คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1109 หย่าร้างทำลายอาคม
ตอนที่ 1109 หย่าร้างทำลายอาคม
………………..
ฟ้าร้องสั่นสะเทือน บทจะผ่าก็ผ่าลงมาเลย!
ฉินหลิวซีดึงดวงวิญญาณเซี่ยหว่านที่สิงอยู่ในร่างของฟ่านหวยเผิงออกมา เพื่อเลี่ยงไม่ให้นางต้องรับโทษแทนคนอื่นแล้วเอาตนเองเข้าไปพัวพันด้วย
ต่อให้เป็นเช่นนั้น แต่สายฟ้าดุดันก็ยังทำเอาดวงวิญญาณที่สั่นเทาด้วยความโกรธสะท้านเฮือกตามไปด้วย
ฉินหลิวซีถลึงตาใส่สายฟ้าดุดันนั้นแวบหนึ่งอย่างอดไม่ได้ ไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือ ต้องให้นางเปลืองแรงใช้ความคิดคอยปกป้องเซี่ยหว่านอีกแล้ว
เหมือนสายฟ้าชะงักเล็กน้อย ก่อนจะผ่าฟาดใส่ร่างของฟ่านหวยเผิงเข้าอย่างจัง
นางทำให้ข้าตกใจนี่นา!
“เผิงเอ๋อร์!” ครั้นฮูหยินฟ่านผู้เฒ่าเห็นบุตรชายถูกสายฟ้าผ่าเข้าอย่างจังเช่นนั้น หน้าก็มืดก่อนหมดสติไป
เฉิงหมัวหมัวกอดนางด้วยร่างอันสั่นเทา แต่ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
ถูกสายฟ้าฟาดใส่เช่นนี้ต้องเป็นโทษใหญ่หลวงขนาดไหน!
แค่นี้ยังไม่จบ พอสายฟ้าฟาดลงมา ป้ายชื่อของบรรพบุรุษเหล่านั้นก็ร่วงตกลงพื้น ก่อนจะแตกเป็นรอยร้าว
จากนั้นพลังแห่งปัญญาก็สลายตัวไป
ฉินหลิวซีถอนหายใจเสียงเบา ช่างน่าเสียดายนัก
ในขณะเดียวกันฟ่านหวยเผิงที่ถูกสายฟ้าฟาดใส่ก็ร่างแผดเผาจนไหม้เกรียม เนื้อหนังปริแตกออก แต่เขายังมีสติอยู่พลางหายใจโรยริน ซึ่งเป็นเพราะดวงชะตาของเซี่ยหว่าน ทว่าหลังจากสายฟ้าฟาดลงมา ดวงชะตานั้นก็ค่อยๆ สลายตัวแล้ว
สิ่งที่ขโมยมาล้วนต้องส่งคืนกลับไป
ฉินหลิวซีมองพลังแห่งปัญญาที่วนเวียนอยู่ภายในโถงบรรพบุรุษกระจายตัว แต่มีบางส่วนที่ร่วงตกลงบนร่างของสะใภ้โจวและนายหญิงเซี่ยผู้เฒ่า
พลังแห่งปัญญาช่วยคุ้มครองคน
หยางชื่อสื่อกับแม่ทัพฟังต่างตกตะลึงงัน บทสายฟ้าจะผ่าก็ฟาดผ่าลงมาเลย อีกทั้งผ่าใส่ร่างของฟ่านหวยเผิงอย่างแม่นยำ นี่ตรงกับคำที่เขาว่ากันว่าหลักแห่งสวรรค์ไม่มีทางยอมใครอย่างนั้นหรือ
กรรมตามสนองแบบนี้ เหมือนตื่นรู้เพราะถูกตีศีรษะก็มิปาน!
พวกเขาทั้งสองสบตากันครู่หนึ่งก่อนจะเลื่อนสายตาหนีอย่างรวดเร็ว พลางลอบครุ่นคิดว่าเมื่อก่อนตนเคยก่อเรื่องไม่ดีใดไว้หรือไม่
หยางชื่อสื่อ แย่แล้ว พ่อค้าสกุลหูในเมืองเคยส่งเงินตำลึงมาให้หีบหนึ่ง เพื่อขอให้เขาช่วยอนุมัติทำเรื่องบางอย่าง ซึ่งส่งผลเสียต่อประชาชน ไม่ได้การล่ะ กลับไปเขาต้องซัดเจ้านั่นแรงๆ สักยก นี่คิดจะทำร้ายเขาชัดๆ!
