คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1130 อาจารย์จะช่วยเจ้าถอดหมวกขุนนางของเขาออกเอง
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 1130 อาจารย์จะช่วยเจ้าถอดหมวกขุนนางของเขาออกเอง
ตอนที่ 1130 อาจารย์จะช่วยเจ้าถอดหมวกขุนนางของเขาออกเอง
เมื่อเห็นหวงหวยฮั่วและคนอื่นๆ ตกใจจนเป็นลมไป ฉินหลิวซีก็ไม่สนใจด้วยซ้ำ คนเหล่านี้ขูดเลือดขูดเนื้อราษฎร รังแกบุรุษขืนใจสตรี ไม่มีใครเป็นผู้บริสุทธิ์สักคน
ฉินหลิวซีมองไปยังสถานที่ที่มีคนตายกองอยู่ เป็นเนินเขาที่อยู่ห่างไกลจากใจกลางหมู่บ้าน เป็นสถานที่ทุรกันดาร แต่ได้ปลูกต้นหวยอยู่รอบๆ ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีคนตายเป็นจำนวนมากหรือไม่จึงทำให้สถานที่แห่งนี้ตอนนี้เต็มไปด้วยพลังหยินมารวมตัวกัน และรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
นางมองไปที่กองศพอีกครั้ง ยังไม่ทันได้หยิบกระดูกที่ถูกเผาขึ้นมา ก็ขมวดคิ้ว กล่าวว่า “เป็นใครกันที่เอาคนตายมากองไว้ที่นี่ คนก็ยังไม่ได้ถูกเผาจนหมด คิดจะสร้างพื้นที่หยินชั่วร้ายขึ้นมาหรือ”
เจ้าโสมน้อยเอ่ยว่า “จะยังเป็นใครได้อีก ย่อมเป็นขุนนางของทางการเหล่านั้น”
เถิงเจามองไปยังต้นหวยในบริเวณนั้นก่อนจะขมวดคิ้ว เขารู้ว่าคนตายล้วนถูกกองไว้ที่นั่น แต่ยังไม่เคยได้ไปดู เอาแต่คอยช่วยตรวจคัดกรองผู้ป่วย
“คิดไม่ถึงว่าที่นี่จะปลูกต้นหวยมากมายขนาดนี้” เขามองดูกองศพเหล่านั้น กล่าวว่า “จะต้องรีบเผาศพเหล่านี้ให้เร็วที่สุด ตอนนี้อากาศเริ่มร้อน เดิมทีงู แมลง หนู มดก็เยอะอยู่แล้ว หากมากัดกินศพเหล่านี้แล้วแพร่กระจายออกไปกัดคน เกรงว่าโรคระบาดหนูนี้จะยิ่งลุกลามไปอย่างกว้างขวางจนไม่สามารถควบคุมได้”
ฉินหลิวซีไม่ได้คัดค้าน ดีดคาถาไปที่กองศพ เสียงดังสนั่น กองศพลุกเป็นไฟขึ้นมา ไฟแฝงไว้ด้วยสายฟ้าค่อยๆ ทำให้พลังหยินที่อยู่รอบๆ กระจายออกไป
ขณะนี้เป็นเวลากลางคืน ทางด้านนี้ได้เกิดไฟลุกไหม้ขนาดใหญ่ขึ้นมา ย่อมมีผู้ที่คอยรักษาการณ์วิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“พวกเจ้าเป็นใครกัน มาทำอะไรที่นี่” ทหารเหล่านั้นเห็นฉินหลิวซีและคนอื่นๆ ยืนอยู่ไม่ไกลจากกองศพ จึงอดไม่ได้ที่จะรวบรวมความกล้าเอ่ยถาม
เถิงเจาก้าวออกมา กล่าวว่า “ข้าคือนักพรตเสวียนอี”
ที่หลี่เจียถุนมีนักพรตน้อยมาจากอารามชิงผิงสองคน ทุกคนที่ดูแลพื้นที่ล้วนรู้เรื่องนี้ เมื่อได้ฟังดังนั้นจึงถามว่า “เหตุใดท่านนักพรตจึงมาอยู่ที่นี่”
“อากาศเริ่มร้อนขึ้น หากไม่รีบเผาทำลายศพเหล่านี้ให้เร็วที่สุด เกรงว่าจะยิ่งเป็นปัญหา” เถิงเจาชี้ไปยังคนที่อยู่บนพื้นพลางกล่าวว่า “จริงสิ ตรงนี้ยังมีอีกสองสามคน ไม่รู้ว่าวิ่งมาเจอสิ่งชั่วร้ายหรือไม่จึงได้สลบอยู่ตรงนี้ รบกวนพวกเจ้าช่วยส่งกลับไปในเขตกักกันด้วยเถิด ที่นี่มีคนตายมากมาย พลังหยินรุนแรง ไม่ควรอยู่นาน”
เจ้าโสมน้อย “…”
เจาเจา เจ้าเปลี่ยนไปแล้ว เจ้าโกหกอย่างหน้าด้านๆ เป็นแล้ว!
