฝืนลิขิตสวรรค์เพื่อเปลี่ยนดวงชะตาตนเอง”
ทันใดนั้นทุกคนก็ขนลุกซู่
พรวด
ในที่สุดนายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าก็ทนไม่ไหวก่อนกระอักเลือดออกมา พร้อมร่างที่หงายล้มตึงไปด้านหลัง
ซุ่นฟังเรียกด้วยความตกใจ ก่อนรีบโผเข้าไปกอดนายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าแล้วให้นางเอนพิงกายบนร่างตน
แม่ทัพฟังเองก็ตกใจก่อนพุ่งตัวเข้าไปช่วยแล้วหาเบาะเพื่อใช้รองให้นายหญิงผู้เฒ่านั่ง
“ไม่ ไม่เป็นไร” นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าเพิ่งเปิดปาก น้ำตาก็ทะลักออกมาเป็นสาย พลางจับจ้องไหสีดำนั้นด้วยความปวดใจอย่างที่สุด
เวลานี้เหมือนดวงวิญญาณของเซี่ยหว่านจะกลับมาแล้ว ครั้นกวาดสายตามองเห็นฟ่านหวยเผิงบนพื้น แรงอาฆาตก็ปะทุก่อนพุ่งตัวเข้าไปหา “เป็นเจ้าที่ฆ่าข้า เจ้าช่างอำมหิตนัก!”
แรงอาฆาตแทรกซึมเข้าทุกอณู
ฟ่านหวนเผิงทั้งหนาวทั้งเจ็บ กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
ฉินหลิวซีดีดกุศลไปให้ร่างของเซี่ยหว่านแล้วเอ่ย “ใต้เท้าชื่อสื่ออยู่ตรงนี้ เซี่ยหว่าน เจ้าเป็นเหยื่อ ต้องร้องทุกข์เอง”
เซี่ยหว่านรู้สึกมีเรี่ยวแรงขึ้นบ้าง นางมองฉินหลิวซีแวบหนึ่ง ฉวยโอกาสตอนที่ฟ่านหวยเผิงหวาดกลัวดวงตกถึงขีดสุดโผเข้าสิงร่างเขา
ฟ่านหวยเผิงร่างแข็งทื่อ
เดิมทีนางและฟ่านหวยเผิงครองคู่เป็นสามีภรรยากัน ท่านอาจารย์จึงทำพิธีนี้ให้เขา ตอนนี้เขายังเอาเปรียบเซี่ยหว่านอีก ฟ่านหวยเผิงกลืนกินอายุขัยของนาง เหตุด้วยที่พวกเขาไม่ได้เลิกรากัน นางจึงสิงร่างเขาได้อย่างกลมกลืนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เซี่ยหว่านฝืนสิงร่างเขา จากนั้นก็มองไปทางหยางชื่อสื่อ คุกเข่าลงอย่างช้าๆ แล้วเอ่ย “ข้ามีนามว่าเซี่ยหว่าน ขอร้องทุกข์ว่าสามีและแม่สามีฆ่าข้า ร่างหนึ่งสองชีวิต โปรดใต้เท้าทวงความเป็นธรรมให้ข้าด้วย”
หยางชื่อสื่อเซถอยหลังไปหนึ่งก้าว “!”
เหล่าฟังช่วยข้าด้วย
ฮูหยินฟ่านผู้เฒ่าประกายความหวาดกลัวผ่านดวงตา
“เจ้า เจ้าเป็นคนหรือผี เจ้าคือเซี่ยหว่านจริงๆ หรือ” หยางชื่อสื่อเอ่ยถามเสียงแหบพร่า
เซี่ยหว่านลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ย “ข้าเองเจ้าค่ะ”
นางมองนายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าที่อยู่ด้านข้างด้วยแววตาซับซ้อน มีทั้งอารมณ์โกรธแค้น แต่ก็แฝงไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ รวมถึงอารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจด้วย ก่อนเอ่ยอย่างช้าๆ ว่า “ชั่วชีวิตนี้ของข้า ช่วงเวลาที่มีความสุขมากที่สุดก็คงตอนเป็นคุณหนู…”
เซี่ยหว่านเกิดมาในตระกูลแม่ทัพ ชื่นชอบถือหอกระบำดาบมาตั้งแต่เด็ก สามีที่นางใฝ่ฝันก็คือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่เฉกเช่นพี่ชายของนาง แต่ไม่ใช่อาลักษณ์ที่ถือพู่กันขีดเขียนไม่กี่ประโยค แต่ทว่ามารดาของนางกลับให้นางแต่งงานกับบัณฑิต แถมยังบอกว่าเพราะหวังดีต่อนาง ไม่อยากให้นางเหมือนฮูหยินของแม่ทัพคนอื่นๆ ที่ต้องเป็นหม้ายตั้งแต่อายุไม่เท่าไร