แม่ทัพฟัง ข้าจะไม่รับหญิงสาวอายุน้อยมาเป็นอนุคลอดบุตรเด็ดขาด!
ฉินหลิวซีมองสีหน้าซีดป่วยของฮูหยินฟ่านผู้เฒ่าแล้วหยิบเข็มออกมา ฝังเข็มจนนางฟื้นได้สติ เพราะนางหมดสติจึงไม่รู้เรื่องใด ย่อมต้องรอฟื้นขึ้นมาก่อนนางถึงจะเจ็บปวดหัวใจ!
ฮูหยินฟ่านผู้เฒ่าค่อยๆ ได้สติก่อนจะมองไปทางบุตรชายอย่างรวดเร็ว ครั้นเห็นฟ่านหวยเผิงเนื้อหนังปริแตกออก ท่าทีที่พร้อมตายทุกเมื่อก็โผเข้าหาพลางร้องโอดครวญอย่างอดไม่ได้
“หากเบื้องบนทำผิดยังพอมีชีวิตรอด แต่หากสร้างกรรมด้วยตนเองคงรอดยาก อย่าว่าแต่ฆ่าภรรยาเลย เจ้ายังฆ่าลูกอีกต่างหาก แบบนี้ต้องไปอยู่นรกภูเขามีดแล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ย “เจ้าคิดแค่ว่ามีลูกแล้วเลยไม่สนใจเลือดเนื้อในท้องของนาง แต่ความจริงตอนที่พวกเจ้าคิดสร้างกรรมชั่ว กลับต้องแบกผลกรรมฆ่าลูกฆ่าหลาน ฆ่าล้างทั้งตระกูลด้วย”
ฮูหยินฟ่านผู้เฒ่าลุกขึ้นแล้วหันมามองพร้อมดวงตาที่ถลนออกมา
ฉินหลิวซีจุดโคมดอกบัวนั้นแล้วเอ่ย “ข้าบอกแล้วว่าเดิมทีโคมดอกบัวต้องวางไว้ต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างพระพุทธรูป แต่แปดเปื้อนเลือดแล้วจึงแปรเปลี่ยนเป็นวัตถุชั่วร้าย เพราะเป็นเลือดของบุรุษหยางบริสุทธิ์ อีกทั้งใช้บูชาอยู่ในโถงบรรพบุรุษแห่งนี้ อย่างแรกจะเป็นการทำลายบุตรชายที่จะสืบทอดตระกูล หลังจากเจ้าสร้างกรรมเข่นฆ่าภรรยาและลูกน้อยแล้ว ถึงแม้ดวงชะตาจะยังคงอยู่ แต่เจ้าก็จะค่อยๆ กลายเป็นขันทีจนไม่อาจเรียกว่าผู้ชายได้ แล้วจะมีลูกได้อย่างไร”
ฮูหยินฟ่านผู้เฒ่าผงะแล้วมองไปทางฟ่านหวยเผิง ด้านหลังมีเสียงอึกอักในลำคอดังแว่วมา สองดวงตาแดงก่ำ เรียวนิ้วกวาดพื้นขีดข่วนจนเป็นรอยเลือด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโกรธหรืออย่างไร
หยางชื่อสื่อเอ่ยถามอย่างโง่เขลา “ขันที หมายความว่าตรงนั้นของเขาเสื่อมแล้วหรือ”
แม่ทัพฟังกลับเอ่ยขึ้นว่า “แต่เขามีลูกสองคนแล้วนะ”
สะใภ้โจวเอ่ยเสียงเย้ยหยัน “โง่หรือไร สิ่งที่เรียกว่าลูก ย่อมเป็นผลมาจากแม่แน่นอน ส่วนเรื่องที่ว่าเป็นของบุรุษอย่างพวกท่านหรือไม่ เหอะๆ!”
