คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1121 เร็วเข้า ต่อสู้เสร็จก็เก็บเครื่องรางไปด้วย
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 1121 เร็วเข้า ต่อสู้เสร็จก็เก็บเครื่องรางไปด้วย
ตอนที่ 1121 เร็วเข้า ต่อสู้เสร็จก็เก็บเครื่องรางไปด้วย
………………..
ครั้งนี้เฟิงซิวนับว่าประสบปัญหาในสิ่งที่ตัวเองถนัด เดิมทีคิดว่าตัวเองเป็นปีศาจ การค้นหาปีศาจที่หายไปนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ไม่จำเป็นต้องรบกวนฉินหลิวซี
ใครจะไปคิดว่าเมื่อหาพบแล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าจะสังหารปีศาจใหญ่สองตัวนั้น แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจิ้งจอกสังหารปีศาจ กลับมีไต้ซืออยู่ข้างหลัง เขาถูกลอบทำร้าย ตกหลุมพรางของคนผู้นั้น แทบจะรักษาปราณปีศาจเอาไว้ไม่ได้
เฟิงซิวมองดูนักพรตแคระที่เรียกตัวเองว่าเซวียนอี่ท่าทางราวกับคนบ้า รวบรวมวิญญาณปีศาจหล่อหลอมเข้ากับแผนภาพค่ายอาคมทีละตน ทำเอาวิญญาณปีศาจเหล่านั้นกรีดร้องคำรามอย่างน่าสังเวชในแผนภาพค่ายอาคม พลังขุ่นเคืองพุ่งทะยาน
และปราณปีศาจก็ถูกเขาใส่ไว้ในกล่องหยกขนาดใหญ่ มีเตาหลอมอยู่ข้างๆ ข้างในเต็มไปด้วยแก่นเลือดปีศาจอันเข้มข้น
ให้ตายเถอะ คนบ้าผู้นี้ไม่เพียงแต่ตามล่าฆ่าปีศาจมาหล่อหลอมแผนภาพร้อยปีศาจ ซ้ำยังหล่อหลอมปราณปีศาจเพื่อเพิ่มการบำเพ็ญตบะ บ้าไปแล้ว
โลกในทุกวันนี้ขาดพลังวิญญาณ สัตว์ประหลาดที่สามารถฝึกบำเพ็ญจนมีจิตวิญญาณนั้นหาได้ยาก แม้ว่าสัตว์ประหลาดจะเป็นปีศาจ แต่ก็ไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกันกับข้า จิตใจนั้นแตกต่างกัน พวกเขาตระหนกได้ดีถึงหลักการนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้ไว้วางใจคนมากนัก อีกทั้งยังมีกฎของสวรรค์ สัตว์ประหลาดส่วนใหญ่จึงไม่กล้ามาก่อเรื่องวุ่นวายในโลกมนุษย์ ทั้งยังหวงแหนตบะของตนเองเป็นอย่างมาก เต็มใจที่จะหลบซ่อนตัวฝึกบำเพ็ญ ยอมไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกมนุษย์ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกไต้ซือสังหาร
ดังนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะบรรลุแผนภาพร้อยปีศาจได้ แต่เขาเห็นว่าแผนภาพค่ายอาคมนั้นมีสัตว์ประหลาดอย่างน้อยสิบตัว
ไต้ซือเซวียนอี่ผู้นี้ได้ตามล่าสังหารสัตว์ประหลาดมากมายแล้ว
“สวยงามมาก” ไต้ซือเซวียนอี่ผู้นั้นเดินมา สายตามองเฟิงซิวด้วยความหลงใหล กล่าวว่า “เจ้าวางใจเถิด ข้าจะถลกหนังของเจ้าออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ หลังจากที่หล่อหลอมวิญญาณปีศาจของเจ้าแล้ว ข้าจะให้เจ้าเป็นหัวหน้าของแผนภาพร้อยปีศาจ เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าก็จะเป็นผู้นำในแผนภาพนี้ ไม่มีปีศาจตนไหนกล้าไม่เชื่อฟัง เมื่อเจ้าเป็นราชาปีศาจ เจ้าก็จะ…”
เฟิงซิวถ่มน้ำลาย “คนแคระอย่างเจ้าน่ะหรือจะสยบข้าได้ ถุย!”
ดูเหมือนเซวียนอี่จะไม่พอใจเล็กน้อย กล่าวว่า “ปีศาจที่ไม่เชื่อฟังจะต้องถูกสั่งสอน”
ขณะที่เขาเอ่ยจบก็พึมพำอะไรบางอย่าง มีแสงสีม่วงแวบขึ้นมาที่ข้อมือของเขา ตาข่ายแสงสีม่วงที่ปกคลุมร่างกายของเฟิงซิวก็รัดแน่นขึ้นทันที
ก็ไม่รู้ว่าเซวียนอี่ผู้นี้มีที่มาอย่างไร จึงได้มีเครื่องรางอย่างตาข่ายเชียนจีนี้ ทรงพลังเป็นอย่างมาก เมื่อมันกักขังเขา ตาข่ายราวกับสายฟ้า สะกดวิญญาณปีศาจของเขาไว้ เมื่อเขามีการต่อต้าน ตาข่ายก็จะกระชับแน่นขึ้น แค่การต่อต้านเพียงเล็กน้อยก็ยังราวกับมีสายฟ้าโจมตีไปที่วิญญาณปีศาจของเขา แม้แต่ปราณปีศาจก็ยังได้รับความเสียหาย
นี่ต้องเป็นเครื่องรางที่ทำขึ้นมาสำหรับล่าสัตว์ประหลาดโดยเฉพาะ
เหล่าฉิน หากยังไม่มา ข้าจะต้องตายจริงๆ แล้ว!
