คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1129 ข้าคุ้มกะลาหัวพวกเจ้าอยู่
ตอนที่ 1129 ข้าคุ้มกะลาหัวพวกเจ้าอยู่
ภัยพิบัติทางธรรมชาติและความทุกข์ยากของอาณาจักรในปัจจุบัน คนเราไม่เพียงแต่ไม่สามารถต้านทานการทดสอบได้ ซ้ำยังทำตัวน่ารังเกียจมากกว่าที่เคยเห็นมา นี่เป็นสิ่งใหม่ที่เถิงเจากับเจ้าโสมน้อยได้เรียนรู้
พวกเขาต่างคิดไม่ถึงว่าในขณะที่พวกเขากำลังพยายามอย่างหนักเพื่อช่วยผู้คนที่กำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากโรคระบาด จะมีบางคนที่มีความคิดกิเลสตัณหากับเด็กชายวัยสิบกว่าปีสองคนภายใต้สถานการณ์เช่นนี้
บุคคลเช่นนี้ มีหมวกขุนนางติดตัว ในฐานะที่เป็นขุนนางของทางการ แต่ไม่รับใช้ราษฎร ซ้ำยังใช้อำนาจของตนทำทุกอย่างตามที่ต้องการ
โลกใบนี้เริ่มบ้าบิ่นขึ้นมาแล้วจริงๆ ซ้ำยังมีคนน่าขยะแขยงอย่างเขาอยู่ด้วย
ใบหน้าอันงดงามของเถิงเจามองไปยังหวงหวยฮั่วที่มีรอยยิ้มบ้ากามบนใบหน้าและกางกรงเล็บใส่เขา รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน
คนผู้นี้เป็นน้องชายภรรยาของผู้ว่าการหลิว ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้ดำเนินการทางน้ำของที่ว่างาน แม้ว่าจะไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โต แต่ด้วยความที่มีพี่เขยเป็นผู้ว่าการ เขาก็ทำเงินได้จากที่นี่ไม่น้อย
และหวงหวยฮั่วผู้นี้ก็ไม่ใช่คนรู้จักผิดชอบชั่วดี ในวันปกติมักจะไปที่หอคณิกา สถานที่อโคจรเหล่านั้นเขาก็ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่น้อย ตอนนี้เพียงแค่ดื่มไปยังไม่ทันเมา กลับไปถูกใจเถิงเจากับเจ้าโสมน้อยที่ริมฝีปากแดงฟันขาว
ทั้งสองคนอยู่ในลัทธิเต๋า ในวันปกติก็จะท่องพระสูตรฝึกบำเพ็ญ ย่อมไม่ใช่คนที่เด็กธรรมดาทั่วไปจะเทียบได้ พวกเขาไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาเลิศหรูแต่มีความสง่างามที่ความงามไม่อาจเทียบได้ ความบริสุทธิ์ที่ไม่สามารถปิดบังได้ได้เล็ดลอดออกมาจากกระดูกของพวกเขา
หวงหวยฮั่วไม่ได้คิดว่าเขาสามารถแตะต้องคนผู้นี้ได้หรือไม่ เขาคิดเพียงว่าเขาไม่เคยเล่นกับนักพรตน้อยมาก่อน
“เจ้าวางใจเถิด ดื่มเป็นเพื่อนพี่หวงสักสองจอก ต่อให้หมู่บ้านนี้ถูกเผาทิ้ง พี่ชายก็ยังสามารถปกป้องเด็กดีอย่างพวกเจ้าทั้งสองคนได้” หวงหวยฮั่วหัวเราะเบาๆ “รูปร่างหน้าตาอย่างพวกเจ้า มาอยู่เป็นเพื่อนพี่ชายก็พอแล้ว เหตุใดจะต้องไปคลุกคลีอยู่กับคนชั้นต่ำที่ป่วยและสกปรกเหล่านั้น ทำให้ร่างกายดีๆ ต้องแปดเปื้อนไปเสียเปล่า”
หวงหวยฮั่วพุ่งเข้าไปหาเถิงเจา แต่มือยังไม่ทันถึงตัวเขา เจ้าโสมน้อยก็กระโดดถีบเข้ามา ทำเอาเขากระเด็นออกไป จากนั้นก็พุ่งเข้าไปร่ายอาคมกดทับเขาไว้ เตะลงไปไม่ยั้ง “ให้ตายเถอะ ข้าอดทนกับเต่าขี้ขลาดอย่างเจ้ามานานแล้ว แค่เห็นหน้า ดวงตาปลาที่ตายแล้วทั้งสองข้างแทบจะทะลักออกมาราวกับจะติดอยู่บนตัวของพวกเราทั้งสองคน น้ำเมือกนั้นมีกลิ่นเหม็นเน่าน่าขยะแขยงกว่าน้ำสีเหลืองในส้วมเสียอีก ซ้ำยังมีหน้ามากล้าเรียกตัวเองว่าพี่ชาย ข้าจะฆ่าคุณชายกระต่ายน้อยอย่างเจ้าให้ตาย ใครใช้ให้เจ้าคุยโม้ ใครใช้ให้เจ้าเป็นบ้า ใครใช้ให้เจ้ามีความคิดบังอาจเช่นนั้น”
