คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1141 เขาอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ตอนที่ 1141 เขาอยู่ทุกหนทุกแห่ง
………………..
เรื่องเกี่ยวข้องกับลัทธิสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ เซียวชื่อสื่อจึงได้นำกองกำลังที่ว่าการมาด้วยตัวเอง เมื่อเห็นสถานการณ์ยุ่งวุ่นวายนี้ เส้นเลือดหน้าผากพลันกระตุก เหลือบมองไปยังฉินหลิวซี
การจัดการของท่านเล่นใหญ่ไม่เบาเลยจริงๆ!
ฉินหลิวซีสั่นกระดิ่งสามบริสุทธิ์ เสียงกระดิ่งดังกังวานพอๆ กับระฆังใหญ่แพร่กระจายออกไป ทำให้คนรู้สึกสั่นสะท้าน
ทุกคนต่างพากันวางมือ ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็นั่งลงกอดเข่าร้องไห้
เซียวชื่อสื่อให้เจ้าหน้าที่เอาตัวสาวกลัทธิเหล่านั้นไป ส่วนตัวเองเดินไปหาฉินหลิวซี เห็นโซ่สีดำประกายแสงในมือของนางมัดบรรดาผู้เฒ่าทั้งหลายไว้ กวาดสายตามอง กลับไม่เห็นประมุขผู้นั้นที่เขาเคยเห็นมาก่อน จึงถามว่า “ประมุขที่เป็นผู้ดูแลหนีไปได้หรือ”
ฉินหลิวซีบุ้ยปากไปทางวิหารใหญ่ กล่าวว่า “เปล่าเสียหน่อย อยู่ข้างในนั่นไง”
เซียวชื่อสื่อไม่เข้าใจ แต่นั่นจึงจะเป็นหัวหน้าใหญ่ เขารีบพุ่งเข้าไปในวิหารทันที ในไม่ช้าก็ถูกกลิ่นเลือดรุนแรงปะทะเข้าใส่ทำให้เขาเวียนหัว และเมื่อเห็นเศษซากชิ้นเนื้อกระจัดกระจายเหล่านั้นก็เปลือกตากระตุก
“เจ้าดูสิ ประมุขอยู่ทุกหนทุกแห่ง” เสียงของฉินหลิวซีดังอยู่ข้างหูของเขาอย่างแผ่วเบา
ปลายนิ้วเซียวชื่อสื่อกระตุก มองดูฉากเลือดอันน่ากลัวนี้ แล้วมองไปที่นาง กำลังจะอ้าปาก
“ไม่ใช่ฝีมือข้า” ฉินหลิวซีกล่าวว่า “เขาระเบิดตัวเองต่อหน้าข้า”
ข้าไม่เชื่อ!
แต่ถึงจะไม่เชื่อเขาก็ไม่กล้าเอ่ยออกมา
ในหัวของเซียวชื่อสื่อตื้อไปหมด เขากำลังปวดหัวว่าจะเขียนคดีนี้อย่างไร
“แท่นบูชาของลัทธิสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นี่ ตอนนี้ถูกทำลายแล้ว ข้าขอแนะนำให้ชื่อสื่อรีบสอบปากคำผู้เฒ่าเหล่านี้ ค้นหาสมุดบัญชีอะไรเหล่านั้น พวกเขาดึงดูดผู้ศรัทธาจำนวนมาก หลอกลวงเอาเงินกับผู้คนนับไม่ถ้วน แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเงินทองเหล่านั้นถูกใช้อย่างสุรุ่ยสุร่ายหรือถูกส่งไปที่ไหนกันแน่” ฉินหลิวซีเอามือไขว้หลังพลางเอ่ยว่า “นอกจากนี้ ให้เผยแพร่คำสารภาพผิดของพวกเขาไปทุกเมืองทุกอำเภอโดยเร็วที่สุด เพราะไม่รู้ว่าที่อื่นได้มีสาขาอีกเท่าไหร่ และมีราษฎรที่ถูกหลอกอีกมากมายแค่ไหน ดังนั้นการจัดการสาวกลัทธิเหล่านี้ ยิ่งเร็วยิ่งดี ยิ่งเคร่งครัดยิ่งดี”
เซียวชื่อสื่อพยักหน้า
“จริงสิ มีใครอยู่เหนือท่านหรือไม่” ฉินหลิวซีเอ่ยถาม
เซียวชื่อสื่อ “ท่านเจ้าอาวาสหมายความว่าอย่างไร”
