คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1125 เรื่องดีนั้นไม่เป็นจริง เรื่องที่เป็นจริงนั้นไม่ดี
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 1125 เรื่องดีนั้นไม่เป็นจริง เรื่องที่เป็นจริงนั้นไม่ดี
ตอนที่ 1125 เรื่องดีนั้นไม่เป็นจริง เรื่องที่เป็นจริงนั้นไม่ดี
………………..
เมื่อฉินหลิวซีกลับมา ไม่มีใครดีใจเกินไปกว่าผู้ดูแลใหญ่อย่างชิงหย่วน ดวงตาคู่นั้น ราวกับหมาป่าเห็นเนื้อ เปล่งประกายสีเขียว
ตั้งแต่ที่เกิดภัยพิบัติ อารามชิงผิงของพวกเขาก็ไม่เคยหยุดแจกข้าวต้ม ยากจนจนแทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว โดยเฉพาะตอนนี้เสบียงอาหารมีราคาแพงมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาได้เปลี่ยนมาทำการกุศลทุกๆ สองวัน ยังคงเป็นข้าวต้มเสียส่วนใหญ่ แทบจะยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว
ตอนนี้ฉินหลิวซีกลับมาแล้ว เขาราวกับเห็นกระเป๋าเงินเดินได้
“ท่านเจ้าอาวาสน้อยก็ได้ออกไปหาเงินแล้ว หากท่านยังไม่กลับมาอีก อารามชิงผิงของพวกเราก็คงต้องกินข้าวต้มใสแล้ว”
ชิงหย่วนกล่าวอย่างขมขื่น
ฉินหลิวซียื่นกองตั๋วเงินไปให้ กล่าวว่า “เสวียนอีไปไหนแล้ว”
“คุณหนูจวนผู้ว่าการมณฑลอันหนานดูเหมือนจะถูกวิญญาณร้าย จึงได้เชิญเขาไปดู” ชิงหย่วนกล่าวว่า “แต่ว่าก็ไปหลายวันแล้วยังไม่กลับมาเลย”
“เขาไปเองหรือ”
ชิงหย่วนส่ายหน้า ตอบว่า “เสี่ยวเซินตามไปด้วย”
เมื่อฉินหลิวซีได้ฟังดังนั้นก็ขมวดคิ้ว เมื่อนึกถึงอายุและนิสัยของทั้งสองคนจึงเริ่มทำนายในตอนนั้นทันที เมื่อทำนายออกมาแล้ว นางก็ขมวดคิ้วจนแทบจะบีบยุงตายได้แล้ว
ชิงหย่วนใจเต้น ขออย่าให้เกิดปัญหาอะไรเลย
“ข้างบนเป็นตุ้ย ตุ้ยเป็นหนองน้ำ ข้างล่างเป็นข่าน ข่านเป็นน้ำ น้ำซึมลงสู่หนองน้ำ กลางหนองน้ำแห้งเหือด เป็นรูปแบบการทำนายที่ติดอยู่ใจกลาง พวกเขาถูกกักขังแล้ว” ซ้ำยังถูกกักขังด้วยคนร้าย
“หา?” ชิงหย่วนดีดตัวขึ้นมา “ที่ไหน ใครทำ ใครช่างบังอาจขนาดนี้!”
กักขังเจ้าอาวาสน้อยอารามชิงผิงของพวกเขา รังเกียจที่ดวงแข็งอายุยืนยาวเกินไปหรือ
“ไม่เป็นไร ตราบใดที่ยึดมั่นในเส้นทางที่ถูกต้อง มีความสุขกับตัวเองก็จะหลุดพ้นจากปัญหาได้ เพียงแต่เกรงว่าจะเกิดปัญหาใหญ่ทางด้านอันหนาน” ฉินหลิวซีกล่าวว่า “ช่วงนี้ผู้ลี้ภัยที่อยู่เชิงเขา สังเกตดูว่ามีอะไรผิดปกติเป็นพิเศษหรือไม่ ทางใต้เกิดน้ำท่วม เกรงว่าจะมีโรคระบาด หากมีใครเอาโรคมาด้วย เกรงว่าจะเป็นปัญหา และอย่าปล่อยให้พวกเขาบุกเข้ามาในอาราม”
เมื่อชิงหย่วนได้ยินคำว่าโรคระบาดก็หน้าซีดขาว โรคระบาดจากคนสู่คน เมื่อถึงเวลานั้นไม่รู้ว่าจะมีคนตายเท่าไหร่จึงกล่าวว่า “ตอนนี้ราคาเสบียงอาหารข้างนอกสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วัตถุดิบยาสมุนไพรก็ยิ่งหายากมากขึ้น ข้าวต้มที่พวกเราบริจาคก็ไม่สามารถทำได้เยอะ ยาต้มก็คาดว่ายากที่จะแจกจ่ายได้”