เท้าของเขาเตะไปที่เนื้อนุ่มๆ ของหวงหวยฮั่วด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ซ้ำยังออกแรงเตะพลางตะโกนด่าทอ
“ให้ตายเถอะ จะทำตัวบ้าบิ่นก็ไม่ดูสักหน่อยว่าใครล่วงเกินได้ใครล่วงเกินไม่ได้ กล้ามาล่วงเกินนักพรต ซ้ำยังอยากให้นักพรตดื่มเป็นเพื่อนเจ้าสองจอก? หากเจ้าคิดเรื่องบ้ากาม ข้าจะส่งเจ้าลงไป แล้วค่อยส่งคนทั้งตระกูลของเจ้าไปยมโลก ให้ชาติสุนัขอย่างเจ้าสนุกเสียให้พอ”
เจ้าโสมน้อยเตะหวงหวยฮั่วจนร้องโอดโอย
เถิงเจาค่อยๆ ผ่อนคลายมือที่กำลังจะร่ายอาคมอย่างเงียบๆ หันหลังกลับ เดินไปหาลูกน้องที่ติดตามหวงหวยฮั่วมา
“พวกเจ้า พวกเจ้ากบฏแล้ว กล้าดีอย่างไรมาทุบตีนายท่านหวง!” ชายผู้หนึ่งที่ท่าทางร้ายกาจดึงกริชออกมา พุ่งไปทางเถิงเจา
เข้ามาเลย!
ความหดหู่ในใจกังวลว่าจะไม่มีที่ให้ระบายอยู่พอดี
เถิงเจาหยิบยันต์สีเหลืองหนึ่งกองออกมาจากแขนเสื้อ หลบการโจมตีของคนเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว กระโดดไปทางซ้ายทีขวาที แล้วฝังยันต์ลงในสถานที่ที่เขาเล็งไว้เหล่านั้น ไม่นานเมื่อใช้ยันต์เสร็จ มือทั้งสองข้างของเขาก็ร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว ปากท่องคาถา กระทืบเท้าเบาๆ ค่ายอาคมก็ทำงานแล้ว
ค่ายอาคมเขาวงกตได้กักขังคนเหล่านั้นไว้ ก็ไม่รู้ว่ามองเห็นอะไรในค่ายอาคม จากนั้นก็เริ่มทุบตีกันเอง
“เอาเขาโยนเข้าไป” เถิงเจาให้เจ้าโสมน้อยโยนหวงหวยฮั่วเข้าไปในค่ายอาคม
“ได้เลย” เจ้าโสมน้อยใช้เท้าเตะเขาเข้าไปในค่ายอาคม “ไปซะ!”
ทั้งสองคนปัดมือ มองดูคนเหล่านั้นวิ่งไปมาในค่ายอาคม และเมื่อหวงหวยฮั่วเข้าร่วมด้วย สถานการณ์ก็เปลี่ยนไป
เจ้าโสมน้อยเห็นว่าหวงหวยฮั่วถูกตัวเองเตะจนหนอนน้อยแทบจะขาดแล้ว ซ้ำยังกอดก้อนหินบนพื้นและถูไม่หยุด มุมปากกระตุก กล่าวว่า “ข้าไม่ได้ทำให้เขาใช้การไม่ได้ เป็นเขาที่ทำตัวเอง คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเขายังมีความฝันว่าอยากจะเป็นขันที”
เถิงเจาอดทน เมื่อทนไม่ได้อีกต่อไปก็ลากเขาหันกลับออกไป “อย่าดูเลย เจ้าไปเรียนรู้อะไรไร้สาระมาก็ไม่รู้”
เจ้าโสมน้อยกล่าวว่า “อย่างข้าเรียกว่าเข้าเมืองตาหลิ่วก็หลิ่วตาตาม เจ้าดูสิว่าตอนนี้ข้ามีกลิ่นอายของมนุษย์แล้วใช่หรือไม่”
เถิงเจา “…”
ข้ารู้แค่ว่าเจ้ากลายเป็นคนลามก!
ป๊อก
เจ้าโสมน้อยกุมหน้าผากพลางร้องอุทาน “ใคร ใครมันกล้ามาลอบทำร้ายท่านปู่อย่างข้า แน่จริงก็มาตัวต่อตัว”
เถิงเจาสีหน้าอึดอัดเล็กน้อย
ฉินหลิวซีมองไปยังเจ้าโสมน้อย ยิ้มใบหน้านิ่งพลางกล่าวว่า “ท่านปู่?”