นางเคยต่อต้าน กระทั่งเคยระเบิดอารมณ์ใส่ หากออกจากเรือนไป นางจะไม่กลับมาจวนมารดาตราบชั่วชีวิต แต่เพราะนายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าตกใจกับเรื่องการตายของสามีลูกหลานจนสิ้นหวัง จนขาดความมุ่งมั่น กระทั่งทำเอาล้มหมอนนอนเสื่อ ต่อให้ยื่นคำขาดเพียงใดนางก็ยังไม่เปลี่ยนความคิด
สุดท้ายนางก็ต้องแต่ง ครั้นตอนที่เห็นมารดาร้องไห้กลางดึก นางก็ทนไม่ไหว
หลังจากแต่งออกจากจวนมา ในใจของนางก็มีแต่ความแค้น และไม่กลับไปจวนมารดาตนจริงๆ สักครั้ง ตอนที่เข้ามาเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลฟ่านนางต้องปฏิบัติตามกฎคร่ำครึโบราณโดยที่นางต่อต้านกฎทุกอย่างในตระกูลฟ่าน ผ่านไปวันวันแล้ววันเล่าก็ใช้ชีวิตเหมือนซากศพเดินได้ จิตใจห่อเหี่ยวราวกับหญิงชรา
หลังจากนางตั้งครรภ์ก็สัมผัสได้ถึงแรงเคลื่อนไหวของลูก ในใจของนางผุดความหวังขึ้นมาอีกครั้ง แต่นางคิดไม่ถึงว่ายามที่จิตใจของนางสดใส ชีวิตจะเดินทางมาถึงจุดจบเช่นนี้
หลังจากที่นางตั้งครรภ์ ฟ่านหวยเผิงก็เริ่มมีหายนะร้ายๆ ป่วยออดๆ แอดๆ กระทั่งคนในจวนบอกว่าบุตรในท้องของนางเป็นกาลกิณี พอนางแค่นเสียงดูแคลนใส่ หยิบยกท่วงท่าของบุตรสาวนักรบขึ้นมากำราบบ่าวพวกนั้นถึงไม่มีใครกล้าพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก
นางแค่อยากให้กำเนิดบุตรอย่างสุขสงบ แต่คิดไม่ถึงว่าบิดาของบุตรนางกำลังวางแผนคร่าชีวิตนางแทน
หลังจากแต่งงานมา นางก็จิตใจหดหู่ ครรภ์ในท้องจึงไม่ค่อยดีนักจึงต้องกินยารักษาครรภ์มาโดยตลอด จนวันนั้นวันที่ยารักษาครรภ์ของนางถูกเปลี่ยนเป็นยาเร่งคลอด นางนอนอยู่บนเตียงทำคลอดด้วยร่างกายอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง
นางเจ็บจนหมดเรี่ยวแรง ยามที่เห็นฟ่านหวยเผิงหยิบดาบของนางมาปรากฏตัวข้างเตียง ในใจก็สำนึกผิด นึกเสียใจที่ตนเอาแต่ใจและดื้อรั้น พอเอ่ยปากไปแล้วว่าจะไม่ไปหามารดาตนก็ดึงดันทำเช่นนั้นจริงๆ อีกทั้งยังคัดบ่าวรับใช้ข้างกายออก ยามที่นางอ่อนแอมากที่สุดจึงไม่มีใครคอยช่วยนางได้
ฟ่านหวยเผิงฆ่านางโดยที่ไม่ให้บุตรเกิดออกมาด้วยซ้ำ เหตุเพราะเขามีอนุมานานแล้ว อีกทั้งมีบุตรก่อนแล้วด้วย
พวกเขาจัดการเผาร่างของสองแม่ลูกจนมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านแล้วปิดผนึกใส่ไหไว้ นางเห็นคนหัวล้านคนหนึ่งล่ามโซ่พันธนาการดวงวิญญาณของนางไว้ พร้อมสะกดไว้ที่ตัวตุ๊กตาตัวนั้น นางได้ยินว่าเพราะโถงบรรพบุรุษมีพลังปัญญาเข้มข้นที่สุดจึงสะกดขังขี้เถ้าดวงวิญญาณของนางไว้ตรงนี้ เพื่อไม่ให้นางไปเกิดใหม่และล้างแค้นไม่ได้เช่นกัน กระทั่งดวงวิญญาณของนางมอดลง อายุขัยเดิมของนางจึงไปตกอยู่ที่ร่างของเขาแทน
“เขา ฆ่าภรรยาและลูก ฟ้าดินย่อมมิอาจรับได้” เซี่ยหว่านแหงนหน้าตะโกนขึ้นฟ้า
ตู้ม
พลันเสียงฟ้าร้องอันน่ากลัวก็ผ่าฟาดลงมาบนโถงบรรพบุรุษ กระแทกทะลุผ่านหลังคาผ่าใส่ร่างของฟ่านหวยเผิง
[1] ชื่อสื่อคือตำแหน่งผู้ตรวจการมณฑล