คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1134 ข้าจะใช้วิชาเต๋าเอาชนะวิชาเต๋า
ตอนที่ 1134 ข้าจะใช้วิชาเต๋าเอาชนะวิชาเต๋า
การที่ผู้ว่าการหลิวถูกจับ ย่อมเป็นเพราะหลักฐานที่ฉินหลิวซีส่งไปให้เกี่ยวกับการฉ้อโกงและขูดเลือดขูดเนื้อราษฎร และการที่ชื่อสื่อ[1]มาเร็วขนาดนี้ ก็เพราะเขาเป็นเซียวชื่อสื่อซึ่งเคยติดต่อกับฉินหลิวซีมาก่อน
เซียวชื่อสื่อเป็นคนหัวโบราณแต่ก็มีความจงรักภักดี เพียงแต่ไม่ค่อยรู้จักการยืดหยุ่น ดังนั้นเขาจึงนั่งอยู่ในตำแหน่งเดิมมาหลายปีแล้ว เดิมทีปีที่แล้วก็มีโอกาสที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปล่วงเกินเบื้องสูงเข้า จึงถูกลดตำแหน่งลงมา
ตัวเขาเองก็ไม่ได้สนใจ อย่างไรเสียก็มีคำกล่าวที่ว่าเลื่อนตำแหน่งสิบปีก็ยังไม่สาย เขาเป็นชื่อสื่อของหนิงโจวได้เพียงแปดปี ยังรอได้ มีนายอำเภอบางคนหลังจากเป็นมาแล้วสามปีก็ยังเป็นต่อไปอีกสามปีไม่ใช่หรือ
ในฐานะที่เซียวชื่อสื่อเป็นชื่อสื่อของหนิงโจว ย่อมมีคนของตัวเอง เดิมทีตำแหน่งผู้ว่าการอันหนานเขาได้เล็งคนของตัวเองไว้แล้ว กลับคิดไม่ถึงว่าจะเกิดความสับสนขึ้น เดิมทีเขากับหลิวหวยจงก็ไม่ลงรอยกัน ตอนนี้ฉินหลิวซีได้ยื่นหลักฐานเอาผิดมาให้ เป็นโอกาสที่ดีที่จะกดหัวผู้ว่าการหลิวให้จมน้ำ เขาจะไม่มาได้อย่างไร
และเนื่องจากฉินหลิวซีอาสาไปรักษาการกุศลในพื้นที่โรคระบาด เมื่อนึกถึงคุณธรรมของนาง เขาจึงได้เดินทางมาด้วยตัวเอง
โชคดีที่เขามาด้วยตัวเอง มิเช่นนั้นก็คงไม่ได้เห็นว่าผู้วาการหลิวบ้าคลั่งขนาดนี้ ยังต้องการจุดไฟเผาหมู่บ้านทั้งๆ ที่รู้ว่ามีสูตรยามหัศจรรย์รักษาโรคระบาดนี้ได้แล้ว หากปล่อยให้เขาทำสำเร็จขึ้นมาจริงๆ แม้แต่ตัวเองก็จะถูกเขาทำให้เดือดร้อนกลายเป็นนักโทษรายใหญ่ ตำแหน่งนี้ก็จะถูกเลื่อน เพียงแต่เป็นการเลื่อนลง
เมื่อเซียวชื่อสื่อคิดถึงผลที่ตามมาก็มีเหงื่อเย็นไหลออกมา เมื่อเห็นว่าชาวบ้านในหลี่เจียถุนกำลังจะก่อจราจล ก็รีบให้ความมั่นใจกับพวกเขาว่าจะไม่เผาหมู่บ้าน และจะไม่ยอมแพ้ ทางการจะต้องจัดหาวัตถุดิบยามาให้ทุกคนได้ดื่มยาต้มจนหายดี
มีขุนนางออกหน้าให้ ฉินหลิวซีสั่นกระดิ่งสามบริสุทธิ์อีกครั้ง อย่างน้อยก็ทำให้คนเหล่านี้สงบลงได้ ทยอยกลับไปพื้นที่กักกันอยู่อย่างสงบ
ตราบใดที่ยังมีโอกาสมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว
เซียวชื่อสื่อได้สอบถามถึงประโยชน์ของยาต้มเซิงหมากระดองเต่าด้วยตัวเอง ซ้ำยังดื่มไปหนึ่งถ้วย จากนั้นก็ถามฉินหลิวซีและคนอื่นๆ ว่าสามารถใช้กับโรคระบาดอื่นได้หรือไม่
ฉินหลิวซีและคนอื่นๆ ก็พึ่งรู้ว่าเมื่อสภาพอากาศเข้าสู่เดือนหกอย่างเป็นทางการ ทางตอนใต้ได้เกิดน้ำท่วมหลายแห่ง หลังจากที่น้ำลด แสงอาทิตย์ในหน้าร้อนก็รุนแรงเป็นอย่างมาก ซากสัตว์และซากศพของคนไม่ได้รับการจัดการทันเวลา ทำให้เกิดโรคระบาดขึ้นในหลายพื้นที่ เกิดความสับสนอลหม่าน ราษฎรไร้ที่พึ่ง สิ่งที่เรียกว่าลัทธิสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือราษฎรได้เข้าถึงผู้คนมากเรื่อยๆ และดึงดูดผู้ศรัทธาจำนวนนับไม่ถ้วน
“ลัทธิสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้มีสาวกนับไม่ถ้วน จับได้หนึ่งคนก็โผล่มาอีกหนึ่งคน ใช้คำพูดไร้สาระทำให้คนสับสนและทำให้ตื่นตระหนก แต่ผู้ศรัทธาเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นราษฎรบริสุทธิ์ พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากส่งเสริมความดีงามของลัทธิสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์นี้ พวกเราก็ไม่อาจปราบปรามสุ่มสี่สุ่มห้าได้ มิเช่นนั้นหากไปจับคนกลับมาหมดจริงๆ คุกใหญ่ก็คงไม่พอกักขัง” เซียวชื่อสื่อรู้สึกตื่นเต้น กระตุกแผลผุพองที่มุมปาก ทำเอาเขากัดฟันด้วยความเจ็บปวด กล่าวว่า “ล้วนบอกว่าเป็นความศรัทธาอย่างหนึ่ง แต่ในมุมมองของข้า นั่นเป็นการหลอกลวงราษฎร ปอกลอกทุกสิ่งที่พวกเขามี รวมถึงเงินทองและความศรัทธา ผู้ที่ลุ่มหลงมากที่สุดอาจคิดว่าคนในครอบครัวของพวกเขากำลังขวางทาง จึงยุติความสัมพันธ์ สิ่งที่เรียกว่าลัทธิสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ แท้จริงแล้วก็เป็นกลุ่มคนนอกรีตที่ชั่วร้ายมารวมตัวกัน”
เมื่อเห็นฉินหลิวซีเหลือบมองเขา อดกลั้นอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “แน่นอนว่าเสวียนเหมินผู้ชอบธรรมอย่างอารามท่าน ย่อมไม่ใช่ลัทธิระดับล่างเหล่านั้น”
ฉินหลิวซีกล่าวว่า “เมื่อภัยพิบัติทางธรรมชาติและฝีมือมนุษย์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้คนไม่ได้รับความสบายใจ เพื่อให้เกิดความวางใจ จึงได้มีการสร้างความเชื่อให้กับตัวเอง เพื่อสนับสนุนความเชื่อที่อ่อนแอ ให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ต่อไป ความเชื่อนั้นอาจเป็นบุคคลหรืออาจเป็นเทพเจ้า กระทั่งเป็นเพียงวัตถุลวงตาก็ยังได้ ดังนั้นจึงมีคนเชื่อในศาสนาพุทธ แล้วก็มีคนเชื่อในลัทธิเต๋า บางคนก็เชื่อเรื่องเทพภูเขาหรือเทพแม่น้ำ ไม่ว่าจะเชื่อในเรื่องใดก็ล้วนทำเพื่อให้ตัวเองรู้สึกสบายใจ”
ทุกคนเงียบไป
“แน่นอนว่าข้าไม่ได้เห็นด้วยกับลัทธิสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์นี้ เซียวชื่อสื่อ เกรงว่าท่านจะทำอะไรมันไม่ได้ ข้าได้ยินมาว่าแท่นบูชาของลัทธิสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์สร้างขึ้นด้วยเงินที่บริจาคโดยพระสนมหรูเฟยซึ่งเป็นที่รักของฮ่องเต้” ฉินหลิวซีกล่าวประชดประชัน
เซียวชื่อสื่อถอนหายใจ พยักหน้าอย่างหดหู่
ฉินหลิวซีดึงบทสนทนากลับมาที่หัวข้อโรคระบาด เอ่ย “เดิมทียาต้มเซิงหมากระดองเต๋าเป็นการรักษาอาการหยินหยางเป็นพิษ หากมีอาการหยินหยางเป็นพิษก็จะมีจุดแดงบนใบหน้า ปวดบวมบริเวณลำคอ อาเจียนออกมาเป็นเลือด ก็สามารถรักษาได้ หากหยินเป็นพิษก็ให้เอาฉงหวงกับสู่เจียวออก โรคระบาดข้างนอกในตอนนี้พวกเรายังไม่ได้ไปตรวจสอบว่าเป็นประเภทไหน ไม่อาจตัดสินใจได้ สูตรยานี้มอบให้แก่ใต้เท้า สามารถนำไปศึกษาได้”
ขณะที่นางกล่าวก็ได้หยิบพู่กันและกระดาษออกมาเขียนสูตรยา บอกถึงวิธีใช้ นอกจากนี้ยังเขียนสูตรยาอีกฉบับหนึ่งแล้วยื่นไปให้ด้วย ล้วนเป็นสูตรยาดีในการรักษาโรคระบาด
เซียวชื่อสื่อถือกระดาษแผ่นบางสองสามแผ่นด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน แต่กลับถามอย่างไร้ยางอายว่า “สูตรยาเหล่านี้ข้าจะแพร่กระจายไปยังสถานที่ต่างๆ โดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะสถานที่ที่มีโรคระบาดหนู เพียงแต่ไม่ทราบว่าท่านเจ้าอาวาสจะไปกำหนดสูตรยาให้สถานที่เกิดโรคระบาดแต่ละพื้นที่ได้หรือไม่”
“เรื่องทางด้านนี้ได้จบสิ้นแล้ว ทางด้านอารามชิงผิงก็เรียบร้อยแล้ว หากมีเวลาข้าจะไป” ฉินหลิวซีคิดอยู่ครู่หนึ่ง กล่าวว่า “แต่ว่าข้าคิดว่าการจัดการเรื่องลัทธิสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์นั้นจะรอช้าไม่ได้ มิเช่นนั้นหากปล่อยให้มันเติบโตขึ้นก็มีแต่จะทำให้เกิดปัญหามากขึ้นเท่านั้น”
“เหตุใดต้องคิดหาวิธี” ฉินหลิวซีกล่าวว่า “พวกเขาศรัทธาอะไร ข้าก็แค่เอาสิ่งที่พวกเขาศรัทธาลงมาบดขยี้ก็พอแล้ว”
ทุกคน “…”
นี่มันค่อนข้างอันธพาล!