ราวกับให้ความร่วมมือกับคำโกหกของเขา ลมกระโชกแรงพัดผ่านไปพร้อมกับเสียงที่เหมือนเสียงครวญคราง ทำเอาคนขาสั่น ไม่อยากสนใจมากนัก รีบลากคนเหล่านั้นแล้ววิ่งหนีไป
อย่างไรเสียที่นี่ก็มีคนตายเป็นกอง ใครจะไปตรวจสอบว่ามีอะไรผิดปกติ
ฉินหลิวซีเห็นดังนั้นก็ส่ายหน้า มองดูกองไฟพลางถามว่า “ชิงหย่วนบอกว่าพวกเจ้าไปตระกูลผู้ว่าการเพื่อช่วยไล่วิญญาณร้ายให้กับคุณหนูผู้นั้น เหตุใดจึงได้มาที่นี่แล้วไม่ออกไป เป็นผู้ว่าการหลิวบังคับให้พวกเจ้ามาที่นี่หรือ”
“ข้า ข้าตอบเอง” เจ้าโสมน้อยชิงกล่าวขึ้นมาก่อนที่เถิงเจาจะเอ่ยปาก กล่าวว่า “ซีซี ท่านไม่รู้หรอกว่าคนเราหน้าด้านแค่ไหน ไล่วิญญาณร้ายปัดเป่าความหวาดกลัวนั้นเป็นเรื่องโกหก ความจริงแล้วคุณหนูหลิวผู้นั้นมาที่อารามเต๋าของพวกเราได้สักพักแล้วก็กลายเป็นบ้าเมื่อกลับไป เป็นเพราะตกหลุมรักเจาเจา อยากให้เจาเจามาเป็นสามีของนาง ด้วยเหตุนี้นางจึงได้ทำร้ายร่างกายตัวเองอย่างไม่ลังเลเพื่อบีบบังคับให้บิดาของนางมาเชิญพวกเราไปไล่วิญญาณร้าย”
เถิงเจาสีหน้าไม่ดี
“เป็นบ้าจริงๆ หรือว่าแกล้งบ้า” ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว
เถิงเจา “เรื่องจริง เพียงแต่นางคิดถึงผิดคน”
“ใช่แล้ว เป็นบ้าจริงๆ ผู้ว่าการหลิวกับภรรยาก็แปลกเช่นกัน ใช้ทั้งอำนาจใช้ทั้งเงินทองมากดดันเรียกพวกเราออกไป ทันทีที่เอ่ยปากก็จะให้เถิงเจากลับคืนสู่ทางโลก” ขณะที่เจ้าโสมน้อยกล่าว ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงความพร่ามัวที่หางตา เมื่อเหลือบมองดู ก็เบิกตาโต
กระสอบที่อยู่ในมือนางนั้นไปเอามาจากไหน คิดจะทำอะไร
เจ้าโสมน้อยไม่ได้คิดมาก เอ่ยต่อว่า “เจาเจาเป็นถึงเจ้าอาวาสคนถัดไปของอารามชิงผิง เป็นผู้สืบทอดลัทธิเต๋ามาแต่กำเนิด จะกลับคืนสู่ทางโลกไปเป็นเขยได้อย่างไร จะว่าไปแล้วต่อให้เขากลับคืนสู่ทางโลก ก็เป็นบุตรชายภรรยาเอกคนโตของตระกูลเถิงในเมืองหลวง แค่ตระกูลหลิวกระจอกๆ ก็คิดจะเอื้อมกิ่งไม้ที่อยู่สูงอย่างเจาเจาของพวกเรา? ฝันไปเถิด! พวกเราปฏิเสธแล้ว ช่วยคุณหนูหลิวผู้นั้นรักษาอาการบ้าคลั่งของนาง แล้วก็กำลังจะจากไป กลับคิดไม่ถึงว่าหลี่เจียถุนได้เกิดโรคระบาดหนู ผู้ว่าการหลิวรู้สึกถูกหักหน้า รู้ว่าพวกเราเก่งทั้งวิชาเต๋าและวิชาแพทย์ จึงส่งพวกเรามาที่หลี่เจียถุน”
“พวกเรามาก็เพื่อราษฎรเหล่านี้ ไม่ใช่เพราะเขาใช้อำนาจกดดัน” เถิงเจากลัวว่าฉินหลิวซีจะโกรธ จึงกล่าวอธิบายว่า “อีกอย่างพวกเราเชื่อว่าต่อให้มาที่นี่ก็มีกำลังที่จะปกป้องตัวเองได้ สามารถถอยได้ตลอดเวลา”
เถิงเจากล่าวว่า “อารามชิงผิงทำการรักษาการกุศลทุกปี สิ่งที่เรียกว่าหมอลัทธิเต๋านั้นมาจากต้นกำเนิดเดียวกัน ใช้วิชาแพทย์ส่งเสริมเต๋าก็เป็นการฝึกบำเพ็ญอย่างหนึ่งของพวกเรา ไม่มีเหตุผลที่จะต้องหลบหนีเมื่อเจอกับภัยพิบัติทางธรรมชาติและฝีมือมนุษย์เช่นนี้ ดังนั้นจึงอยู่ช่วยทำการรักษา”