“เป็นไปไม่ได้!” ฮูหยินฟ่านผู้เฒ่ากรีดร้อง
ฉินหลิวซีเอ่ย “ข้าสามารถทำลายอาคมแย่งอายุขัยได้ และดูโหงวเฮ้งเป็นเหมือนกัน ฟ่านหวยเผิงของเจ้าไม่มีโหงวเฮ้งจะมีลูกได้เลย แถมมีจุดจบชีวิตที่ย่ำแย่มากด้วย เจ้าเอาเด็กคนอื่นมาเป็นสายเลือดของตระกูลฟ่าน แถมยังกล้าบันทึกกลบเกลื่อนว่าเป็นลูกของภรรยาเอก ตาบอดจิตใจก็บอด เจ้าดูป้ายชื่อของบรรพบุรุษว่ามีอันไหนกล้าตั้งวางเด่นหราบ้าง มีใครไม่อายบ้างที่ต้องมีลูกหลานไม่เอาถ่านอย่างพวกเจ้า”
ฟ่านหวยเผิงหันไปมองชั้นวางที่ว่างเปล่า แต่กลับไม่มีป้ายชื่อบรรพบุรุษรุ่นก่อนๆ วางตั้งไว้สักอัน
ฉินหลิวซีเหลือบมองอย่างชิงชังแล้วเอ่ย “เกิดมาเป็นคน แต่เจ้ากลับไร้ความเมตตา ไร้คุณธรรม ไร้ความกตัญญู ไร้ความซื่อสัตย์ นับว่าเสียชาติเกิดจริงๆ หลังจากตายไป เจ้าจะต้องรับโทษในนรกภูเขามีด และแน่นอนว่าจะต้องไปเกิดในภพภูมิของสัตว์เดรัจฉาน”
ฟ่านหวยเผิงร่างสั่นเทิ้ม
คนอื่นอาจไม่รู้ แต่ในใจของเขารู้ดี หลังจากทำเรื่องนี้แล้ว ไม่รู้ว่าเพราะกินปูนร้อนท้องหรืออย่างไร เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง เรื่องอย่างว่าไม่ค่อยเป็นดั่งใจคิดจึงถดถอยลง แต่เขาเองก็ไม่เคยสงสัย เพราะสะใภ้เหมียวตั้งครรภ์พอดี
หลังจากสะใภ้เหมียวตั้งครรภ์ เขาจึงโล่งอก เพราะเหตุผลนี้เลยต้องแยกห้องกันไปโดยปริยาย
ต่อจากนั้นมาเขาก็ยิ่งรู้สึกไม่ไหว กลัวว่าสะใภ้เหมียวจะสังเกตถึงความผิดปกติได้จึงปกปิดไว้ อีกทั้งเชื่อในพุทธ เขาบอกว่าจะสงบเสงี่ยมดับกิเลส สะใภ้เหมียวก็อ่อนโยนว่าง่ายโดยไม่พูดอะไร
แต่สิ่งที่ฉินหลิวซีพูดในตอนนี้กลับไม่สอดคล้องกันเลย เด็กสองคนนี้ไม่มีใครเป็นของเขาสักคนเลยหรือ
สะใภ้เหมียวให้อภัยเขาด้วยความใจดีก็เพราะแอบกินข้างนอกอย่างนั้นหรือ
ฟ่านหวยเผิงเปล่งเสียงในลำคอ โมโหจนเจ็บตับ แต่ฉับพลันก็รู้สึกเย็นวาบที่ดวงตา พอเห็นเซี่ยหว่านเขาก็สะดุ้งโหย่ง ร้องโอดโอยทีก่อนจะหดไปอยู่ในอ้อมอกของฮูหยินฟ่านผู้เฒ่า
ฮูหยินฟ่านผู้เฒ่าเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขาเท่าไร ครั้นเห็นเซี่ยหว่านที่ปกคลุมด้วยรังสีดำทะมึน ใบหน้าก็ซีดเผือดด้วยความตกใจ
“อ๊ากกกกก เจ้า เจ้าอย่าเข้ามานะ”
เซี่ยหว่านฉีกยิ้มน่าขนลุกส่งให้นางแล้วเอ่ย “ท่านแม่สามีมักสอนข้าว่าการเป็นสะใภ้ต้องรู้เรื่องกฎระเบียบ ต้องรู้ธรรมเนียมมารยาท และกตัญญูให้เคารพต่อท่านแม่สามี ท่านตั้งกฎกับข้า ก็เพื่อสอนให้ข้าเป็นสะใภ้ที่ดี ตอนนี้ข้าก็มารับใช้ท่านแล้ว ท่านยังไม่พอใจอีกหรือ”
จากนั้นนางก็ลอยไปหา มือทั้งสองข้างกดลงบนบ่าของนาง เอ่ยเสียงเย็นชา “ข้านวดให้”
