คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1112 มือสังหารผู้นั้นมาอีกแล้ว
ตอนที่ 1112 มือสังหารผู้นั้นมาอีกแล้ว
คนตระกูลเซี่ยล้วนไม่ได้ตายจากการทำสงครามทั้งหมด ก็มีผู้ที่ป่วยตาย และเขตชายแดนทางใต้นั้นมีแมลงพิษมากมาย ก็มีผู้ที่ถูกแมลงพิษกัดตาย มีคนจำนวนไม่น้อยถึงกับเสียชีวิตด้วยวิธีที่แปลกประหลาด บางคนถึงกับเสียชีวิตเพราะถั่วลิสงหนึ่งเม็ดสำลักหลอดลม
ขณะที่นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่ากล่าวก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ มองไปยังฉินหลิวซี เอ่ยว่า “หรือท่านรู้สึกว่าการตายของคนตระกูลเซี่ยของพวกเรานั้นแปลกมาก เกี่ยวข้องกับโชคลาภที่ท่านกล่าวถึงหรือ”
ฉินหลิวซีพยักหน้า เอ่ย “ฮวงจุ้ยของหมู่บ้านนี้ดีมากตามที่ตั้งในตอนแรก สร้างขึ้นใกล้กับภูเขาและแม่น้ำ มีมังกรเขียวอยู่ทางซ้าย เสือขาวอยู่ทางขวา หยินหยางสมดุล ก่อนหน้านี้ภูเขาและป่าไม้ในบริเวณนี้คงจะเขียวชอุ่มเพราะมีฮวงจุ้ยที่เป็นสิริมงคลครบ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป วงศ์ตระกูลก็จะเจริญรุ่งเรือง มีเสือขาวอาศัยอยู่บนภูเขา ซึ่งเสือขาวนั้นเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าสงคราม ก็ไม่น่าแปลกที่ตระกูลเซี่ยของพวกท่านจะมีเทพสงครามรับใช้ในกองทัพมาหลายชั่วอายุคน”
เมื่อนายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าได้ฟังคำพูดนี้ เดิมทีควรจะดีใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของฉินหลิวซี นางก็รู้ว่ายังมีต่ออีก
เป็นอย่างที่คิดไว้ ฉินหลิวซีถอนหายใจพลางเอ่ย “แต่ตอนนี้ภูเขาเขียวขจีเสื่อมถอย แม่น้ำเหือดแห้ง และตามหลักฮวงจุ้ย เสือขาวถูกห้ามไม่ให้อ้าปาก ตำแหน่งเสือขาวทางด้านนั้นได้ขุดคูน้ำลึกเชื่อมต่อกับแม่น้ำจนกลายเป็นเสือขาวอ้าปาก นอกจากนี้ยังมีต้นหลิ่วเติบโตตามริมแม่น้ำ ค่อยๆ ก่อตัวเป็นร่มเงา เดิมทีต้นหลิ่วก็ดึงดูดหยิน เมื่อมาเจอกับเสือขาวอ้าปาก ก็จะกลายเป็นเสือขาวชั่วร้าย”
สีหน้าของนายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าเปลี่ยนไป
“ต้นหลิ่วเหล่านี้ดูยุ่งเหยิง ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจปลูก” สะใภ้โจวเห็นว่าต้นหลิ่วเหล่านี้ค่อนข้างรก ต้นเล็กๆ ที่ยังไม่โตเต็มที่ก็มี
ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบว่า “การปลูกต้นหลิ่วโดยไม่ได้ตั้งใจก็ทำให้เกิดร่มเงาได้”
ไม่จำเป็นต้องตั้งใจปลูก เพียงแค่ปักลงดินตามอำเภอใจมันก็เติบโตได้
ในเวลานี้ชายชราวัยเจ็ดสิบปีสวมชุดผ้าฝ้ายเดินมาหาด้วยความสั่นเทา ด้านข้างเป็นองครักษ์ที่ล่วงหน้ามาดำเนินการก่อนหน้านี้
ชายชราผู้นั้นคือหัวหน้าหมู่บ้านตระกูลเซี่ยในตอนนี้ เมื่อเห็นนายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าก็จะคุกเข่าคำนับ
“ลุงเฉิงหนานไม่จำเป็นต้องมากพิธี ข้ากลับมาในคราวนี้ ก็เพื่อพาหว่านเอ๋อร์ของพวกเรากลับมาฝังศพ” นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่ากล่าวด้วยความเศร้าใจ
เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าหมู่บ้านตระกูลเซี่ยได้ฟังเรื่องนี้จากองครักษ์แล้ว ใช้แขนเสื้อเช็ดหางตา กล่าวว่า “คุณหนูน้อยเป็นเด็กดีขนาดนี้ แต่กลับแต่งงานผิดคน มันช่าง…”
“เป็นข้าที่ทำร้ายนาง” นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่ากล่าวอย่างเศร้าใจว่า “ไม่เอ่ยเรื่องนี้แล้ว ลุงเฉิงหนาน คูน้ำนี้ถูกขุดตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วก็ยังมีต้นหลิ่วนี่อีก เหตุใดจึงได้ปลูกไว้ที่นี่”
หัวหน้าหมู่บ้านตระกูลเซี่ยกล่าวว่า “หลายปีมานี้แม่น้ำถูกปิดกั้น ทำให้ระบายน้ำได้ยาก จึงถูกขุดเมื่อสี่ปีที่แล้ว และยังสะดวกในการใช้รดน้ำต้นไม้อีกด้วย ส่วนต้นหลิ่วเหล่านี้ไม่ได้ปลูกขึ้นมา ตอนที่ขุดคูน้ำ พวกเด็กๆ ไปเล่นอยู่ตรงนั้นจึงไปเด็ดก้านหลิ่วจากข้างๆ มาปักเล่นตามอำเภอใจ”
สะใภ้โจว “…”
ปักต้นหลิ่วโดยไม่ได้ตั้งใจก็เป็นร่มเงาได้จริงๆ ด้วย
“มีอะไรไม่เหมาะสมหรือขอรับ” หัวหน้าหมู่บ้านตระกูลเซี่ยเห็นว่าสีหน้าของนายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าไม่น่าดู จึงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าจึงเล่าถึงฮวงจุ้ยที่ฉินหลิวซีกล่าว หัวหน้าหมู่บ้านตระกูลเซี่ยตกใจจนขาอ่อน แทบจะคุกเข่าลงบนพื้น กล่าวด้วยความสั่นเทาว่า “หมายความว่าฮวงจุ้ยของหมู่บ้านตระกูลเซี่ยของพวกเราพังแล้วหรือ ดังนั้นสมาชิกในตระกูลเซี่ยจึงได้เหี่ยวเฉาลงทุกวัน?”