ฉินหลิวซีกล่าวว่า “ยังไม่ไปถึงขั้นนั้น ไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าจะไปตรวจสอบดูที่อันหนานสักหน่อยว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรแล้วค่อยเตรียมการ เรื่องวัตถุดิบยาก็ไม่ต้องกังวล ในคลังของร้านยาตำหนักอายุวัฒนะยังมี แม้ว่าจะไม่มี พวกเราก็ได้ทำเต็มที่แล้ว ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด”
ชิงหย่วนย่อมรู้ว่าการทำความดีสั่งสมบุญนั้นล้วนอยู่ในขอบเขตความสามารถของตัวเอง แต่หากเกิดความยากลำบากขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าอารามชิงผิงของพวกเขาก็ยากที่จะไม่สนใจได้
ตอนนี้ผู้ลี้ภัยเหล่านั้นยังคงเกรงกลัวเทพเจ้าผู้อยู่เบื้องสูง และอารามชิงผิงก็ได้ทำการกุศลมาโดยตลอด มีชื่อเสียงที่ดี จึงไม่กล้าบังอาจบุกเข้ามา แต่หากไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้แล้วล่ะ
ไม่สำคัญว่าจะเป็นเทพเจ้าหรือไม่ กรรมตามสนองมีจริงหรือไม่ เอาชีวิตรอดก่อนแล้วค่อยว่ากัน!
ชิงหย่วนเล่าถึงความกังวล ฉินหลิวซีหัวเราะ “ผู้ที่กล้ากระทำการอุกอาจ ก็ต้องดูว่ามีความสามารถในการเข้าออกหรือไม่”
ทันทีที่นางกล่าวจบ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากเรือนรับแขก แล้วทุกอย่างก็เงียบลง
ฉินหลิวซีหันไปมอง “มีแขกมาพักที่นี่หรือ”
ชิงหย่วนรีบกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้มีสองแม่ลูกมาจุดธูปบูชาแล้วพักค้างคืน”
“เกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ไปดูเถิด”
ทั้งสองคนตามกันไปทางด้านนั้น
ทันทีที่มาถึงเรือนรับแขกก็มีคนพุ่งออกมาจากในห้อง เป็นสตรี เมื่อเห็นฉินหลิวซีกับชิงหย่วน ก็ตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด หันหลังกลับแล้วปิดประตู
“ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกับท่านหรือ” ชิงหย่วนยิ้มพลางก้าวไปข้างหน้า
หญิงสาวกล่าวอ้ำๆ อึ้งๆ ว่า “ไม่ ไม่มีอะไร ก็แค่เห็นหนูตัวหนึ่งผ่านมาก็เลยตกใจ”
ฉินหลิวซีหรี่ตาลง รีบก้าวไปข้างหน้า จับมือของหญิงสาวผู้นั้นขึ้นในขณะที่นางกำลังตกใจ สองนิ้ววางลงไป
หญิงสาวตกใจ ดิ้นรนทันที “เจ้าจะทำอะไร”
ฉินหลิวซีจับชีพจร เห็นว่าชีพจรของนางเต้นเร็วและยุ่งเหยิง หัวใจเต้นแรง และเห็นว่ามีรอยเกาจนเป็นแผลที่หลังมือของนาง อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นเล็กน้อย ลำคอขยายใหญ่ขึ้น ใบหน้าเผยให้เห็นถึงความเย็นชา
ชิงหย่วนตกตะลึง การกระทำนี้ เป็นการกระทำป้องกันการแพร่ระบาด
เขาจ้องมองหญิงสาว “เจ้าป่วยหรือ”
หญิงสาวส่ายหน้าด้วยความหวาดกลัว “ไม่ ข้าไม่ได้ป่วย”
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบไปซะ” ฉินหลิวซีจ้องชิงหย่วน เขารีบออกไปเตรียมการทันที
ฉินหลิวซีหยิบยันต์ยาออกมาจากถุงเฉียนคุนหนึ่งแผ่นแล้วเผา ใช้ผ้าปิดจมูก ลากหญิงสาวผู้นั้นเข้าไปในห้อง
ในห้องมีหญิงสาวร่างผอมบางล้มลงอยู่บนพื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน เลือดและเนื้อผสมปนเปกัน ในทำนองเดียวกัน ลำคอก็ขยายใหญ่ แก้มทั้งสองข้างแดงผิดปกติ เห็นได้ชัดว่าป่วยด้วยโรคอะไรบางอย่าง