คนหัวโบราณอย่างฮูหยินฟ่านผู้เฒ่าย่อมให้ความสำคัญเรื่องศักดิ์ศรีมาก บัดนี้กลับเสียหน้าต่อคนมากมาย ทั้งอายทั้งกลัว นางจึงสำลักในลำคอก่อนจะขาอ่อนยวบล้มลงทับร่างของฟ่านหวยเผิง
ฟ่านหวยเผิงถูกทับเข้าอย่างจัง เดิมทีเพราะร่างกายถูกสายฟ้าฟาดใส่จนบาดแผลเต็มไปหมดจึงยิ่งเหมือนเป็นการซ้ำเติมเข้าไปอีก เขากรีดร้องโอดครวญเสียงแหลม เอ่ยเสียงสั่นเครือ “ข้าผิดไปแล้ว หว่านเอ๋อร์ ข้าผิดไปแล้ว ขอโทษที่ข้าถูกผีปั่นหัว ไม่สิ เป็นเพราะสะใภ้เหมียว สะใภ้เหมียวสอนข้าทั้งนั้น เขาเป็นคนที่นางหามา…”
ทันใดนั้นเซี่ยหว่านก็หมดอารมณ์ ลุกขึ้นพรวดด้วยความรู้สึกงงงัน
ลมหยินยังคงพัดผ่านภายในห้อง หยางชื่อสื่อและแม่ทัพฟังเบียดตัวเข้าหากัน จากนั้นก็หันไปมองสองแม่ลูกตระกูลฟ่านผู้น่าสงสาร ก่อนจะหันไปมองแรงอาฆาตที่แผ่ปกคลุมทั่วร่างของเซี่ยหว่าน พลันก็อดขลาดกลัวไม่ได้จนร่างสั่นเทิ่มไปด้วย
ก่อนหน้านี้ไม่เห็นก็ยังไม่นึกหวาดกลัวเท่าไร ตอนนี้พอเห็นกับตา พวกเขาแทบอยากควักลูกตาออกมาแล้วเป็นลมหมดสติไปเหมือนนางผู้เฒ่าเสียให้รู้แล้วรู้รอด
พวกเขามองไปทางฉินหลิวซี นัยน์ตาแฝงความขุ่นเคืองเอาไว้ เหตุใดถึงไม่บอกให้พวกเขาเตรียมตัวก่อนถึงค่อยดูภาพสะเทือนใจเหล่านี้
ในทางกลับกันคนที่พวกเขากลัวกลับเป็นคนที่นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าคิดถึงคะนึงหา
“หว่านเอ๋อร์” นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าร้องเสียงสั่นเครือ
“คุณหนู” ซุ่นฟังเองก็ขอบตาแดง
สะใภ้โจวกลับเดินขึ้นไปสองก้าวหมายรั้งนางเข้ามา มีอะไรให้ต้องกลัวกัน ในเมื่อนางคือคุณหนูตระกูลเซี่ยและเป็นน้องสาวของนางเอง
เซี่ยหว่านหันหน้ามามองด้วยแววตาสับสนเล็กน้อย
นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่ายื่นมือออกไป เอ่ยเสียงสะอื้น “แม่ทำผิดใหญ่หลวงนัก เป็นแม่ที่ฆ่าเจ้าจนตาย เจ้าพาแม่ไปด้วยเถิด”
หากไม่ใช่เพราะนางหน้ามืดตามัวและหลงคิดไปเอง นางจะเลือกตระกูลนี้มาเกี่ยวดองได้อย่างไร กระทั่งทำเอาบุตรสาวของนางต้องตายเร็ว
เซี่ยหว่านเอ่ยเสียงเศร้าสร้อย “นี่เป็นเพราะชีวิตของลูกเอง”
นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่ากลืนน้ำลายลงคอพลางส่ายหน้า
ตอนนี้ไม่ใช่เวลามารำลึกความหลัง มีเรื่องที่ยังไม่ได้จัดการอีกมาก
ฉินหลิวซีมองไปทางหยางชื่อสื่อแล้วเอ่ย “คิดว่าเรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว ใต้เท้าก็คงพอเข้าใจความจริงของคดีสะเทือนขวัญนี้แล้วกระมัง”
“เรื่องนี้เกี่ยวพันไปถึงลัทธิมารนอกรีต จิตใจเลวทรามเกินไป แล้วพระที่ทำพิธีอาคมชั่วร้ายนี้ให้เจ้าเป็นใคร เมื่อครู่เจ้าบอกว่าสะใภ้เหมียวเป็นคนแนะนำหรือ” ฉินหลิวซีเอ่ยถามพลางมองไปทางฟ่านหวยเผิง
