คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1137 เจ้าคู่ควรเป็นสหายเต๋ากับข้าด้วยหรือ
ตอนที่ 1137 เจ้าคู่ควรเป็นสหายเต๋ากับข้าด้วยหรือ
โรคระบาดหนูมีสูตรยารักษาและป้องกันแล้ว ราชสำนักได้ออกประกาศอย่างเป็นทางการ ราษฎรทั่วไปสามารถไปรับยาต้มเซิงหมากระดองเต่าหนึ่งถ้วยได้ที่โรงหมอเพื่อป้องกันโรค ผู้ที่ป่วยก็รักษา ผู้ที่ไม่ได้ป่วยก็จะร่างกายแข็งแรงขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายในโรงหมอ ย่อมมีราชสำนักยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ แล้วก็มีผู้ที่มีความเมตตาจำนวนไม่น้อยบริจาคเงินทองวัตถุดิบยารักษาโรค
นอกจากการใช้ยาต้มเพื่อป้องกันแล้วก็ยังประกาศเตือนราษฎรว่าห้ามรับประทานซากสัตว์และต้องเผาทิ้งเพื่อป้องกันการติดโรคระบาดซึ่งจะทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิต
กฎข้อนี้ล้วนขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของราษฎร เนื่องจากตอนนี้มีภัยพิบัติทางธรรมชาติมากมาย ข้าวของราคาสูงขึ้น ราษฎรบางคนไม่มีแม้กระทั่งข้าวสารให้หุง เมื่อรู้สึกหิวก็จะเป็นผู้ที่มีจิตใจดีไปจัดการศพเหล่านั้น อย่างไรเสียก็เป็นเนื้อ สามารถกินให้อิ่มท้องได้ เป็นคนอิ่มดีกว่าเป็นผีอดตาย
เมื่อมีภัยพิบัติในพื้นที่ต่างๆ ทางตอนใต้ ในกลางเดือนหกมีข่าวดีส่งมาที่ราชสำนัก ซิ่นหยางอ๋องที่สถาปนาตัวเองเป็นฮ่องเต้ได้ตายจากไปในที่สุด เมื่อเมืองแตกซิ่นหยางอ๋องที่พยายามหลบหนีได้ถูกกองกำลังเสริมจับตัวไว้จึงได้ใช้ดาบฆ่าตัวตายในทันที และผู้ที่รักษาการณ์ก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากรุ่ยจวิ้นอ๋อง ราชทูตที่ได้รับคำสั่งให้ไปบรรเทาภัยพิบัติ
ใช่แล้ว ได้ยินมาว่าหลังจากที่รุ่ยจวิ้นอ๋องบรรเทาภัยพิบัติเสร็จสิ้น ระหว่างทางกลับเมืองหลวง ยังไม่ทันได้เข้าเมืองหลวงก็ได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ให้นำกำลังเสริมไปปราบซิ่นหยางอ๋องผู้ก่อกบฏ
และหลังจากรุ่ยจวิ้นอ๋องได้รับราชโองการ ก็ได้เลือกทหารและสั่งให้ออกเดินทาง ส่วนตัวเองได้พาผู้ที่เชื่อถือได้สี่คนขี่ม้าเร็วไปยังเขตแดนเมืองซิ่นหยาง เสี่ยงอันตรายแอบเข้าไปในเมืองซิ่นหยางในสถานะของขอทานโดยแกล้งทำเป็นบ้า หลังจากทราบการกระจายกำลังทหารและภูมิประเทศในเมืองซิ่นหยางแล้ว เขาก็ได้เผาเสบียงอาหารของทหารกบฏก่อน จากนั้นก็ได้แพร่กระจายข่าวลือไปทั่วเมืองว่ากองทัพกบฏกำลังจะโจมตีเมือง และในเมืองก็มีกองกำลังทหารไม่เพียงพอ เสบียงอาหารถูกทำลาย ซิ่นหยางอ๋องวางแผนละทิ้งเมืองหนีไป เมื่อกองกำลังทหารบุกเข้ามาในเมืองก็ได้จุดไฟเผาเมืองซินหยาง
เมื่อข่าวลือนี้แพร่กระจายออกไป ทำให้ผู้คนในเมืองตื่นตระหนกในทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อซิ่นหยางอ๋องสั่งให้ยึดเสบียงอาหารมาจากราษฎร ยิ่งทำให้สถานการณ์ไปถึงจุดสูงสุด
ในฐานะผู้ปกครองเมือง กำลังใจของราษฎรไม่เป็นหนึ่งเดียวกัน ขวัญกำลังใจของทหารแตกกระจาย ก็ยากที่จะรวบรวมกลับคืนมาได้อีกครั้ง
เดิมทีซิ่นหยางอ๋องก็เป็นกบฏ ไม่ใช่มังกรตัวจริงที่ได้รับคำสั่งจากสวรรค์ เมื่อสิ่งเหล่านี้แตกกระจาย ก็สูญเสียโชคลาภที่เหลืออยู่ในทันที พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง
“การที่กลุ่มก่อกบฏพ่ายแพ้ก็เป็นเพราะสิ่งที่เขาทำทำให้เทพเจ้าแห่งสวรรค์ขุ่นเคืองจึงได้ลงโทษเขา บาปกรรมของเขา ใต้หล้าไม่อาจอภัยได้ มิเช่นนั้นหลุมศพของเด็กนับหมื่นจะไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน เทพเจ้ารักราษฎรดั่งลูกหลาน นับถือเทพเจ้าจึงจะมีสุขภาพแข็งแรงชีวิตยืนยาวโดยปราศจากโรคภัยไข้เจ็บและภัยพิบัติ แม่นางผู้นี้ ข้าเห็นว่ากลางหว่างคิ้วของเจ้ามืดมน สีหน้าซีด รู้สึกไม่สบายตรงไหน มีไข้เรื้อรังหรือไม่ รับน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปทำพิธีชะล้างแล้วค่อยดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ เทพเจ้าแห่งสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์จะช่วยคุ้มครองเจ้า”
ฉินหลิวซีสีหน้าเย็นชา ‘เป็นนักต้มตุ๋นมาหลายปี ในที่สุดก็มีคนบอกว่าข้าหว่างคิ้วมืดมน คิดจะหลอกเอาเงินข้าหรือ!’