ฉินหลิวซีกล่าวว่า “พระสนมหรูเฟยในวังหลวงเป็นหนึ่งในผู้ที่บริจาคเงินเพื่อสร้างลัทธิสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือลัทธิสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ได้รับการคุ้มครองจากนาง ตอนนี้ถูกท่านทำลายแล้ว ท่านจะต้องถูกหมายหัวอย่างแน่นอน เกรงว่าหมวกขุนนางของท่านจะหล่นแล้ว”
เซียวชื่อสื่อชาเล็กน้อย นี่เป็นฝีมือท่านไม่ใช่หรือ
ราวกับฉินหลิวซีอ่านความคิดของเขาออก ยิ้มพลางกล่าวว่า “แม้ว่าจะเป็นฝีมือข้า แต่ก็คงไม่สามารถให้ข้าเขียนบันทึกเล่าเรื่องราวได้หรอกกระมัง นี่เป็นเขตแดนของท่าน ท่านเป็นขุนนาง ดังนั้นหากพระสนมหรูเฟยจะโกรธ ก็จะจุดไฟเผาบนหัวของท่านก่อน!”
เซียวชื่อสื่อสีหน้าเปลี่ยนไป กล่าวตำหนิด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “หากปล่อยให้ลัทธิสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ทำตามอำเภอใจ จะเป็นอันตรายต่ออาณาจักร พื้นที่ของพวกเขาดูครบครันกว่าวัดที่แท้จริงด้วยซ้ำ หากเติบโตขึ้น เช่นนั้นก็จะมีเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน ปัจจุบันก็มีอารามเต๋าและวัดเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ หากมีศาสนาพุทธและลัทธิเต๋าเช่นนี้ปรากฏมากขึ้น อาณาจักรก็จะไม่ใช่อาณาจักร หากพระสนมหรูเฟยกล้าเข้าไปยุ่งอำนาจในราชสำนัก ไม่สิ บันทึกที่จะเขียน ข้าจะฟ้องนางหนึ่งเล่ม”
พื้นที่ของวัดและอารามเต๋านั้นไม่ต้องเสียภาษี แต่หากมีพื้นที่มากเกินไปแล้วไม่เสียภาษี เช่นนั้นอาณาจักรก็จะขาดทุนจำนวนมาก หากมีคนวางแผนด้วยเหตุนี้ จะเป็นภัยคุกคามอันใหญ่หลวง หากเป็นฮ่องเต้ผู้ปรีชา ก็จะไม่ยอมให้มีวัดและอารามเต๋าเพิ่มขึ้น
“ใต้เท้าชื่อสื่อยังเป็นคนซื่อตรงเช่นเคย คุณหนูเซียว…” เมื่อฉินหลิวซีกล่าวถึงบุตรสาวของเขาที่บวชชีละทิ้งทางโลกเพราะความรัก เหลือบเห็นว่าเขาสีหน้ามืดครึ้ม กล่าวอย่างลำบากใจว่า “ไม่ได้ตั้งใจจะขุดบาดแผลท่าน แค่ปากไวไปหน่อย”
เซียวชื่อสื่อสบถ เมื่อนึกถึงบุตรสาวภรรยาเอกคนโตก็มีสีหน้าเคร่งขรึมและมีความเศร้าเล็กน้อย ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะเขาหัวโบราณ ตอนนี้ก็ยังคงจะมีบุตรสาวอยู่ภายใต้การดูแลกระมัง
เรื่องที่ผ่านไปแล้วไม่จำเป็นต้องพูดถึง
ฉินหลิวซีไม่ได้กล่าวเรื่องในอดีตอีก กล่าวว่า “นางจะเข้าไปยุ่งอำนาจในราชสำนักหรือไม่นั้นไม่อาจบอกได้ แต่การเป่าหูนั้นสามารถทำได้ ได้ยินมาว่าพระสนมหรูเฟยเป็นคนรักวัยเด็กของฮ่องเต้”
เซียวชื่อสื่อลูกตากระตุก สบตากับนาง ล้วนเข้าใจดีว่าคนรักในวัยเด็กหมายถึงอะไร
พระสนมหรูเฟย เขารู้จักคนผู้นี้ ก่อนหน้านี้เป็นพระชายาหนิงอ๋อง แกล้งตายมาเป็นพระสนมหรูเฟย ในสายตาของเขาก็คือสตรีแพศยา ไม่รักษาวิถีของสตรี เพียงแต่นั่นคือสตรีของฮ่องเต้ ประการแรกเรื่องนี้ไม่ได้เผยแพร่อย่างกว้างขวาง ประการที่สอง ฮ่องเต้บอกว่านางเป็นใคร นางก็เป็นคนนั้น!