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคนแคระผู้นี้ เฟิงซิวกลับไม่ได้แสดงท่าทีขี้ขลาดและยอมสยบ แสยะยิ้มพลางกล่าวว่า “หากแน่จริงก็ตีข้าให้ตาย มิเช่นนั้นเจ้ารอได้เลย”
เซวียนอี่ไม่โกรธแต่กลับหัวเราะ กล่าวว่า “ฟังเจ้าพูดเช่นนี้ มีคนจะมาช่วยเจ้าหรือ ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครที่ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้ว”
ทันทีที่เขากล่าวจบก็หันหลังกลับอย่างรวดเร็ว เอากระบี่ทองแดงสังหารปีศาจออกมา ทันทีที่กระบี่อันแวววาวไปด้วยเลือดปรากฏขึ้น ก็โจมตีไปยังบุคคลที่มา
ฉินหลิวซีร้องสบถ ระเบิดคาถาสายฟ้าออกมาโดยไม่ต้องคิด
ปัง
คาถาสายฟ้าระเบิดดาบสังหารปีศาจกระเด็นออกไปเสียงดังปัง ก่อนจะไปเสียบตรงที่ผนังหน้าผาถ้ำ
เฟิงซิวตะโกนร้อง “ท่านมาได้เสียที หากยังไม่มาอีก ข้าจะถูกคนถลกหนังเอาปราณปีศาจไปแล้ว”
ฉินหลิวซีมองไป เห็นเฟิงซิวคืนสู่ร่างเดิม ถูกตาข่ายแสงสีม่วงปกคลุม ขนบนร่างกายราวกับถูกเผาไหม้เล็กน้อย มีรอยสีดำไหม้
“เจ้าเป็นถึงปีศาจจิ้งจอกที่สามารถสร้างดินแดนในอากาศได้ เหตุใดจึงได้ถูกคนจับตัวไว้ได้” ไต้ซือทั่วไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟิงซิว แต่เขากลับมีสภาพอนาถเช่นนี้
“มีคนไม่ใช่คน หลบอยู่ข้างหลังรอกอบโกยผลประโยชน์ อาศัยจังหวะที่ข้าได้รับบาดเจ็บหลังจากต่อสู้กับปีศาจใหญ่สองตัว ใช้ตาข่ายนี้จับตัวข้าไว้” เฟิงซิวกล่าวว่า “ได้ยินเจ้าคนแคระผู้นี้บอกว่ามันคือตาข่ายเชียนจีอะไรสักอย่าง เมื่อถูกมันปกคลุม ข้าไม่สามารถใช้พลังปีศาจใดๆ ได้ ซ้ำยังต้องถูกบดขยี้ เป็นเครื่องรางที่ไม่เลวเลยทีเดียว เร็วเข้า ต่อสู้เสร็จก็เก็บเครื่องรางไปด้วย”
เมื่อฉินหลิวซีได้ฟังดังนั้นก็ดวงตาเป็นประกาย เครื่องรางที่แม้แต่เฟิงซิวก็ยังทำอะไรไม่ได้นั้นนับว่าเป็นของดีจริงๆ
เซวียนอี่มองดูหนึ่งคนหนึ่งจิ้งจอกคุยกันราวกับไม่มีใครอยู่รอบๆ ด้วยสายตาที่น่ากลัว เขามองไปยังฉินหลิวซีแล้วจึงเอ่ย “เจ้าก็คือกำลังเสริมที่จิ้งจอกตัวนี้เรียกมาหรือ นับว่าข้าประเมินมันต่ำไป โยนตาข่ายเชียนจีออกไปแล้วก็ยังสามารถเรียกเจ้ามาที่นี่ได้”
เซวียนอี่อ้าปาก เฟิงซิวจึงตะโกนเสียงดังว่า “อย่าให้เขาท่อง…โอ้ย”
ฉินหลิวซีเห็นแสงสีม่วงสว่างขึ้นมาบนข้อมือของเซวียนอี่ จึงยกไม้จินกังขึ้นมาฟาดลงไปในทันที แสงสีทองกระทบกับแสงสีม่วง แสงสีม่วงดับลง คาถาถูกทำลาย
เซวียนอี่รูม่านตาหดลง เมื่อเห็นไม้ด้ามนั้น หรือว่าจะเป็นไม้เทียนเผิงในตำนาน
เมื่อเขาเห็นว่าไม้ด้ามนั้นโจมตีมาที่เขาอีกครั้งก็รีบหยุดความคิด เอาธงอันล้ำค่าออกมา ธงนั้นมีแสงหลากสีสันกระจายออกมา วาดด้วยลวดลายสัตว์ประหลาดที่ดุร้าย เป็นธงปีศาจ
