คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1116 สถานการณ์พลิกผัน ช่างเป็นบรรพบุรุษที่โหดร้าย
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 1116 สถานการณ์พลิกผัน ช่างเป็นบรรพบุรุษที่โหดร้าย
ตอนที่ 1116 สถานการณ์พลิกผัน ช่างเป็นบรรพบุรุษที่โหดร้าย
………………..
ทันใดนั้นฉินหลิวซีก็แสดงสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมากะทันหัน ทำให้นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าและคนอื่นๆ รู้สึกหวั่นใจ
“ท่านอาจารย์ มีอะไรผิดปกติหรือ”
ฉินหลิวซีเม้มริมฝีปาก เงยหน้าขึ้นมองพระพุทธรูปขี่เสือขาวเหนือศีรษะ มีสีหน้าซับซ้อนและเห็นอกเห็นใจ กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ข้าอาจตัดสินผิดไป”
นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าและคนอื่นๆ ยิ่งสับสนมากขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาอธิบาย พวกท่านไปกันก่อน มิเช่นนั้นจะตกอยู่ในอันตราย” ฉินหลิวซีเร่งเร้าให้พวกเขาออกไป กล่าวว่า “รีบไป”
“แล้วท่านอาจารย์ล่ะ” สะใภ้โจวกล่าวว่า “หรือจะให้ข้าคอยอยู่ช่วยเหลือที่นี่”
“ท่านช่วยข้าไม่ได้หรอก มีแต่จะเป็นภาระข้า รีบไป”
สะใภ้โจวสีหน้าลำบากใจ มองไปยังฮูหยินเซี่ยผู้เฒ่า ฮูหยินเซี่ยผู้เฒ่าเม้มริมฝีปาก กล่าวว่า “เช่นนั้นท่านอาจารย์ระวังตัวด้วย”
นางหันหลังกลับทันที พร้อมกับพาผู้คนออกไป
ฉินหลิวซีมองดูพวกเขาจากไป ไม่ได้รอช้า กดโลงศพไม้ตะโกทันที มือข้างหนึ่งร่ายคาถา ใช้โลงศพไม้ตะโกนี้เป็นสื่อกลาง เริ่มอัญเชิญดวงวิญญาณของเซี่ยกงหมิง
นางต้องการจะตรวจสอบความสงสัยให้แน่ใจก่อน
ในสุสานเงียบสงัด มีเพียงเสียงท่องคาถาเบาๆ ที่ดังก้อง แต่หลังจากที่นางท่องคาถาเสร็จ ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ นอกจากแสงเทียนที่สั่นไหวเล็กน้อยเนื่องจากลมที่พัดมาจากที่ไหนก็ไม่รู้
เงียบเป็นเป่าสาก
“เซี่ยกงหมิง” ฉินหลิวซีกดโลงศพไม้ตะโกแล้วร้องเรียกอีกครั้ง จากนั้นก็หลับตาลง กลั้นลมหายใจ ราวกับว่ากลายเป็นหนึ่งเดียวกับพื้นที่แห่งนี้
ฉินหลิวซีปิดประสาทสัมผัสทั้งห้า แม้แต่การเต้นของหัวใจก็ยังหยุดลงเนื่องจากถูกกดจุด จากนั้นนางก็ได้ยินแล้ว
