คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1136 เจ้าโสมน้อย ‘อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด!’
ตอนที่ 1136 เจ้าโสมน้อย ‘อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด!’
เถิงเจากับเจ้าโสมน้อย ตามอยู่ข้างหลังฉินหลิวซีอย่างเงียบๆ เอาแต่นึกถึงบทสนทนาของฉินหลิวซีกับท่านหมอจางอยู่ตลอด
ท่านหมอจางเป็นคนดีหรือ ใช่แล้ว อย่างที่ฉินหลิวซีกล่าว เขาได้ช่วยผู้คนมามากมายจริงๆ เขาไม่เคยหยุดทำความดีเลย แล้วเขาเป็นคนบาปหรือ
ก็ใช่เช่นกัน
ชีวิตเขาในตอนนี้ได้ปล้นมาจากจางฉงหมิงตัวจริง เขาอาจจะไม่ผิดต่อคนทั้งใต้หล้า แต่เขาผิดต่อจางฉงหมิงเพียงคนเดียว เพราะเขาไม่เพียงแต่ครอบครองร่างของจางฉงหมิง ซ้ำยังทำให้เขาไม่สามารถแม้กระทั่งจะกลับชาติไปเกิดได้
บาปกรรมนี้ใหญ่หลวงนัก!
สมมุติว่าจางฉงหมิงยังมีชีวิตอยู่ เขาจะสามารถประสบความสำเร็จมากขึ้น สามารถช่วยชีวิตผู้คนได้มากขึ้นหรือไม่ สิ่งนี้ไม่อาจจินตนาการได้ สมมติไปก็เท่านั้น
คนได้จากไปแล้ว
เพียงแค่เมื่อคิดว่าแม้แต่ดวงวิญญาณของเขาก็สลายไปแล้ว แม้แต่เจ้าโสมน้อยก็ยังรู้สึกปวดใจและหนักใจ
“ท่านอาจารย์ ท่านมองออกได้อย่างไรว่าท่านหมอจางไปยึดร่างมา” เถิงเจาถามด้วยความสงสัย
เจ้าโสมน้อยก็มองไปเช่นกัน
ฉินหลิวซีกล่าวว่า “ดวงวิญญาณของจางฉงหมิงได้สลายไปแล้ว แต่เขายังคงมีร่องรอยของความยึดติด”
เจ้าโสมน้อยรีบต่อบทสนทนาทันที “ความยึดติด เป็นความแค้นหรือ อยากให้จางฉงหมิงตัวปลอมผู้นี้ตาย ให้พวกเราทำลายตัวปลอมใช่หรือไม่”
ฉินหลิวซีเขกหน้าผากเขา “ตอนนี้เจ้ายิ่งอันธพาลมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เอะอะก็จะฆ่าแกง ข้ายังไม่ได้ชำระบัญชีก่อนหน้านี้กับเจ้าเลย เจ้าไปกระตุ้นอารมณ์ของชาวบ้านธรรมดาเหล่านั้น ให้พวกเขาระดมกำลังต่อต้าน หากเจ้าควบคุมไม่ได้ ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่”
แย่แล้ว สิ่งนี้รอเขาอยู่ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
เจ้าโสมน้อยหดคอ ร้องขอความเมตตา “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าก็ต้องมีแผนสำรองไว้อย่างแน่นอน ภูตต้นไม้เหล่านั้นกำลังรอรับคำสั่งข้าอยู่ ข้าก็แค่อยากจะเอาคืนให้เจาเจา ผู้ว่าการหลิวไม่ใช่คน”
“ที่คลุมกระสอบทรายไปเมื่อก่อนหน้านี้ ก็ได้เอาคืนไปแล้ว แม้ว่าอยากจะเอาคืน ก็ไม่ควรไปปลุกระดมชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ อาวุธไร้ดวงตา เดิมทีพวกเขาก็ร่างกายอ่อนแอเพราะโรคระบาด หากตกไปอยู่ในมือของพวกทหารที่ถือกระบี่ถือหอกเหล่านั้นขึ้นมาจริงๆ จะต้องมีดวงวิญญาณขุ่นเคืองเพิ่มมาอีกกี่ดวง หรือหากทหารทางการเหล่านั้นจุดไฟเผาขึ้นมาในทันที ใครจะหนีออกไปจากสถานที่นั้นได้” ฉินหลิวซีกล่าวตำหนิใบหน้านิ่ง “อีกอย่าง เจ้าจะรับรองได้อย่างไรว่าในหมู่ชาวบ้านเหล่านี้จะไม่มีใครใช้ความรุนแรงเพราะสะสมความคับข้องใจเอาไว้ หากพวกเขาก่อการจราจลครั้งใหญ่ คนที่ตายเป็นคนแรกย่อมเป็นผู้ที่อ่อนแอที่สุดเหล่านั้น”
