คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1118 บูชานางเป็นเทพผู้พิทักษ์ตระกูลเซี่ย
ตอนที่ 1118 บูชานางเป็นเทพผู้พิทักษ์ตระกูลเซี่ย
………………..
สายฟ้าผ่าลงที่เซี่ยกงหมิงเต็มๆ หลังจากที่ถูกสายฟ้าเส้นนี้โจมตีอย่างหนักติดต่อกัน ดวงวิญญาณของเขาที่อ่อนแอจนแทบจะมองไม่เห็นก็ได้เริ่มสลายไปแล้ว
สิ่งที่ทำให้เซี่ยกงหมิงหวาดกลัวนั้นไม่ใช่เพียงแค่ดวงวิญญาณแตกสลาย แต่เขายังสัมผัสได้ถึงความสัมพันธ์ที่ถูกตัดขาดอย่างแท้จริง สายเลือดระหว่างเขากับลูกหลานรุ่นหลังราวกับถูกคนบังคับตัดขาด ไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป
ฉินหลิวซีมองดูดวงวิญญาณที่กำลังแตกสลายด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก แสยะยิ้มพลางเอ่ย “ผู้ร้ายตายเพราะพูดมาก เจ้าไม่รู้หรือ”
เซี่ยกงหมิง “…”
เจ้านายของเขา เหตุใดจึงไม่มา
ตัวเองเป็นคนถูกทิ้งแล้วจริงๆ หรือ
เมื่อเซี่ยกงหมิงสลายไปอย่างสมบูรณ์ ในที่สุดก็เกิดร่องรอยแห่งความขุ่นเคืองและความไม่เต็มใจอย่างรุนแรง ร่องรอยความขุ่นเคืองนั้นพุ่งชนไปทั่ว พยายามเข้าไปในใจของคน!
“ยังอยากจะทำชั่วอีก” ฉินหลิวซีคว้าไว้ด้วยมือข้างเดียว บีบดวงจิตนั้นไว้ในมือ ไฟนรกผุดขึ้นมา ดวงจิตสลายไป
ตั้งแต่ต้นจนจบ เจ้านายที่เซี่ยกงหมิงศรัทธาไม่เคยปรากฏตัวขึ้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว ช่างเป็นเรื่องน่าเศร้า
สุสานเงียบสงัดลง
“ตาย ตายแล้ว?” สะใภ้โจวเอ่ยพึมพำ
นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าหลับตาลงครึ่งหนึ่ง นางรู้สึกราวกับว่าโซ่ตรวนถูกยกออกจากร่าง ไม่มีความหนักหน่วงอีกต่อไป ผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
“อย่างที่ท่านเห็น กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว” ฉินหลิวซีกางมือออกทั้งสองข้าง กล่าวว่า “ในเมื่อตัดความสัมพันธ์แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องสร้างสุสานนี้อีกต่อไป ให้คนมากลบให้เรียบ จริงสิ ไม่จำเป็นต้องตั้งป้ายให้เซี่ยกงหมิงในห้องโถงบรรพบุรุษของตระกูลเซี่ย ในแผนภูมิลำดับวงศ์ตระกูลก็เช่นกัน สรุปก็คือทุกสิ่งที่เกี่ยวกับเขาสามารถลบออกจากตระกูลเซี่ยได้เลย”
ลบล้าง
คำนี้ทำให้ผู้ที่ได้ยินใจสั่นสะท้าน
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือตราบใดที่ตระกูลเซี่ยไม่ยอมรับ เขาก็ไม่ใช่บรรพบุรุษของตระกูลเซี่ย ตระกูลเซี่ยสามารถอยู่ได้โดยไม่มีบรรพบุรุษผู้นี้
ฟังดูน่าสงสาร แต่เซี่ยกงหมิงเป็นผู้บริสุทธิ์หรือ
ไม่ ผู้บริสุทธิ์ล้วนเป็นคนในตระกูลเซี่ย พวกเขาทำงานอย่างหนัก ใช้ชีวิตแลกมาซึ่งทุกสิ่ง ลูกหลานไม่ได้รับ แต่กลับถูกคนอื่นเอาไปใช้ ใครบ้างไม่คิดว่าไม่ยุติธรรม ใครบ้างไม่น้อยใจ
ที่ไม่ยุติธรรมที่สุดก็คือพวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย คิดว่าตระกูลตัวเองฆ่าคนมากเกินไป ดังนั้นคนในตระกูลจึงได้ย่ำแย่ถดถอยลง ไม่มีใครมีจุดจบที่ดี
แต่กลับกลายเป็นว่าบรรพบุรุษของพวกเขาได้สละโชคลาภของพวกเขา
นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าสูดหายใจเข้าลึก กล่าวว่า “ข้ารู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร”
บิดาไม่มีความเมตตา บุตรจึงไม่มีความกตัญญู พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิด
กลุ่มคนออกมาจากห้องสุสานนี้ หากต้องการถมสุสาน ของฝังศพข้างในก็ต้องเอาออกมาทั้งหมด เดิมทีนายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าอยากบอกว่าไม่ต้องการแล้ว อย่างไรเสียสิ่งของเหล่านี้ที่เคยถูกฝังไว้กับเซี่ยกงหมิง หากนำออกมาก็จะเป็นอัปมงคลโชคร้าย ตระกูลเซี่ยไม่ได้ขาดแคลนสิ่งของนอกกายเหล่านี้
ฉินหลิวซีกลับบอกว่า “สำหรับตระกูลเซี่ยแล้ว สิ่งของนอกกายเหล่านี้ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง แต่สำหรับคนจำนวนมากที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากภัยพิบัติกลับสามารถเป็นเงินช่วยชีวิตให้พวกเขาสามารถกินอิ่มอบอุ่น แทนที่จะปล่อยให้พวกมันถูกฝังอยู่ในโคลนไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ไม่สู้เอาออกไปจำนำ แปลงเป็นเงินสด จากนั้นก็นำไปบริจาคในนามของตระกูลเซี่ย สามารถช่วยเหลือผู้คนทั้งยังได้รับบุญกุศลอีกด้วย”
นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่ารีบกล่าวว่า “ถึงแม้จะไม่ใช้สิ่งของเหล่านี้ ข้าก็อยากจะทำความดี เพียงแต่ว่าอย่างไรเสียสิ่งของเหล่านี้ก็เป็นของฝังศพ อัปมงคลเป็นอย่างมาก ซ้ำยังมีพลังชั่วร้าย หากผู้ที่ซื้อไปโดนเข้า ก็จะเป็นความผิดของตระกูลเซี่ยของพวกเรา”
ฉินหลิวซียิ้ม “ไม่ต้องกังวล ในเมื่อข้าสามารถพาพวกท่านออกมาได้ ย่อมช่วยพวกท่านปัดเป่าพลังชั่วร้ายได้อยู่แล้ว”
เพียงมีประโยคนี้ของนาง นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าก็วางใจแล้ว รีบให้หัวหน้าหมู่บ้านตระกูลเซี่ยพาคนไปจัดการ
สะใภ้โจวกล่าวว่า “ตอนนี้เซี่ยกงหมิงตายไปแล้ว หมายความว่าโชคลาภตระกูลเซี่ยของพวกเราจะไม่สูญเสียไปอีกแล้ว จะไม่มีผู้คนตายก่อนวัยอันควรเกิดขึ้นอีกแล้วใช่หรือไม่”
ฉินหลิวซีเหลือบมองขึ้นไปด้านบนของสุสานใหญ่ เมื่อกระดูกและดวงวิญญาณของเซี่ยกงหมิงถูกทำลาย อีกทั้งยังตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเซี่ยไม่มีความเกี่ยวข้องกันอีก โชคลาภที่เหลืออยู่ของตระกูลเซี่ยก็จะไม่หายไป เพียงแต่ว่ามีน้อยจนน่าสงสาร
นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่ารีบกล่าวว่า “ข้าจะกำชับให้คนในตระกูลทำความดีสั่งสมคุณธรรม ไม่ทำชั่วอย่างแน่นอน”
ฉินหลิวซีพยักหน้า หาจุดที่เป็นมงคล ให้พวกนางเอาเถ้ากระดูกของเซี่ยหว่านไปฝัง
เมื่อสิ่งของฝังศพของเซี่ยกงหมิงถูกเอาออกมาจนหมดแล้ว ฉินหลิวซีก็ได้ฝังยันต์ห้าสายฟ้าหนึ่งแผ่นแล้วเสกคาถา ทำให้สุสานใหญ่นั้นพังทลายลงมา จากนั้นก็ให้คนตระกูลเซี่ยถมให้เรียบ
สุสานใหญ่หายไป กงหมิงตระกูลเซี่ยในอดีตไม่มีอยู่อีกต่อไป ถูกกำหนดให้สูญหายไปในห้วงเวลา
นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าและคนอื่นๆ มองดูที่ราบนั้น พูดไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร ลบล้างการมีอยู่ของคนคนหนึ่ง ที่แท้ก็ง่ายเช่นนี้