มันเป็นเสียงที่เบาและนุ่มนวลมาก ราวกับขนนกที่ถูกเป่าขึ้นแล้วค่อยๆ ร่วงลง เบาจนแทบจะไม่ได้ยิน
ฉินหลิวซีลืมตาขึ้น ถอยหลังสองก้าว จ้องมองโลงศพไม้ตะโก สีหน้าลุ่มลึกราวกับสายน้ำ
เสียงอันแผ่วเบานั้นดังมาจากในโลงศพ
ทันใดนั้นนางก็นึกถึงอะไรบางอย่าง รีบหันหลังกลับมาที่ภาพวาดสุดท้ายให้ห้องสุสาน นั่นคือเซี่ยกงหมิงผู้แก่ชราที่กำลังบูชาพระพุทธเจ้า ประนมมือขึ้นทั้งสองข้าง สีหน้าศรัทธาอย่างจริงใจ
ฉินหลิวซีใจเต้นรัวราวกับกลอง
นี่เป็นการแสดงความเคารพต่อพระพุทธเจ้าอย่างจริงใจที่สุด สละทุกสิ่งที่เป็นของเขาอุทิศให้กับพระองค์
บรรพบุรุษตระกูลเซี่ยท่านนี้คงไม่ได้สละตนให้แก่พระพุทธเจ้าองค์นี้หรอกกระมัง
หากเป็นเช่นนี้ก็จะสามารถอธิบายได้ว่าสุสานแห่งนี้ไม่มีร่องรอยของคาถาอาคมแม้แต่นิด สะอาดสะอ้าน และค่ายอาคมใหญ่ด้านนอกก็เพียงทำให้ธาตุทั้งห้ากำเนิดขึ้นมา ไม่เพียงแต่เก็บบุญกุศลและความศรัทธาของคนตระกูลเซี่ย ซ้ำยังดูดซับพลังชีวิตที่อยู่โดยรอบเข้ามาเพื่อให้แน่ใจว่าโชคลาภจะดำเนินต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
และโชคลาภนี้ก็ได้ถูกถ่ายโอนออกไปผ่านทางสุสานใหญ่แห่งนี้ เดิมทีสิ่งที่นางคิดว่าเป็นพาหะคือห้องสุสานของเซี่ยกงหมิงหรือกระทั่งศพที่อยู่ในโลงถูกร่ายคาถา โชคลาภจึงได้สูญเสียไป แต่กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย
หากนางเดาไม่ผิด พาหะนี้ก็คือตัวของเซี่ยกงหมิงเอง แต่ไม่จำเป็นต้องทำคาถาอาคมใดๆ ตราบใดที่เขาสละตน เช่นนั้นก็จะประเคนโชคลาภของตระกูลเซี่ยด้วยมือทั้งสองข้างได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้วิชามารใดๆ ต้องการเพียงความเต็มใจของเขา
ดังนั้นจึงมีภาพวาดที่เขาสักการะพระพุทธเจ้า ดังนั้นด้านบนของห้องสุสานนี้จึงมีพระพุทธรูปขี่เสือขาว
นี่หมายความว่าเสือขาวเต็มใจที่จะเป็นสัตว์พาหนะ ยอมสยบอย่างเต็มใจ
ฉินหลิวซีเลียริมฝีปากแห้ง รู้สึกเจ็บคอ หลังจากผ่านไปนานก็หัวเราะในลำคอ
ตระกูลเซี่ยดำรงอยู่มาเป็นเวลาร้อยปี หากเป็นไปตามที่นางคาดไว้จริงๆ เช่นนั้นซื่อหลัวก็ได้วางหมากนี้ไว้เมื่อร้อยปีก่อนแล้ว
จุดพลิกผันนี้ช่างเป็นหมากที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ!