เจ้าโสมน้อยถูกตำหนิจนไม่อาจเงยหน้าขึ้นได้
“ยุยงให้ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์เหล่านี้ก่อการจราจล หากฆ่าคนตายขึ้นมาจริงๆ แม้ว่าเจ้าจะเป็นปีศาจโสมพันปีก็ต้องแบกรับผลกรรมนี้ ทุกสิ่งที่เคยทำล้วนทิ้งร่องรอยไว้ บางทีเจ้าอาจทำผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ความผิดพลาดของเจ้าจะไม่ถูกลบออกจากใบกรรมเพียงเพราะเจ้าทำผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อบาปเกิดขึ้นแล้วย่อมต้องชดใช้เสมอ ข้าไม่ต้องการให้ชีวิตที่เหลือของเจ้าต้องมีอยู่เพื่อชดใช้บาป” ขณะที่ฉินหลิวซีกล่าวก็รู้สึกเจ็บที่หัวใจอย่างอธิบายไม่ถูก
เจ้าโสมน้อยได้ยินถึงความเศร้าในคำพูดของนาง ในใจรู้สึกตื่นตระหนก กล่าวด้วยความรู้สึกผิดว่า “ซีซี ข้าผิดไปแล้ว ต่อไปข้าจะไม่ทำเช่นนี้อีกแล้ว ท่านลงโทษข้าเถิด”
เถิงเจายืนอยู่ข้างเขา กล่าวว่า “ข้าเองก็ผิด ข้าไม่ได้ห้ามเขาทำเรื่องบ้าๆ นั้นเพราะความเห็นแก่ตัวของข้า ท่านอาจารย์ ลงโทษข้าด้วย”
เจ้าโสมน้อยซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก สหายข้า ไม่เสียแรงที่ออกโรงช่วยเจ้า
ฉินหลิวซีมองดูพวกเขาทั้งสองทำท่าทางเป็นสหายรัก จมูกกระตุก สบถเบาๆ กล่าวว่า “พวกเจ้านับว่าร่วมทุกข์ร่วมสุขกันเลยทีเดียว”
ทั้งสองคนไม่กล้ายิ้ม
“ก็ดี บนเส้นทางการฝึกบำเพ็ญ เดิมทีก็เหงาอยู่แล้ว มีสหายร่วมทางคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันย่อมง่ายกว่าเสมอ ในวันหน้าก็จะต้องจดจำการช่วยเหลือซึ่งกันและกันของพวกเจ้าในวันนี้ไว้ด้วย”
เจ้าโสมน้อยกล่าวว่า “ข้าจะจำไว้อย่างแน่นอน”
เถิงเจาก็พยักหน้าเช่นกัน
“เอาล่ะ เมื่อกลับไปก็ค่อยสวดพระสูตรส่งวิญญาณให้กับดวงวิญญาณของผู้ตาย แล้วค่อยท่องหัวใจพระสูตรร้อยครั้ง”
“หา!” เจ้าโสมน้อยแสดงสีหน้าเศร้าสร้อย ยกอุ้งมือทั้งสองข้างขึ้นมาอยากจะร้องขอความเมตตา “ช่วงนี้ข้าดูแลผู้ป่วยทุกวัน…”
“หากยังพูดไม่หยุดจะให้ท่องพันครั้งแล้วก็คัดลอกด้วย”
น่ากลัวเหลือเกิน
เมื่อเห็นว่าฉินหลิวซีไม่ได้เอาความเรื่องนี้แล้วจึงได้ดึงกลับไปที่หัวข้อเดิม “เมื่อครู่นี้ท่านยังไม่ได้ตอบเลย ความยึดติดของจางฉงหมิงผู้นั้นคืออะไรกันแน่”
ฉินหลิวซีกล่าวว่า “เขาแค่อยากให้ใครสักคนรู้ว่าเขาไม่ใช่เขา จางฉงหมิงตัวจริงไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว! ในเมื่อข้ารู้แล้ว ความยึดติดก็ได้หายไปแล้ว เขาก็แค่อยากได้ตัวตนของตัวเองกลับคืนมาเท่านั้น”
ทั้งสองคนตกตะลึง
เป็นเช่นนี้เองหรือ
ไม่ได้ต้องการแก้แค้นแล้วก็ไม่ได้อยากทวงคืนร่างกายนั้น ขอเพียงแค่ต้องการตัวตนของตัวเองกลับคืนมา แม้ว่าเขาจะสลายไปแล้ว แต่เขาก็หวังว่าจะมีสักคนที่รู้ว่าความจริงแล้วจางฉงหมิงตัวจริงไม่มีอยู่อีกต่อไปแล้ว!