“ท่านเจ้าอาวาสหมายความว่าอย่างไรกันแน่”
“ข้าหมายความว่าเซียวชื่อสื่อสามารถขุดประวัติของพระสนมหรูเฟยผู้นี้ได้ เพื่อความอยู่รอดของบรรดาสนมในวัง ก็จะต้องมีเงิน และยิ่งต้องมีที่พึ่ง ชีวิตที่เหลือก็จะต้องมีที่ให้ลงหลักปักฐาน” ฉินหลิวซีกล่าวเตือนว่า “ตอนนี้รัชทายาทได้ถูกปลดแล้ว”
เซียวชื่อสื่อ “…”
เจ้าเหลือเพียงแค่ไม่ได้บอกว่าสตรีผู้นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องในการแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท ลัทธิสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์นี้ก็มีไว้เพื่อหาเงิน!
“ตอนนี้ไม่มีใครอยู่เหนือเซียวชื่อสื่อ เจ้าคิดว่าเสนาบดีอวี๋เป็นอย่างไร ข้ารู้ว่าเขาชอบสะสมแท่งฝนหมึก” ฉินหลิวซีกล่าวว่า “หากต้องการฟ้องคนผู้นั้นเรื่องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอำนาจในราชสำนัก ผู้ตรวจการจั่วก็เป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์เช่นกัน ตอนนี้เขาชอบหลานสาวของเสนาบดีอวี๋ผู้นั้นเป็นที่สุด”
เซียวชื่อสื่อเบิกตาโต “!”
ดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังจะสอนวิธีติดสินบนแก่ข้า คนหัวโบราณอย่างข้าควรจะทำอย่างไร
“ใต้เท้าชื่อสื่อ การมีส่วนช่วยอาณาจักร หากต้องการบรรลุความสำเร็จนี้ ก็ยังต้องสวมหมวกขุนนางนี้ไว้ และเพื่อบรรลุความสำเร็จนี้ หากจะต้องลดศักดิ์ศรีลงเล็กน้อย ก็ใช่ว่าจะไม่ได้!” ฉินหลิวซีตบแขนเขาเบาๆ กล่าวว่า “ที่ตรงนี้มอบหมายให้ท่านจัดการแล้ว แท่นบูชาของลัทธิสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือข้าไม่ได้ทำลาย ส่งคืนให้ทางการ ในภายภาคหน้าไม่ว่าจะใช้เป็นที่พักพิงของผู้ลี้ภัยหรือเป็นสถานสงเคราะห์ก็ล้วนดีทั้งนั้น นอกจากนี้ น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเขาใช้หลอกลวงราษฎร ล้วนทำให้คนงมงายจนเสียสติและเกิดอาการประสาทหลอน ข้าจะเขียนใบสั่งยาแก้พิษให้ท่าน ท่านให้คนไปต้มตามสูตรปรุงยาได้เลย ตอนที่ออกประกาศ สามารถให้ราษฎรที่เคยดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์มาดื่มได้คนละหนึ่งถ้วย จะได้ประกาศให้ใต้หล้าได้รู้ว่าลัทธิ์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์มีชื่อเสียงฉาวโฉ่เพียงใด ท่านก็รู้ หนึ่งคนเผยแพร่เป็นสิบ สิบคนเผยแพร่เป็นร้อย”