แต่ฟ่านหวยเผิงไม่กล้าพูด
ฉินหลิวซียิ้มเย็นชาแล้วมองไปทางเซี่ยหว่านแวบหนึ่ง ทันใดนั้นคนด้านหลังก็พุ่งตัวขึ้นไปบีบคอของเขา สองดวงตาแดงก่ำ จับจ้องเขาอย่างเอาเป็นเอาตายแล้วเอ่ย “เจ้าสมควรตาย”
“แค่กๆ” ฟ่านหวยเผิงตกใจจนกั้นของเสียในร่างกายไม่อยู่ สองมือปัดป่ายกันพัลวัน
เซี่ยหว่านปะทุแรงอาฆาตพวยพุ่ง พอนึกถึงการตายของตนสองแม่ลูก นางก็ยิ่งอยากฆ่าเขาทิ้งเสีย
มือของฉินหลิวซีวางลงบนบ่าของนาง “เขาตายไปก็ไร้ค่า เจ้าอย่าฆ่าใครเพราะเขาเลย แปดเปื้อนวงจรเวียนว่ายตายเกิดของเจ้าเปล่าๆ”
คนที่ถึงอย่างไรก็ต้องตาย เหตุใดต้องทำให้มือตนแปดเปื้อนด้วยเล่า
เซี่ยหว่านคลายมือออก
ฟ่านหวยเผิงไอไม่กี่ที จากนั้นก็โพล่งออกไปโดยไม่คิดปิดบัง “ท่านอาจารย์โจวอวิ๋นแห่งวัดหลิวหยาง”
หยางชื่อสื่อรีบเดินออกไปเพื่อสั่งให้คนไปตามจับสะใภ้เหมียวและพระโจวอวิ๋นอะไรนั่น
สะใภ้โจวเอ่ยถามฉินหลิวซี “ตอนนี้น้องก็ไม่อยู่แล้ว ต่อให้คนผู้นั้นจะทำอาคมชั่วร้ายสำเร็จ แต่เขาจะยังใช้ชีวิตต่อไปได้ตลอดหรือ”
แม่ทัพฟังเอ่ยอย่างสงสัย “คนเราสามารถแย่งอายุขัยคนอื่นมาเป็นของตัวเองได้จริงๆ หรือ”
“หากเขาทำไม่สำเร็จคงตายไปนานแล้ว เพราะเขาเป็นพวกอายุสั้น” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงดูแคลน
ฟ่านหวยเผิง “…”
นายหญิงฟ่านผู้เฒ่าฟื้นขึ้นมาแต่ยังไม่เปิดดวงตา ลูกตาที่อยู่ภายใต้เปลือกตาจึงสั่นไหว
ฉินหลิวซีเห็นเช่นนั้นก็เอ่ย “ลงอาคมได้ก็ทำลายได้เช่นกัน ขอแค่อาคมถูกทำลาย เขาก็ไม่มีทางรอดแล้ว”
ฟ่านหวยเผิงได้ยินเช่นนั้นก็มองนางด้วยสายตาหวาดกลัว
ฮูหยินฟ่านผู้เฒ่าขึงตาโต “เจ้าอย่า…”
“ของที่ขโมยมา สุดท้ายก็ต้องคืนไปในไม่ช้าก็เร็ว นี่ก็คือผลแห่งกรรม” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเย็นชา “หากพวกเจ้าไม่ใช่คนใจดำอำมหิต ให้ลูกของเซี่ยหว่านเกิดมาก่อน พวกเจ้าก็คงไม่ต้องไร้ทายาทเช่นนี้ อารมณ์เพียงชั่ววูบส่งผลต่อดวงชะตาอยู่แล้ว”
สะใภ้โจวเอ่ย “เช่นนั้นต้องทำลายอย่างไรหรือ”
“สามีภรรยาถือเป็นร่างเดียวกัน หลังจากจบความเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วค่อยทำพิธีเผาหนังสือหย่าร้างและตุ๊กตานี้ทิ้ง แค่นี้ก็จบแล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบ
ฮูหยินเซี่ยผู้เฒ่ารีบโพล่งขึ้นว่า “ข้าเขียนเอง เรื่องสำคัญอย่างการแต่งงานต้องผ่านการตัดสินใจจากพ่อแม่ ข้าทำให้นางต้องเจอเรื่องร้ายๆ เช่นนี้ ข้าจะเป็นผู้ตัดมันเอง”
“ได้”
“ไม่…” ฟ่านหวยเผิงอ้าปาก แต่แม่ทัพฟังเหยียบเขาไว้ก่อนจะเอ่ย “เจ้าหุบปากไปเลย!”