นางมองสิ่งที่เรียกว่าสาวกลัทธิตรงหน้าซึ่งสวมชุดสีขาวแต่มีนิสัยเหมือนสุนัขต่ำช้า คันมือคันไม้เล็กน้อย อยากจะก้าวเข้าไปถลกหนังนี้ออก สวมชุดขาวทั้งตัวแล้วคิดว่าจิตใจที่ดำมืดจะกลายเป็นสีขาวได้หรือ ฝันไปเถอะ!
“เจ้าบอกว่ากลางหว่างคิ้วข้ามืดมนหรือ” ฉินหลิวซีมองชายผู้นั้น กล่าวว่า “เช่นนั้นข้าก็จะดูโหงวเฮ้งให้เจ้าด้วย เจ้ามีหายนะนองเลือด จะตายในไม่ช้าแล้ว”
เมื่อที่ถือน้ำศักดิ์สิทธิ์ของชายชุดขาวแข็งทื่อ สายตาที่มองฉินหลิวซีเย็นชาเล็กน้อย กล่าวว่า “แม่นางอย่าได้กล่าวคำพูดหยาบคายจะดีกว่า มันจะเป็นบาปกรรมทางคำพูด”
“ใช่แล้ว สาวน้อยอย่างเจ้าเหตุใดจึงไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี สาวกหวังดีมอบน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อคุ้มครองเจ้าให้แคล้วคลาด ไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ แล้วยังด่าคนอื่นอีก” มีป้าท่านหนึ่งตะโกนเสียงดัง
“ใช่แล้ว คนผู้นี้ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี”
“ไล่นางออกไป นางไม่สมควรมาที่วิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้”
เมื่อคนหนึ่งเอ่ยปาก คนที่เหลือก็ทยอยกันล้อมวงเข้ามา ราวกับฉินหลิวซีไปทำเรื่องไม่ดีอะไรไว้ ชี้พลางด่าสาปแช่งนาง
สาวกลัทธิผู้นั้นแสร้งทำเป็นกล่าวเกลี้ยกล่อม แต่กลับทำให้พวกเขาอารมณ์ฉุนเฉียวกว่าเดิม เอาแต่บอกว่าไม่ให้ความเคารพเทพแห่งสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ จะทำให้ต้องประสบกับโชคร้าย
เมื่อเห็นเช่นนั้น สาวกลัทธิก็เหลือบมองฉินหลิวซีด้วยความภาคภูมิใจ แต่เมื่อสบตากับสายตาที่เย็นชาของนาง เขาก็รู้สึกเย็นสันหลัง ราวกับมีบางอย่างระเบิดในสมอง รู้สึกเจ็บแปล๊บๆ ที่จมูกก็ยิ่งรู้สึกเย็นขึ้นมา
“ว้าย เลือด สาวกมีเลือดไหล!” มีคนกรีดร้อง
สาวกลัทธิสัมผัสที่จมูก เห็นสีแดงเต็มมือไปหมด เขาตกตะลึง หางตากระตุก หายนะนองเลือด
เมื่อเห็นว่าผู้ศรัทธาที่อยู่รอบตัวเงียบไปครู่หนึ่ง สาวกลัทธิผู้นั้นก็รีบตอบสนองทันที กล่าวว่า “ช่วงนี้อากาศร้อน ข้าเป็นร้อนในแล้ว!”