เมื่อฉินหลิวซีเห็นว่าพวกเขามีสีหน้าแปลกๆ จึงกล่าวว่า “มีปัญหาอะไรหรือ ใช้วิชาเต๋าเอาชนะวิชาเต๋า ไม่ใช่เรื่องปกติหรือ”
เหอะๆ ท่านมีความสุขก็ดีแล้ว
เซียวชื่อสื่อก็ปวดหัวกับลัทธิสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน เขาก็หวังว่าจะมีคนกล้าเป็นหอกนี้ กล่าวว่า “หากต้องการความร่วมมือจากทางการ ท่านเจ้าอาวาสก็บอกมาได้เลย พวกข้าจะให้ความร่วมมืออย่างแน่นอน”
ฉินหลิวซีพยักหน้า
เซียวชื่อสื่อยุ่งอยู่กับงานราชการ ตอนนี้ได้จับตัวผู้ว่าการหลิว กำชับหวังเจิ้งสองสามประโยคแล้วก็รีบจากไป ส่วนใครเป็นผู้ว่าการคนใหม่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉินหลิวซีและคนอื่นๆ ต้องคิด
หวังเจิ้งได้ตามฉินหลิวซีไปเยี่ยมชาวบ้านที่เริ่มอาการดีขึ้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่ายาต้มเซิงหมากระดองเต่าได้ผล และนางก็ไม่ได้ถือสาที่จะเผยแพร่สูตรยานี้ จึงได้ขอสูตรยามาหนึ่งฉบับ เขากะจะให้คนคัดลอกหลายๆ ฉบับส่งไปที่โรงหมอต่างๆ เคี่ยวยาต้มให้ราษฎรดื่ม มีโรคก็รักษาโรค ไม่มีโรคก็ป้องกันไว้
การป้องกันโรคระบาดไม่ใช่เพียงแค่มียาเท่านั้น ยังต้องแน่ใจด้วยว่าจะไม่แพร่กระจาย ดังนั้นนอกจากดื่มยาป้องกันแล้ว ยังจำเป็นต้องฆ่าเชื้อหรือพิษจากสัตว์ฟันแทะอีกด้วย โดยเฉพาะสัตว์ที่ชอบแทะศพ ส่วนศพที่ไม่สามารถฝังได้ก็ต้องเผาทำลายให้หมด ส่วนราษฎรที่ไม่เต็มใจ เช่นนั้นก็จะไม่ให้ยาต้ม ซ้ำยังต้องจ่ายค่าปรับ ไม่ให้ฝังศพไว้ที่อื่น ต้องฝังในพื้นที่ของตัวเองเท่านั้น หากติดเชื้อในภายหลังก็ฆ่าไม่เว้น
กฎระเบียบที่ดูโหดร้ายนี้ทำให้หลายคนไม่กล้าขัดจุดประสงค์ของทางการ อย่างไรเสียคนตายไหนเลยจะสำคัญเท่าคนเป็น
ราษฎรไม่ต่อต้าน ทางการก็ดำเนินการอย่างราบรื่นมากขึ้น
เมื่อฉินหลิวซีแน่ใจแล้วว่าหลี่เจียถุนไม่ต้องการพวกเขาอาจารย์ศิษย์แล้วจึงได้พาเถิงเจากับเจ้าโสมน้อยกล่าวลา ตอนนี้เจ้าโสมน้อยค่อนข้างดื้อรั้น จะต้อง ‘สั่งสอน’ ให้หลาบจำ
เจ้าโสมน้อย ‘แย่แล้ว มีไอสังหาร!’
แต่ในขณะที่ฉินหลิวซีและคนอื่นๆ กำลังจะจากไป ท่านหมอจางก็ได้เรียกฉินหลิวซีไว้ “ท่านเจ้าอาวาส ข้ามีเรื่องอยากจะถาม ไม่ทราบว่าเจ้าอาวาสจะคลายข้อสงสัยให้ข้าได้หรือไม่”
[1] ชื่อสื่อ ผู้ตรวจการมณฑล