ทันทีที่ธงปีศาจออกมา เต็มไปด้วยแสงเจ็ดสี ทำเอาจิตใจคนสั่นสะท้าน ราวกับดวงวิญญาณจะถูกดูดเข้าไป ทำให้รู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อย
ฉินหลิวซีนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง
เซวียนอี่ดีใจมาก รีบพุ่งเข้าหานาง คว้ามือของนางไว้
มือนั้นเรียบเนียนราวกับปลิงดูดเลือดที่ไร้กระดูก เย็นยะเยือก กลิ่นคาวทะลุเข้าไปในจมูกของฉินหลิวซี
นางสะดุ้งก่อนจะลืมตาขึ้น เมื่อเห็นรอยยิ้มอันภาคภูมิใจของเซวียนอี่ก็หัวเราะ เมื่อรอยยิ้มของเซวียนอี่ค้างอยู่ที่มุมปาก นางอดทนต่อความสะอึดสะเอียน กลับมาคว้ามือของเขาไว้ “คิดจะจับข้าหรือ”
เซวียนอี่ตกตะลึง รีบเรียกธงปีศาจ ฉินหลิวซีดึงเขาไว้ มืออีกข้างหนึ่งก็คว้าธงปีศาจ พลังอันแรงกล้าในมือปรากฏขึ้น ธงปีศาจราวกับสูญเสียความเคลื่อนไหวไปในทันที กลายเป็นธงธรรมดา
“ของสิ่งนี้มีวาสนากับข้า ขอบใจมาก!” ฉินหลิวซียัดธงปีศาจเข้าไปในถุงเฉียนคุน “เจ้าและข้าต่างก็เป็นสหายเต๋า ของดีเช่นนี้ใครใช้ก็เหมือนกัน ข้าจะแบ่งเบาภาระให้เจ้าเอง ตาข่ายเชียนจีนั้นใช้งานอย่างไร ก็บอกข้ามาด้วย”
เซวียนอี่โมโหจัด “บังอาจ!”
เขาดิ้นรนที่จะหลุดพ้นจากมือของฉินหลิวซี แต่ร่างกายของอีกฝ่ายกลับระเบิดจิตวิญญาณเต๋าอันทรงพลังออกมา ห่อหุ้มเขาไว้ จนไม่สามารถขยับได้
หลังจากนั้นในทันที พลังอันเย็นยะเยือกก็เข้าสู่แท่นวิญญาณของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว
ร่างกายของเซวียนอี่แข็งทื่อ ในที่สุดดวงตาของเขาก็แสดงความกลัวออกมา
ขณะที่ฉินหลิวซีค้นวิญญาณ ดวงตาของเซวียนอี่เหม่อลอย มีน้ำลายไหลออกมาจากมุมปาก
เฟิงซิวมองดูอยู่ในตาข่าย แอบรู้สึกทอดถอนใจที่ฉินหลิวซีราวกับไปกระดกยามา ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง สามารถต่อสู้ได้ ส่วนตัวเองกลับพลาดท่าในมือของคนแคระผู้นี้
ดูเหมือนว่าจะไม่กักตัวฝึกบำเพ็ญครั้งใหญ่ไม่ได้แล้ว ตอนนี้ตามนางไม่ทันแล้ว!
ฉินหลิวซีค้นวิญญาณอย่างรวดเร็ว สีหน้าแสดงถึงความรังเกียจ ในตอนท้ายยังมีร่องรอยของความประหลาดใจและความเคร่งขรึม จากนั้นจึงได้ดึงจิตวิญญาณเต๋ากลับมา
เซวียนอี่เอ๋อไปแล้ว
เฟิงซิวกล่าวว่า “รีบรบรีบจบ สมแล้วที่เป็นท่าน รีบปล่อยข้าออกมาได้แล้ว ผิวหนังข้าจะไหม้หมดแล้ว”
ฉินหลิวซีท่องคาถา ตาข่ายเชียนจีนั้นเปล่งประกายไปด้วยแสงสีม่วง ลอยขึ้นสู่ด้านบน เฟิงซิววิ่งออกมา จากนั้นก็สะดุดล้มบนพื้น อดร้องอุทานออกมาไม่ได้ เมื่อเห็นว่าใครบางคนไม่มีการตอบสนองใดๆ จึงอดกล่าวไม่ได้ว่า “ไม่มีมโนธรรมเอาเสียเลย ให้ข้ากินยาดีสักสองสามเม็ดหน่อยสิ!”
ฉินหลิวซีจ้องมองเซวียนอี่ กล่าวว่า “คนผู้นี้เคยได้พบกับซื่อหลัว”
เฟิงซิวตกตะลึง