คนร้ายกาจเช่นนี้ คู่ควรกับการเป็นมนุษย์เสียที่ไหน
ฮูหยินฟ่านผู้เฒ่าเองก็เอ่ยอย่างร้อนใจ “เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง อาจารย์บอกแล้วขอแค่ผ่านสามปีนี้ไป ขอแค่ดวงวิญญาณของนางสลายไปก็จบ”
พลั่ก
“ยายแก่เจ้าเล่ห์ เจ้าคิดจะทำลายดวงวิญญาณของคุณหนูข้าหรือ ข้าจะฆ่าเจ้าเสียก่อน!” ซุ่นฟังหยิบแส้ฟาดปากของนาง พอเหวี่ยงโดนตะข้อก็ทำเอาปากแตกเลือดไหลซิบ
ฮูหยินฟ่านผู้เฒ่าร้องปริเสียงไม่ออกก่อนจะเป็นลมหมดสติไปอีกครั้ง
ซุ่นฟังคิดจะเหวี่ยงแส้อีกครั้ง หยางชื่อสื่อกระแอมไอทีก่อนจะยกมือปรามไว้ กล่าวอ้อมค้อม “นักโทษต้องลงชื่อยอมรับข้อกล่าวหาอีกนะ” ภายใต้แววตาถมึงทึงของซุ่นฟัง เขาจึงรีบกล่าวอธิบายว่า “ไต้ซือผู้นี้ก็กล่าวไว้แล้วว่าอย่าแปดเปื้อนมือตัวเองเลย ถึงอย่างไรนางก็ต้องตาย”
อย่าว่าแต่ฟ่านหวยเผิงต้องตายเลย หากเขาตายไปแล้ว นางผู้เฒ่าจะมีชีวิตอยู่รอดได้อย่างไร
ตระกูลฟ่านไร้ซึ่งทายาท ซึ่งก็หมายความว่าแผนการของพวกเขาต้องพังพินาศ หากมีชีวิตรอดต่อไปได้สิแปลก
ซุ่นฟังขุ่นเคืองในใจ หากพูดกันตามจริงต่อให้เป็นเช่นนี้ นางก็รู้สึกว่าสู้ตนล้างแค้นเองยังสะใจกว่า
แต่ฉินหลิวซีกลับไม่พูดอะไร นางเดินถอยหลังไปอีกฝั่ง
ทางฝั่งนี้ นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่ารับกระดาษสีเหลืองแผ่นหนึ่งมาจากฉินหลิวซี จากนั้นก็ดึงปิ่นเงินออกมาจากมวยผมโดยไม่ต้องคิดก่อนกรีดลงบนปลายนิ้ว เลือดสดก็ไหลทะลักออกมา
“ท่านแม่!” สะใภ้โจวร้องเสียงตกใจ
เซี่ยหว่านเองก็ตกใจเช่นกัน นางเดินขึ้นมาสองก้าวแล้วยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมแววตาเศร้าสร้อย
ฉินหลิวซีไม่ได้ห้าม หากใช้เลือดของมารดาขอหย่าแทนบุตรสาว ทั้งกล้าหาญและเด็ดขาดเช่นนี้ สวรรค์จะไม่ยอมรับได้อย่างไร
นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าเริ่มเขียนหนังสือหย่า ฉินหลิวซีเองก็ไม่ได้อยู่ว่างๆ ช่วยวาดยันต์ให้ หนึ่งในนั้นมียันต์คุ้มครองดวงวิญญาณที่ใช้แปะลงบนร่างของเซี่ยหว่านด้วย
หลังจากนั้นนางก็เอาตุ๊กตาพวกนั้นวางประกบกันแล้วโยนใส่กระถางเผาสิ่งของที่วางอยู่ในโถงบรรพบุรุษ
ผ่านไปสักพักนายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าก็เขียนหนังสือหย่าเสร็จ บนนั้นเขียนความผิดอันเหี้ยมโหดของฟ่านหวยเผินไว้ ในฐานะมารดาจึงขอตัดขาดความสัมพันธ์ ทั้งสองฝ่ายต่างชิงชังกัน โดยจะขอจบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาด้วยกระดาษแผ่นนี้ แม้ตายไปก็ไม่ขอฝังร่วมกัน
ฉินหลิวซีเห็นมือของนางสั่นอย่างแรง หน้าขาวซีด จึงส่งยาหุยชุนเม็ดหนึ่งไปให้กิน
เซี่ยหว่านเองก็เห็นหนังสืออักษรเลือดนั้นแล้วจึงเผยสีหน้าหวาดหวั่น
ฉินหลิวซีหยิบหนังสือแต่งงานและหนังสือหย่าโยนเข้าไปในกระถาง มือข้างหนึ่งทำมือร่ายอาคม ปากก็เอ่ยพึมพำ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งคีบยันต์ไว้ พอนางลงอาคมเสร็จ ยันต์แผ่นนั้นก็มอดไหม้โดยไร้เปลวไฟก่อนตกลงในกระถางใบนั้น
ฟ่านหวยเผิงขนลุกซู่ รู้สึกหวาดกลัวและไม่สบายใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาใช้พละกำลังที่มีทั้งหมดโผตัวเข้าหา “ไม่!”
ตู้ม
เพลิงไฟในกระถางลุกโชน ไฟโหมม้วนเอาเศษขี้เถ้าของใบหย่าลอยขึ้นไปอย่างช้าๆ เพื่อให้สวรรค์รับรู้!
ฟ่านหวยเผิงกระอักเลือดออกมาสองที จากนั้นร่างก็สั่นเทิ้มอย่างรุนแรง เนื้อหนังที่ปริแตกออกก็มีเลือดไหลซึมออกมา รวมถึงรูทวารทั้งเจ็ดก็มีเลือดไหลออกมาไม่หยุดเช่นกัน
หยางชื่อสื่อเซถอยหลังสองก้าว มองไปทางฉินหลิวซีด้วยแววตาหวาดกลัว
ฉินหลิวซีเอ่ย “ข้าไม่ได้เป็นคนทำ ข้าไม่ได้มีความแค้นใดต่อเขา ข้าจะใจดำทำเขาลงคอได้อย่างไร ไม่ว่าอาคมร้ายใดถูกทำลาย คนที่รับต้องถูกผลตีสะท้อนกลับอย่างรุนแรง เขาฆ่าภรรยาและลูก นี่เป็นกรรมที่เขาต้องได้รับ!”
พวกเขาสองคน “…”
พวกเขาเชื่อแล้ว
หยางชื่อสื่อเอ่ย “เช่นนั้นอีกเดี๋ยวเขาก็ต้องตายหรือ”
“มีชีวิตอยู่ไม่ถึงคืนนี้หรอก หากใต้เท้าต้องการคำรับสารภาพคงต้องรีบหน่อย” ฉินหลิวซีมองฮูหยินฟ่านผู้เฒ่าที่ยังไม่รับรู้เรื่องใดแล้วเอ่ย “ข้าเป็นคนดี เห็นว่านางผู้เฒ่าหมดสติไป ข้าหวังดีจะช่วยทำให้นางฟื้น!”
ขณะที่พูดนางก็ล้วงหาของจากในถุง ก่อนจะคว้าเอายาลูกกลอนที่กินแล้วยังไม่ตายแต่จะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกสองสามวันยัดใส่ปากให้นาง ต่อมาก็ใช้เข็มฝังลงตามจุดลมปราณ
ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เพราะตอนที่นางฝังเข็มกลับเคลื่อนย้ายร่างของฮูหยินฟ่านผู้เฒ่า ดังนั้นพอนางลืมตาขึ้นมาจึงมองเห็นสภาพอนาถของฟ่านหวยเผิงที่นอนจมกองเลือด
“เผิงเอ๋อร์!” ฮูหยินฟ่านผู้เฒ่ากรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
ทุกคนที่พากันตกตะลึงอยู่ต่างมองไปทางคนดีที่เขียนชัดเด่นหราบนใบหน้าว่าตนเป็นคนดี จากนั้นก็เลื่อนสายตาหนีแล้วเดินถอยหลังออกมาอย่างเงียบๆ
ใช่ เป็นคนดีที่เหี้ยมมากจริงๆ!