“หลุมศพบรรพบุรุษอยู่ที่ไหน เคยมีคนแปลกหน้าไปที่นั่นหรือไม่” ฉินหลิวซีเอ่ยถาม
หัวหน้าหมู่บ้านตระกูลเซี่ยส่ายหน้า “พวกเราส่งคนไปตรวจสอบและทำความสะอาดถอนวัชพืชอยู่เป็นประจำก็ไม่เคยเห็นคนแปลกหน้าเลย”
ฉินหลิวซีไม่ได้มีท่าทีใดๆ หากจะเลี่ยงผู้คนแอบมาแตะต้องหลุมศพบรรพบุรุษย่อมไม่ใช่เรื่องยาก อย่างเช่นตระกูลอวี้ ตระกูลที่หลบซ่อนมาเป็นเวลาหลายร้อยปี หลุมศพบรรพบุรุษก็ยังถูกแตะต้อง
ซุ่นฟังเป็นคนใจร้อน รีบเอ่ยว่า “ท่านอาจารย์หรือว่าจะต้องถมคูนี้แล้วถอนต้นหลิ่วออก”
“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น” ฉินหลิวซีนับข้อนิ้วทำนายแล้วกล่าวว่า “อีกสามวันจะเป็นวันมงคล พวกเจ้าจัดเตรียมของบางอย่าง ข้าจะปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายนี้ออกไป”
“ต้องเป็นวันมงคลด้วยหรือ”
ฉินหลิวซียิ้ม “ฮวงจุ้ยกลายเป็นสิ่งชั่วร้าย ใช่ว่าเพียงแค่ถมคูถอนต้นหลิ่วออกแล้วจะดีขึ้น ลงมือตามใจชอบจะถูกเสือขาวร้ายโจมตีเอา หากไม่ตายก็ได้รับบาดเจ็บ ย่อมต้องมีหายนะนองเลือดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากต้องการปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย จำเป็นต้องเตรียมพร้อมทุกรอบด้านจึงจะดี”
“รบกวนท่านแล้ว” นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าคำนับนาง
เมื่อหัวหน้าตระกูลเซี่ยเห็นว่านายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าสุภาพกับเด็กสาวผู้นี้ จึงอดให้ความสำคัญไม่ได้
แม้ว่าจะเดินทางเหน็ดเหนื่อย แต่ฮูหยินเซี่ยผู้เฒ่าและคนอื่นๆ ก็ล้วนรู้สึกว่ายังไหวอยู่ เนื่องจากฉินหลิวซีช่วยปรับสภาพร่างกายให้พวกนางมาตลอดทาง ดื่มยาต้มไม่สะดวก นางก็ทำยาลูกกลอนจากร้านขายยาในเมืองใหญ่ระหว่างทางที่มาให้พวกนางกิน ประกอบกับการฝังเข็มส่งเสริมชี่[1] พวกนางล้วนรู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงขึ้นกว่าเมื่อก่อน
โดยเฉพาะนายหญิงเซี่ยผู้เฒ่า ตอนนี้มองเห็นสิ่งต่างๆ ได้อีกครั้ง แม้ว่าจะไม่ชัดเหมือนตอนยังสาว แต่ก็ไม่ถึงขั้นเป็นคนตาบอด อย่างไรเสียนางก็อายุมากแล้ว ร่างกายมีอาการบาดเจ็บซ่อนอยู่ ต่อให้ปรับสภาพดีแค่ไหนก็ใช่ว่าจะไม่มีปัญหาอะไรเลย ดังนั้นจึงมีความเหนื่อยล้าบนใบหน้าอยู่บ้าง
ฉินหลิวซีได้ถามถึงที่ตั้งของสุสานบรรพบุรุษตระกูลเซี่ยพบว่าอยู่เหนือเนินเขาด้านหลังหมู่บ้าน อยู่ในหุบเขา ไม่ใกล้ไม่ไกลจนเกินไป และยังได้เชิญท่านอาจารย์ที่เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยมามาสำรวจลักษณะต่างๆ ให้เป็นพิเศษ หลุมศพของบรรพบุรุษใหญ่คนแรกของตระกูลเซี่ยได้รับการวางค่ายกลเป็นพิเศษเพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาปล้นสุสาน
จากนั้นได้ตกลงกันไว้ว่าจะไปที่สุสานบรรพบุรุษในวันรุ่งขึ้น ฉินหลิวซีเองก็ไม่ได้รีบร้อน เรื่องบางเรื่องรีบร้อนไปก็ไม่มีประโยชน์ หลังจากรับประทานอาหารก็เตรียมจะกลับไปฝึกบำเพ็ญที่ห้อง