ฉินหลิวซีเดินไปหา สำรวจดูสตรีที่สลบอยู่บนพื้น ดวงตาเกรี้ยวกราด จ้องมองไปยังหญิงสาวที่หลบสายตา “พวกเจ้ามาจากไหน ที่แห่งนั้นมีโรคระบาดหรือ”
หญิงสาวผู้นั้นคุกเข่าลงบนพื้น ศีรษะโขกพื้นพลางกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ โปรดเมตตาด้วยเถิด อย่าส่งพวกเราออกไปเลย มิเช่นนั้นพวกเราต้องตายแน่ๆ…”
“หุบปาก รีบบอกมา พวกเจ้ามาจากที่ไหน” ฉินหลิวซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่ใช่พระภิกษุที่ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แต่เป็นนักพรต เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้าติดโรคระบาดแล้ว เพื่อไม่ให้แพร่กระจายสู่ผู้บริสุทธิ์ ข้าสามารถฆ่าพวกเจ้าได้ด้วยตัวเองโดยที่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรสักคำ เจ้าเชื่อหรือไม่”
คนสมัยนี้เมื่อได้ยินเรื่องโรคระบาดสีหน้าก็จะเปลี่ยนไป เมื่อโรคระบาดใหญ่เกิดขึ้นก็จะปิดกั้นสถานที่ต้นกำเนิดของโรค ไม่อนุญาตให้เข้าออก ไม่ว่าเจ้าจะติดโรคหรือไม่ จะฆ่าก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่
หญิงสาวถูกท่าทางของนางทำให้ตกใจ หดตัวลง กล่าวว่า “พวกเราหนีมาจากหลี่เจียถุนในมณฑลอันหนาน ผู้คนในหมู่บ้านของพวกเราเริ่มป่วยทีละคนหลังจากเก็บหนูนามากิน ต่อมาหมู่บ้านก็ถูกปิดโดยบอกว่ามีโรคระบาด บุตรสาวของข้าหมั้นหมายกับเจ้าหน้าที่ในสำนักงานท่านหนึ่ง เขาแอบปล่อยพวกเราออกมา ตอนที่พวกเราออกมานั้นไม่ได้ป่วย แต่หลังจากที่ออกมาบุตรสาวของข้าจึงได้เริ่มมีไข้เล็กน้อย…”
“ไม่ป่วยแล้วจะอย่างไร” ฉินหลิวซีชี้ไปที่สตรีผู้นั้นพลางร้องตะโกน “โรคระบาดที่ติดมาจากหนูนั้นแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและยุ่งยากเป็นที่สุด ตลอดทางที่พวกเจ้ามานี้ก็ไม่รู้ว่าสัมผัสกับผู้คนไปแล้วมากมายแค่ไหน พวกเจ้ากำลังทำบาป!”
เรื่องดีนั้นไม่เป็นจริง เรื่องที่เป็นจริงนั้นไม่ดี เมื่อครู่ยังพูดคุยกับชิงหย่วนว่าทางด้านมณฑลอันหนานอาจจะมีปัญหา สุดท้ายก็มีปัญหาใหญ่จนได้
ฉินหลิวซีนึกถึงคำทำนายเมื่อครู่ กล่าวว่า “หลี่เจียถุนได้ส่งหมอไปที่นั่นหรือไม่”
“ส่ง ส่งไปเจ้าค่ะ” หญิงสาวกล่าวว่า “แต่พวกเขาก็ไม่สามารถออกมาได้”
“เจ้าเห็นนักพรตน้อยสองคนหรือไม่”
หญิงสาวพยักหน้าอย่างรู้สึกผิด “ตอนที่พวกเราหนีออกมา เห็นว่านักพรตน้อยทั้งสองเข้าไปในหมู่บ้าน ว่าที่ลูกเขยข้าบอกว่าเป็นนักพรตอารามชิงผิง มาช่วยรักษาโรคระบาด อารามชิงผิงมีชื่อเสียงขนาดนี้ พวกเราจึงได้มาที่นี่”
ติดอยู่ที่นั่นจริงๆ ด้วย
ฉินหลิวซีโกรธจนอยากจะฆ่าใครสักคน หากสองคนเต็มใจไปด้วยตัวเองนั้นก็แล้วไป แต่หากถูกผู้ว่าการมณฑลอันหนานตั้งใจส่งไปตาย ก็รอพบนางได้เลย!
“นักพรต ข้า ข้าติด…”
“ใช่ เจ้าติดโรคแล้ว หากรักษาไม่ได้ เจ้าก็รอตายได้เลย!” ฉินหลิวซีโกรธจนพูดคำพูดชั่วร้ายออกมา
หญิงสาวผู้นั้นกรีดร้องออกมาในทันที ทรุดตัวลงบนพื้น สุดท้ายพวกนางก็ยังหนีไม่พ้นความตายอย่างนั้นหรือ