ฉินหลิวซีได้สลายพลังชั่วร้ายบนของฝังศพทั้งหมดเหล่านั้น สุดท้ายก็ได้หยิบหอกของเซี่ยกงหมิงนั้นขึ้นมา
นางใช้มือร่ายคาถา ลูบลงบนหอกวิญาณร้ายด้ามนั้น พลังชั่วร้ายอันเยือกเย็นถูกนางชักนำมาที่หอก จากนั้นก็เอากริชออกมา แกะสลักอักขระยันต์สองสามยันต์ลงบนหอก จิตวิญญาณเต๋าแผ่กระจายไปทั่วหอก หอกที่เดิมทีเต็มไปด้วยพลังหยินอันเยือกเย็นได้กลายเป็นสิ่งล้ำค่าในทันใด
ฉินหลิวซีชั่งน้ำหนักด้วยมือเดียว ถนัดมือเป็นอย่างมาก จึงได้ถือหอกตวัดสองสามกระบวนท่า มองดูครู่หนึ่ง ดึงพู่ที่หัวหอกแล้วโยนทิ้ง หยิบด้ายถักที่ค่อนข้างน่าเกลียดออกมาจากถุงเฉียนคุนแล้วมัดลงบนหอก จากนั้นก็ยื่นให้นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่า
“ท่านอาจารย์ นี่ท่าน?” นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าใจเต้นแรง ไม่กล้ารับมาเล็กน้อย
ฉินหลิวซีกล่าวว่า “หอกนี้อยู่กับเซี่ยกงหมิงมาหลายปี ฆ่าคนมานับไม่ถ้วน เดิมทีก็มีพลังชั่วร้ายที่รุนแรงเป็นอย่างมาก หากใช้พลังชั่วร้ายในทางที่ดี ก็จะสามารถปัดเป่าวิญญาณร้ายทำให้ไม่กล้ามากล้ำกลายได้ และหอกนี้ก็เป็นของฝังศพของเขา พลังหยินชั่วร้ายรุนแรงมาก ข้าได้ผนึกมันไว้ข้างในแล้ว และได้วาดยันต์ปลุกเสกลงไป ตอนนี้มันไม่ใช่เพียงแค่หอกธรรมดา แต่เป็นเครื่องรางที่ปราบผีไล่วิญญาณชั่วร้ายได้”
นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่าหัวใจเต้นแรง
“เดิมทีหอกก็เหมาะกับสนามรบ เซี่ยกงหมิงเป็นคนบาปของตระกูลเซี่ย หอกด้ามนี้ ชดใช้บาปให้กับตระกูลเซี่ยนั้นก็สมควรแล้ว หวังว่าพวกท่านตระกูลเซี่ยจะเก็บมันไว้ สร้างเทพสงครามอย่างแท้จริงที่ได้รับความเคารพจากทุกคนมาปกป้องตระกูลปกป้องอาณาจักร และเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นต่อๆ ไป”
นายหญิงผู้เฒ่าถือหอกด้ามนี้ไว้ รู้สึกหนักอึ้ง ซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก ดวงตาแดงก่ำ กล่าวสะอึกสะอื้นว่า “ท่านอาจารย์ นี่เป็นถึงเครื่องราง ควรจะเป็นคนอย่างพวกท่านที่ปราบสิ่งชั่วร้ายปกป้องเต๋าจึงจะสามารถใช้พลังอันยิ่งใหญ่นี้ได้มากกว่า”
“พวกเราไม่ขาดแคลนเครื่องรางเช่นนี้ แต่เชื่อข้าเถิด มันจะทำให้ตระกูลเซี่ยกลับมารุ่งโรจน์อย่างแน่นอน” ฉินหลิวซีฉีกยิ้มพลางกล่าวว่า “ดังนั้นในวันปกติทั่วไปก็ให้ฝึกฝนวิชาอารามชิงผิงของพวกเราให้มาก ไหว้เจ้าลัทธิเต๋าบ่อยๆ เมื่อสวดภาวนาต่อเทพเจ้าก็จะรู้สึกสบายใจมากขึ้น”
นายหญิงเซี่ยผู้เฒ่า “…”
ดูเหมือนว่านางจะเดาอะไรบางอย่างได้
นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กล่าวว่า “ท่านอาจารย์ ท่านว่าผู้ศรัทธาอารามชิงผิงอย่างพวกเราจะต้องทำอย่างไรบ้าง บริจาคร่างทองกี่องค์จึงจะพอ จริงสิ พวกเราสามารถตั้งแผ่นป้ายบูชาให้ท่านอายุยืนได้หรือไม่”
ไม่สิ ตระกูลเซี่ยของพวกเขาควรจะขอให้คนแกะสลักรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ของนางไว้หน้าศาลในตระกูลเพื่อบูชาเป็นเทพผู้พิทักษ์ตระกูลเซี่ย!