ให้ตายเถอะ ท่านหมอจางได้ทำบาปใหญ่หลวงแล้วจริงๆ!
เถิงเจาสับสนเล็กน้อย “เหตุใดเขาจึงไม่โกรธแค้นที่ตัวเองถูกขโมยร่างไป ไม่แย่งกลับคืนมาด้วยซ้ำ”
“บางคนมีจิตใจที่บริสุทธิ์ตั้งแต่เกิดจนตาย” น้ำเสียงของฉินหลิวซีแฝงไว้ด้วยความเสียใจ
ทั้งสองคนเงียบไป
เจ้าโสมน้อยเม้มริมฝีปาก กล่าวว่า “ความจริงแล้วหากท่านหมอจางผู้นี้ทำชั่ว คาดว่าเขาก็คงไม่ปล่อยให้เขามายึดร่างกายของตัวเองไปหรอกกระมัง”
“เป็นเช่นนั้นจริงๆ หากทำชั่วก็จะมีการต่อต้านเกิดขึ้น แต่ผู้ที่โหดร้ายไม่พอก็จะต้องพ่ายแพ้ ท่านหมอจางก็อาจจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่มาได้นานขนาดนี้ การที่เขาปลอดภัยดี สาเหตุหลักมาจากการที่เขาใช้วิชาแพทย์ช่วยชีวิตผู้คนมากมายอย่างซื่อสัตย์”
ฉินหลิวซีมองทั้งสองคน กล่าวว่า “บุญกุศลและความศรัทธาสามารถหล่อเลี้ยงดวงวิญญาณได้ ดังนั้นอย่าทำความชั่ว และอย่าได้เอาแต่พึ่งพาโชค ความผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจนั้นก็เป็นความผิด ผลกรรมอาจกดทับเจ้าอยู่ตลอดเวลาทำให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก”
“รับทราบ”
“ท่านอาจารย์ ในเมื่อเขาเป็นวิญญาณเร่ร่อนที่ยึดร่าง เหตุใดท่านไม่ทำร้ายเขา ปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ มันยุติธรรมกับจางฉงหมิงตัวจริงหรือ” เถิงเจาเอ่ยถามขึ้นมา
ฉินหลิวซีหยุดแล้วกล่าวว่า “ความจริงแล้วในโลกใบนี้ไม่มีความยุติธรรมที่แน่นอน แม้กระทั่งวิถีแห่งสวรรค์ก็เช่นเดียวกัน หากจางฉงหมิงยังอยู่ บางทีข้าอาจจะลงมือ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเคารพความปรารถนาของเขา ความปรารถนาเดิมของจางฉงหมิงคือเพียงบอกให้ผู้อื่นรู้ความเป็นมาเป็นไปของเขา ไม่ใช่การฆ่าท่านหมอจางผู้นี้ อีกอย่างก็คือ แม้ว่าข้าจะทำลายเขาแล้ว สุดท้ายจะนำมาซึ่งสิ่งใดก็เพียงแค่ฆ่าหมอผู้มีเมตตาหนึ่งคนเพื่อตัดโอกาสมีชีวิตรอดของคนจำนวนมากก็เท่านั้น”
“แทนที่จะทำลายเขา ไม่สู้เก็บเขาไว้ อย่างไรเสียเขาก็เป็นหมอ วิชาแพทย์ของเขาสามารถสร้างประโยชน์ต่อผู้คนมากมายได้” ฉินหลิวซีก้าวไปข้างหน้า กล่าวว่า “บางครั้งการมีชีวิตอยู่นั้นยากกว่าการตาย โดยเฉพาะคนที่ต้องชดใช้บาป! การดำรงอยู่ของเขาต่อจากนี้สามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ก็เพียงพอแล้ว”
เจ้าโสมน้อยเอียงศีรษะพลางถามว่า “เขาจะเป็นหมอที่ไม่เห็นแก่เงินทองเหมือนอย่างเคยตลอดไปหรือไม่”
“แน่นอน”
ราวกับตอบรับคำพูดของนาง หลังจากที่หมอจางพื้นจากอาการสลบก็เล่าให้หลานชายฟังเกี่ยวกับเรื่องของตัวเอง กล่าวว่า “เหลียงเอ๋อร์ ปู่จะไปยังพื้นที่โรคระบาดอื่น ต่อไปนี้โรงหมอตระกูลจางต้องพึ่งพาเจ้าแล้ว”
ชีวิตที่เหลืออยู่ของเขาเป็นได้เพียงจางฉงหมิงที่ไม่มีตัวตนอยู่อีกต่อไปผู้นั้น!