ตระกูลเซี่ยที่น่าสงสารไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการมีอยู่ของพวกเขานั้นเป็นเพราะบรรพบุรุษของตัวเองได้สละตนให้แก่พระพุทธเจ้าที่เขาศรัทธาจึงได้ดำรงอยู่มาจนถึงวันนี้
“ช่างเป็นบรรพบุรุษที่โหดร้ายจริงๆ ข้าเองยังรู้สึกผิดต่อลูกหลานแทนเจ้า!” ฉินหลิวซีแสยะยิ้ม
ดูเหมือนจะมีเสียงลมหายใจดังขึ้นในโลงศพไม้ตะโก
ฉินหลิวซีจับไม้จินกังไว้อย่างเงียบๆ เอ่ยต่อไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าโยนไม้ปวยสองครั้งขอเปิดห้องสุสานล้วนถูกเจ้าปฏิเสธ เจ้าที่เป็นบรรพบุรุษคงสำนึกผิดแล้วกระมัง ไม่อยากให้คนรุ่นหลังรับรู้ว่าเจ้าทำเรื่องงามหน้าใดลงไปบ้าง หรือว่าเจ้าคิดว่าไม่มีหน้ามาพบเจอแล้ว”
เสียงลมหายใจในโลงศพดังขึ้น
ฉินหลิวซีเอ่ยอีกว่า “ไม่มีหน้ามาพบนั้นก็ถูกต้องแล้ว หากเจ้าเต็มใจที่จะสละโชคลาภที่มีอายุนับร้อยปีของตระกูลเซี่ยให้กับปีศาจเฒ่าตนนั้น ใครบ้างจะไม่บอกว่าเจ้าทั้งโง่เขลาและโหดร้าย แต่ก็ไม่ถูก ในเมื่อเจ้าโหดร้ายเช่นนี้ แล้วจะรู้สึกว่าตัวเองทำผิดได้อย่างไร เจ้าไม่ควรจะมีความรู้สึกผิดจึงจะถูก เพราะเจ้าเป็นราชาผู้โหดเหี้ยม”
“ไม่ให้พวกข้าขุดสุสานเจ้า เกรงว่าจะเป็นกังวลว่าข้าจะมองออกถึงความโหดร้ายของเจ้า ขัดขวางแผนการสละตนอันยิ่งใหญ่ของเจ้า? น่าเสียดายที่ข้าเป็นคนดื้อรั้นแต่กำเนิด เจ้าไม่ให้พวกเราขุด ข้าก็จะขุด ไม่สนว่าเจ้าจะตกลงหรือไม่ ความจริงได้ปรากฏว่าการที่ข้าขุดสุสานนั้นถูกต้องแล้ว”
เซี่ยกงหมิง ‘ให้ตายเถอะ โลงศพของข้าไม่อาจทนได้อีกต่อไป!’
ปัง
ทันใดนั้นฝาโลงศพก็กระเด็นออกไป โครงกระดูกร่างสูงถือหอกพุ่งเข้าหาฉินหลิวซี หอกนั้นมุ่งไปที่นาง กะโหลกศีรษะอ้าปาก “เจ้าเด็กเมื่อวานซืน ยอมรับชะตากรรมเสียเถิด!”
ไม่ธรรมดา โครงกระดูกพูดได้เสียด้วย
ฉินหลิวซีกลับไม่ได้ผ่อนคลายลง เนื่องจากโครงกระดูกนั้นเป็นสีดำสนิท และมีพลังหยินชั่วร้ายมากมายแพร่กระจายออกมา รวมถึงหอกนั้นด้วย บนนั้นมีวิญญาณร้ายนับหมื่นพัน หอกนั้นได้กลายเป็นหอกชั่วร้ายที่เป็นหยินขั้นสุด
เมื่อหอกชั่วร้ายแทงมา นางได้ใช้ไม้จินกังสกัดไว้ ปากท่องบทสวดเทพจินกวง “เสวียนจงแห่งใต้หล้า รากฐานของว่านชี่…ท่องคาถาพันครั้ง ร่างเปล่งแสงสว่าง…สังหารวิญญาณร้าย!”