ฉินหลิวซีเห็นว่าพวกเขาอธิบายอย่างเป็นกังวล จึงกล่าวว่า “เอาล่ะ ข้าก็ไม่ได้บอกว่าการที่พวกเจ้าอยู่ต่อนั้นผิด แต่ผู้ว่าการหลิวผู้นั้น ตอนที่พวกเจ้าไปไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติหรือ”
เถิงเจาเกาหู กล่าวว่า “ตอนที่คนตระกูลหลิวไปเข้าร่วมพิธีที่อาราม ก็ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงสั่งสมบุญจำนวนไม่น้อย”
เจ้าโสมน้อยกล่าวเสริมว่า “ตอนนี้ดูเหมือนว่าต้องเป็นเพราะคุณหนูหลิวผู้นั้นเห็นแก่ใบหน้าอันงดงามของเจ้า จึงได้หน้ามืดตามัวบริจาคมากมายขนาดนี้ เห้อ ความงามทำให้คนลุ่มหลงนั้นไม่ผิดจริงๆ”
ฉินหลิวซีเขกศีรษะเขาหนึ่งที “ตั้งแต่ที่เจ้ากลับมาก็ได้เอาแต่เที่ยวเล่นอยู่ในตลาดเสียส่วนใหญ่ ด่าคนก็ไม่ต้องใช้คำหยาบแล้ว ไปอยู่ในหมู่สตรีหรือหมู่ผู้รู้หนังสือมากันแน่”
เจ้าโสมน้อยยิ้มอย่างลำบากใจ “วีรบุรุษไม่ถามถึงที่มา ในทำนองเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องถามว่าไปเรียนรู้มาจากไหน”
ฉินหลิวซีจ้องมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “สิ่งใดไม่ควรเรียนรู้ก็ไม่ต้องไปเรียน จะทำให้พลังศักดิ์สิทธิ์บนตัวเจ้าเสื่อมเสีย”
“รับทราบขอรับ”
เถิงเจากล่าวว่า “หากพวกเรารู้ว่าพวกเขามีความคิดเช่นนี้ ไม่ว่าจะบริจาคน้ำมันตะเกียงมากมายแค่ไหน ข้าก็จะไม่ไป”
การมาครั้งนี้ ทำเอาเขารู้สึกรังเกียจจริงๆ!
“ไม่เป็นไร หากเขากล้าแตะต้องเจ้า อาจารย์จะแก้แค้นให้เจ้าเอง” ฉินหลิวซียิ้ม “เขาลอบวางแผนเจ้า อาจารย์จะช่วยเจ้าถอดหมวกขุนนางของเขาออกเอง”
ขุนนางที่สามารถตัดสินใจว่าจะเผาคนป่วยทั้งหมดให้ตายได้นั้น ซ้ำยังให้ท้ายหวงหวยฮั่วสุนัขต่ำช้าผู้นี้ที่เป็นน้องชายภรรยา จะเป็นขุนนางที่ดีได้อย่างไร
เจ้าโสมน้อยเหลือบมองกระสอบในมือนาง คิดในใจ คงไม่ใช่เพียงแค่ถอดหมวกขุนนางออกหรอกกระมัง
ในคืนนั้นเขาพาเถิงเจาติดตามใครบางคนเข้าไปในสำนักงานของผู้ว่าการ ลากผู้ว่าการหลิวออกจากที่นอนอันแสนสบายมาใส่กระสอบ ต่อยเตะทุบตี จากนั้นก็ปล่อยให้เขาเปลือยเปล่า สวมเพียงกางเกงขาสั้นท่อนล่างแล้วห้อยหัวไว้หน้าประตูใหญ่ที่ว่าการอำเภอ ถูกคนชี้มือชี้ไม้อยู่เป็นเวลานาน
ผู้ว่าการหลิวรู้สึกอายและโกรธมาก สาบานว่าจะจับกุมโจรที่เหยียบหยามเขาเช่นนี้ ปรากฏว่าคนรับใช้มารายงานว่าห้องตำราถูกรื้อค้น เขารีบไปตรวจสอบ พบว่าสมุดบัญชี ทองคำและเงินในลิ้นชักลับหายไปหมดแล้ว!
แย่แล้ว ผู้ว่าการหลิวล้มลงกับพื้น ได้รับข่าวสารอย่างต่อเนื่อง ไม่มีเวลามาสนใจฮูหยินหลิวที่ร้องไห้มาหาเขาให้จับคนที่ทำให้น้องชายถูกตัดหนอนน้อย
เจ้าโสมน้อยและเถิงเจาที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ต่างก็รู้สึกว่าพวกเขายังขาดอาวุธธรรมดาที่ไม่ได้มีความวิเศษ สิ่งนั้นเรียกว่ากระสอบ!