“เอ่อ…ข้าไม่กล้า!” เจ้าโสมน้อยสีหน้าลำบากใจ ก้าวเข้าไปด้วยรอยยิ้มประจบประแจง “ท่านมานานแล้วหรือ”
“ก็มานานพอที่จะได้ชมละครสนุกๆ เกี่ยวกับคนปากร้ายที่ด่ากราดไปทั่ว”
เจ้าโสมน้อยเกาศีรษะพลางเอ่ย “ก็ข้าโมโหนี่นา”
ฉินหลิวซีหันไปมองหวงหวยฮั่วที่กำลังถูหินอย่างบ้าคลั่งด้วยสายตาเย็นชา กล่าวว่า “หมัดแลกหมัด นับว่าไม่เลวเลย แต่สามารถทำได้ยิ่งกว่านี้อีก เขาไม่ได้สนใจความเป็นตายของราษฎรชั้นต่ำ เช่นนั้นก็ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนั้น”
เจ้าโสมน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “ท่านหมายความว่าให้เอาไปโยนไว้ในกองของผู้ป่วยหรือ”
“มีเพียงได้รับความรู้สึกแบบเดียวกันเท่านั้นจึงจะสามารถรับรู้ได้ว่าชีวิตของเขาก็ไม่ได้สูงส่งเพียงนั้น” ฉินหลิวซีแสยะยิ้ม
“มีคนคอยคุ้มกะลาหัวเขาอยู่ ก็ไม่เป็นไรหรือ ได้ยินมาว่าคนผู้นั้นคือผู้ว่าการหลิว!”
“แต่ผู้ที่คุ้มกะลาหัวพวกเจ้าคือข้า!” ฉินหลิวซีชี้ไปยังหวงหวยฮั่วแล้วกล่าวว่า “เป็นเขาที่มาล่วงเกินพวกเจ้าก่อน พิสูจน์ได้ว่าเขาต้องได้รับบทเรียน เจ้าตอบโต้ความต้องการของเขา สั่งสอนให้เขาได้รับบทเรียน นั่นก็เป็นจุดสิ้นสุดของเวรกรรมนี้”
ทั้งสองคน “…”
ฟังดูดี แต่กลับรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ!
ฉินหลิวซียกมือขึ้น พลังโชคร้ายที่มองไม่เห็นลากคนเหล่านั้นขึ้นมา กล่าวว่า “คนป่วยอยู่ที่ไหน นำทางไป”
เถิงเจากล่าวว่า “ไม่ต้องหรอกขอรับ ยังมีที่ที่ดีกว่านี้ให้ไป”
เขาหันหลังแล้วเดินจากไป เจ้าโสมน้อยมองไปในทิศทางนั้น เปลือกตากระตุก สมกับเป็นอาจารย์ลูกศิษย์กันจริงๆ คนโหดเหี้ยมเช่นนี้ออกมาจากสำนักเดียวกัน
ที่เถิงเจานำทางไปก็คือสถานที่ที่คนตายกองรวมกันในหลี่เจียถุน ล้วนเป็นคนที่เสียชีวิตในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ยังไม่ทันได้เผา มีกลิ่นฉุนของกลิ่นไหม้ลอยอยู่ในอากาศ ซ้ำยังมีกองฟืนจำนวนมาก และกองไฟที่ยังดับไม่หมด บนนั้นมีกระดูกกระจัดกระจายอยู่
ฉินหลิวซีโยนพวกเขาไว้ข้างกองศพ ร่ายอาคม ทำให้พวกเขาตื่นขึ้นมา
หวงหวยฮั่วและคนอื่นๆ ฟื้นขึ้น สิ่งแรกที่พวกเขาเห็นคือศพที่น่าสยดสยองมีรอยฟกช้ำสีม่วงและคราบเลือดบนใบหน้า ตายตาไม่หลับ อดหัวใจเต้นเร็วด้วยความตกใจกลัวไม่ได้ ส่งเสียงกรีดร้องอย่างน่าสังเวช
“อ๊ากกก”
คนที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเขาล้วนแต่ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ตะเกียกตะกายกลิ้งอยู่บนพื้นวิ่งหนีไป แต่พวกเขาได้ต่อสู้กันในค่ายอาคมของเถิงเจา ร่างกายเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ทันทีที่วิ่งก็พากันสะดุดล้มอยู่บนพื้น ร้องไห้เรียกหาบิดามารดา
หวงหวยฮั่วอนาถยิ่งกว่า ร่างกายราวกับถูกกดทับ ไม่มีแรงแม้แต่นิด ท่อนล่างราวกับผุพัง เจ็บปวดจนรู้สึกชา แต่กลับคลานอยู่บนพื้นหนีไปตามสัญชาตญาณ ทันใดนั้นมือไปคว้าอะไรบางอย่างได้ เมื่อมองดูให้ดีก็พบว่าเป็นกระดูกนิ้วเท้าสดๆ ใหม่ๆ ที่ถูกทิ้งไว้ลวกๆ
กรีดร้องขึ้นอีกครั้ง เขาตาลอยเป็นลมหมดสติไปในที่สุด