เซียวชื่อสื่อคำนับนาง
ฉินหลิวซีเอากระดาษและผู้กันออกมาเขียนใบสั่งยาให้เขาไปจัดการ
“ผู้ศรัทธาข้างนอกเหล่านั้น ท่านเจ้าอาวาสช่วยกล่าวปลอบใจสักหน่อยได้หรือไม่” เซียวชื่อสื่อรู้สึกปวดหัวเมื่อนึกขึ้นได้ว่าผู้ศรัทธาเหล่านั้นกำลังจิตใจพังทลาย ก่อนหน้านี้พวกเขาเชื่อในลัทธิสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์มากเพียงใด ตอนนี้ความจริงถูกเปิดเผยก็ยิ่งโกรธแค้นมากเท่านั้น
ฉินหลิวซีคิดอยู่ครู่หนึ่ง กล่าวว่า “พรุ่งนี้ข้าจะทำพิธีที่นี่ ท่านช่วยแจ้งออกไปสักหน่อย”
เซียวชื่อสื่อดีใจออกนอกหน้า รีบไปจัดการทันที อย่างไรเสียก็มีความเชื่อในลัทธิอยู่แล้ว ศรัทธาในอารามชิงผิงก็ดีกว่าไปศรัทธาลัทธิสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์อะไรก็ไม่รู้
เมื่อเขาไปแล้ว เฟิงซิวก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบๆ นั่งยองๆ บนไหล่ของนางอีกครั้ง กล่าวว่า “ท่านทำพิธีนี้เพราะอยากจะสะสมความศรัทธานี่หรือ”
ฉินหลิวซีมองดูรูปปั้นสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกนางทุบเป็นชิ้นๆ กล่าวว่า “พลังศรัทธาเป็นสิ่งที่ดี ซื่อหลัวอยากได้ ข้าก็จะขัดขวาง แล้วทางด้านเจ้าล่ะ ลัทธิบำเพ็ญจิตเป็นอย่างไร เป็นฝีมือของซื่อหลัวด้วยหรือไม่”
เฟิงซิวแสยะยิ้มพลางกล่าวว่า “สิ่งที่เรียกว่าการบำเพ็ญจิต ความจริงแล้วเป็นการฝึกบำเพ็ญคู่ พวกเขาบอกว่าจิตวิญญาณนั้นสกปรก หากต้องการชำระให้สะอาดบริสุทธิ์จะต้องฝึกบำเพ็ญจิต ดวงวิญญาณจึงจะสะอาดบริสุทธิ์ คนเราก็จะงดงามจิตใจดี และจะไม่ได้รับการลงโทษอันเลวร้ายจากสวรรค์ หากมีคนสงสัย พวกเขาก็จะร่ายคาถาเล็กๆ น้อยๆ ทำให้สตรีเหล่านั้นเชื่ออย่างสุดใจ กล่าวตามตรงก็คือเป็นเพียงพระภิกษุหลอกลวงเอาเงินทอง และหมกหมุ่นในกาม ซ้ำพวกเขายังกลั่นน้ำมันศพทำเป็นขี้ผึ้งส่งออกไป มีสตรีไม่น้อยได้ติดพลังหยินและกรรม มีโรคหยินพัวพัน และเทพเจ้าของการบำเพ็ญจิตอะไรนั่นก็เป็นลักษณะเช่นนี้”
เขาดีดนิ้ว ปรากฏร่างพระภิกษุนั่งขัดสมาธิ ผนึกนิ้วมือวางมือบนตัก ในมือถือดอกไม้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เงานั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้นยิ้มให้นาง แล้วหายไป
“เป็นเขา!”
ฉินหลิวซีกับเฟิงซิวมองหน้ากัน สีหน้าเย็นชา เขาอยู่ทุกหนทุกแห่ง กลัวว่าใต้หล้านี้จะไม่วุ่นวาย