“แต่ แต่นางบอกว่าเจ้ามีหายนะนองเลือด ซ้ำยังบอกว่าจะตายในไม่ช้า!” ไม่รู้ว่าใครพูดเสียงเบาขึ้นมา
จากนั้นเขาก็มองฉินหลิวซียืนกอดอก ท่าทางดูมั่นใจ ยิ่งทำให้หัวใจเต้นแรงกว่าเดิม ชี้พลางตะโกนใส่นางด้วยน้ำเสียงดุ “เจ้าเป็นใครกัน มาสร้างความสับสนให้ผู้คนด้วยคำพูดชั่วร้าย”
“ข้า?” ฉินหลิวซีมองดูตัวเอง สวมชุดสีเขียว มีเพียงถุงเฉียนคุนกับเครื่องรางหยกห้อยอยู่ที่เอว ไม่สามารถมองออกถึงตัวตนได้อย่างชัดเจนจริงๆ จึงหยิบแส้หางม้าออกจากถุงเฉียนคุนออกมากอดไว้ในอ้อมแขน “จะบอกให้รู้ไว้เลยว่า ข้าคือเจ้าอาวาสอารามชิงผิงแห่งเมืองหลี นามเต๋าว่าปู้ฉิว”
ทุกคนตกตะลึง
ที่ตกตะลึงไม่ใช่เพราะนางเป็นนักพรตหญิง แต่จู่ๆ นางก็เอาแส้หางม้าออกมา เอาออกมาจากไหน
นี่มันเป็นมายากล หรือว่าเวทมนตร์
“เป็นนักพรตหรือ”
“อารามชิงผิง ข้าก็เคยได้ยิน ควันธูปเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก”
“นางเป็นท่านเจ้าอาวาสด้วย อายุน้อยขนาดนี้เลยหรือ ซ้ำยังเป็นนักพรตหญิง”
“ชู่”
เมื่อสาวกลัทธิเห็นสถานะของฉินหลิวซี ก็ใจเต้นรัว แต่กลับมีใบหน้ายิ้มแย้มพลางกล่าวว่า “ที่แท้ก็เป็นสหายเต๋า…”
“หยุดเลย ข้าเข้าสู่ลัทธิเต๋าตั้งแต่เด็ก ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเทพแห่งสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์มากก่อน ลัทธิสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าก็แค่วิถีคนเถื่อน เดินเส้นทางสายมาร นอกรีต ยังกล้าอ้างว่าตนเองเป็นสหายเต๋ากับข้าอีก?”
ฉินหลิวซีแสยะยิ้ม กล่าวว่า “ใช้ฝักงากับดอกหยางจินมาเคี่ยวกับเห็ดขี้ควายทำเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ หลอกให้ราษฎรผู้บริสุทธิ์ดื่ม จากนั้นก็เชื่อฟังคำพูดของพวกเจ้า เป็นเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้จะทำให้คนยิ่งดื่มยิ่งเสพติดกระมัง”
สาวกสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
ฉินหลิวซีได้มองไปยังราษฎรตาแดงที่อยู่รอบตัวเหล่านั้น กล่าวว่า “พวกเจ้าล้วนเป็นคนที่ดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้ หากวันไหนไม่ได้ดื่มก็จะรู้สึกไปสบายไปทั้งตัว เมื่อดื่มแล้วก็จะรู้สึกผ่อนคลายเบาสบายใช่หรือไม่”
“นี่ นี่เป็นความมหัศจรรย์ของน้ำศักดิ์สิทธิ์” มีราษฎรที่ถูกล้างสมองเอ่ยขึ้นมา “ข้ามีอาการปวดหัวมาหลายปี หลังจากที่ดื่มก็ไม่ปวดหัวแล้ว”
“ใช่แล้ว เดิมทีข้าท้องผูก หลังจากที่ดื่มก็ถ่ายคล่อง”
“โง่เง่า นั่นเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ไหนกัน เดิมทีฝักงาก็ช่วยทำให้ลำไส้ชุ่มชื่น เจ้าโชคดี เพียงแต่กินสิ่งนี้ก็สามารถรักษาอาการท้องผูกของเจ้าได้แล้ว ดอกหยางจินกับเห็ดขี้ควายล้วนทำให้เกิดอาการประสาทหลอนเสพติดได้ง่าย เมื่อเจ้าดื่มเข้าไปก็จะสะลึมสะลือไร้สติ ย่อมรู้สึกว่าร่างกายไม่มีโรคภัยไข้เจ็บและความกังวล ซ้ำเจ้ายังถือว่าสาวกลัทธิอย่างเขาเป็นบิดา เอาแก้วแหวนเงินทองทั้งหมดมาประเคนด้วยมือทั้งสองข้าง” ฉินหลิวซีเอ่ยเหน็บแนม
ทุกคนตกใจ ก่อนจะมองไปยังสาวกผู้นี้ตามสัญชาตญาณ ฉินหลิวซีกล่าวถูกแล้ว ดูเหมือนพวกเขาจะเป็นเช่นนั้น
สาวกลัทธิรู้สึกราวกับผิวหนังถูกถลกออก ขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก ฉินหลิวซีเห็นพลังงานแห่งความตายบนใบหน้าของเขาจึงกล่าวว่า “เจ้าใกล้ตายแล้ว!”
อะไรนะ