อักขระของไม้จินกังกลางเป็นแสงสีทอง ทำให้แสงสีทองของสุสานเปล่งประกายเจิดจ้า แทงทะลุโครงกระดูกจนส่งเสียงกรีดร้องอันแหลมคม รีบใช้กระดูกมือบดบังที่เป้าตา
“เซี่ยกงหมิง เจ้าที่เป็นบรรพบุรุษควรจะคุกเข่าลงตรงหน้าลูกหลานแล้วสละดวงวิญญาณบวงสรวงสวรรค์เพื่อเป็นการไถ่บาป” ไม้จินกังของฉินหลิวซีโจมตีไปที่โครงกระดูกอีกครั้ง “เจ้านับถือโจรเป็นพ่อ ไม่คู่ควรเป็นบรรพบุรุษ”
โครงกระดูกมีวิญญาณประทับอยู่ เข้ากันได้เป็นอย่างดีเช่นนี้ หากนี่ไม่ใช่เซี่ยกงหมิงแล้วจะเป็นใคร
ตาเฒ่าผู้นี้ไม่ได้ไปเกิดใหม่มาโดยตลอด แต่วิญญาณได้อยู่ในโครงกระดูก กลายเป็นมนุษย์โครงกระดูกชั่วร้าย ไม่จำเป็นต้องคิด นี่ต้องเป็นผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ที่ซื่อหลัวมอบให้เขา
“เจ้าเด็กทะนงตน!” เซี่ยกงหมิงใช้หอกชั่วร้ายสกัดไว้ ร้องตะโกน “หากไม่มีข้า ไหนเลยจะมีพวกเขา บูชาข้าเป็นบรรพบุรุษ นับว่าเป็นเกียรติสำหรับพวกเขา เมื่อเจ้านายของข้าบรรลุการตรัสรู้ ข้าก็จะฟื้นคืนชีพเป็นอมตะ กลายเป็นผู้รับใช้พระพุทธเจ้า และลูกหลานของข้าก็จะยิ่งได้รับเกียรติมากขึ้น นักพรตกระจอกอย่างเจ้ายุ่งเรื่องชาวบ้าน ขุดสุสานข้า ตัดเส้นทางอันสวยงามของข้า เจ้าสมควรตาย!”
“ถุย หากพวกเขารู้ว่าเจ้าเป็นตาเฒ่าเลวทรามที่ไร้ความปรานี ลูกหลานผู้นาสงสารในตระกูลเซี่ย เวลาไปเกิดใหม่ควรจะยัดเงินให้แก่ยมบาลให้มาก จะได้หลีกเลี่ยงบรรพบุรุษสารเลวอย่างเจ้า ให้เจ้าไร้ลูกหลานสืบทอดจึงจะถูก” ฉินหลิวซีแสยะยิ้ม “คนสารเลวอย่างเจ้าที่ทรยศลูกหลาน ซ้ำยังเป็นตระกูลแห่งเทพสงคราม มีแต่ตัวไม่มีสมอง เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงช่างทำหนังกระจอกๆ แต่กลับถือตนว่าเป็นขงเบ้ง สละโชคลาภมาร้อยปี? ไม่ได้รู้เลยว่าเขาทำให้ตระกูลเซี่ยกลายเป็นโกดังเก็บเสบียง ส่วนเจ้าก็เป็นเพียงสุนัขเฝ้ายามโง่เง่าที่มีความคิดแปลกประหลาดเท่านั้น”
เซี่ยกงหมิงโกรธมากจนกระดูกสั่นสะท้านเสียงดัง พลังหยินชั่วร้ายแพร่กระจายออกมาเรื่อยๆ ทำเอาความหนาวเย็นในห้องสุสานแห่งนี้ทะลุเข้าไปในกระดูก กระทั่งแพร่กระจายออกไปในทางเดินสุสาน เขาพุ่งเข้าหาฉินหลิวซี “เจ้าแกว่งเท้าหาเสี้ยน!”
“มะระก็ขมอยู่วันยังค่ำ เช่นเดียวกันกับเจ้า เป็นเพียงสุนัขรับใช้ตลอดไป ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ยังคิดที่จะฟื้นคืนชีพเป็นอมตะ? ฝันลมๆ แล้งๆ!” ฉินหลิวซีไม่ถอยแต่กลับบุก โยนหินเก้าตามัดตัวเขาไว้ “เทพเฟิงตูผู้ยิ่งใหญ่ปราบสิ่งชั่วร้ายนับหมื่น ผีและปีศาจหวาดกลัว วิญญาณสลายไป ตายเสียเถิด!”