“จริงสิ บรรพบุรุษต้นตระกูลของพวกท่านนามว่าอะไร” ฉินหลิวซีเอ่ยถามขึ้นมาหนึ่งประโยค
นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่ากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “บรรพบุรุษต้นตระกูลมีนามทางการว่าเซี่ยกงหมิง คนเรียกกันว่าเซี่ยกง เป็นเทพสงครามที่เก่งกาจและจงรักภักดีที่สุดของตระกูลเซี่ยของพวกเรา”
กงหมิงตระกูลเซี่ย
เสวียนหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างสุสานหลัก มือทั้งสองข้างร่ายคาถาฝึกบำเพ็ญทุกวัน ในช่วงนี้เขาได้เดินดูรอบสุสานของตระกูลเซี่ยทั้งหมดแล้ว ได้สำรวจและศึกษาค่ายอาคมใหญ่ที่วางไว้ในสุสานเหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย่อมสำรวจได้ว่าสุสานที่มีพลังโชคลาภแข็งแกร่งที่สุดคือสุสานหลักที่เป็นของเซี่ยกงหมิง
หากฝึกบำเพ็ญโดยอาศัยพลังโชคลาภนี้ ตบะของเขาก็จะเพิ่มขึ้นทุกวัน
เพียงแต่ว่าคืนนี้ไม่มีดวงจันทร์ ท้องฟ้ายามค่ำคืนเงียบงัน แต่เสวียนหมิงกลับไม่สามารถเข้าสู่สมาธิได้
จู่ๆ ก็รู้สึกถึงลางไม่ดี!
เสวียนหมิงขมวดคิ้ว ไม่ได้ฝืนบังคับเข้าสู่สมาธิ เม้มริมฝีปากพลางครุ่นคิด ความรู้สึกที่เป็นลางไม่ดีนี้ค่อนข้างคุ้นเคย เหมือนกับ…
ร่างของคนที่สมควรถูกอัดปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา สีหน้าหวาดหวั่น
ในที่สุดเสวียนหมิงก็อดไม่ได้ หยิบกระดองเต๋าออกมา กัดปลายนิ้วแล้วใช้เลือดที่ปลายนิ้วเขียนแปดอักษรเวลาตกฟากของตัวเองลงบนกระดาษสีเหลืองแล้วเผามัน มือทั้งสองข้างร่ายคาถา เริ่มการทำนาย
ว่ากันว่าทำนายดวงชะตาผู้อื่นไม่ทำนายให้ตัวเอง เดิมทีการทำนายดวงชะตาก็เป็นการเปิดเผยความลับแห่งสวรรค์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตัวเอง การทำนายดวงชะตาของตัวเองยิ่งจะถูกผลสะท้อนกลับได้ง่าย การใช้แปดอักษรสีเลือดเพื่อสอดแนมดวงชะตาของตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่เป็นอันตราย ทำให้ตบะเสียหายเป็นอย่างมาก
ดังนั้นเมื่อเสวียนหมิงทำนายจึงได้เอาหลังพิงกับป้ายสุสานของเซี่ยกงหมิง อยากที่จะดูดซับโชคลาภให้มากขึ้น
เขาเข้าสู่การทำนาย ค่อยๆ กำจัดหมอกออกไป ดูชะตากรรมชีวิตของตัวเอง จนกระทั่งสีหน้าซีดขาว มีเหงื่อเย็นไหลผ่านแผ่นหลัง ในที่สุดเขาก็เห็นมัน!
คนผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขา แสดงให้เห็นรอยยิ้มที่อาจเรียกได้ว่าเป็นปีศาจพญายมมาที่เขา จากนั้น…
พรึบ
เสวียนหมิงกระโดดขึ้นมาด้วยความตกใจ จู่ๆ ก็มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น หน้าอกเจ็บปวดราวกับฉีกขาด กระอักเลือดออกมาเต็มปาก
นางมาแล้ว มือสังหารผู้นั้นมาอีกแล้ว!
[1] ชี่ หรือลมปราณ หมายถึง ไหลเวียนอยู่ในร่างกายเราทุกคน เสมือนเป็นพลังงาน ของชีวิตที่ใช้ขับเคลื่อนในชีวิตประจาวัน สารขนาดเล็กในร่างกายที่มีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา