คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1143 อารามชิงหลานขอความช่วยเหลือ
ตอนที่ 1143 อารามชิงหลานขอความช่วยเหลือ
………………..
คำเตือนของเฟิงซิว ฉินหลิวซีย่อมใส่ใจ สวรรค์ไม่เคยยืนอยู่ข้างนางอยู่แล้ว หากตอนนี้ผลกรรมไม่ตามสนอง รอให้นางลงสนามรบจึงจะได้รับผลสะท้อนกลับ เช่นนั้นนางก็จะต้องต่อสู้ภายใต้การถูกกดทับ
ดังนั้นหลังจากจัดการเรื่องลัทธิสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ ฉินหลิวซีจึงเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีโรคระบาดหลายแห่ง เขียนใบสั่งยาโรคระบาดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น จากนั้นก็กลับอารามชิงผิง
และเมื่อนางกลับมาที่อารามเต๋า ประตูแห่งกาลเวลาก็ได้มาถึงปลายเดือนเจ็ดซึ่งเป็นเดือนที่ร้อนที่สุด ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นางได้พบคนตายมากมาย และได้สวดส่งวิญญาณมากมาย ช่วยผู้คนไว้ไม่น้อย ได้รู้ข่าวมากมายจากผีหลายตน
อย่างเช่นพระสนมหรูเฟยในวังหลวง เนื่องจากเรื่องที่ลัทธิสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์สะสมเงิน ถูกผู้ตรวจการซานจั่วยื่นฎีกาฟ้องร้อง เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่พระสนมถูกฮ่องเต้ลดตำแหน่งลงเป็นนางสนม และถูกกักบริเวณ
และฉีเชียนที่มีผลงานบรรเทาภัยพิบัติและจับโจรกบฏ ได้ถูกแต่งตั้งเป็นรุ่ยอ๋องและพระราชทานจวนอ๋องให้ แต่ในขณะเดียวกัน ฮ่องเต้ก็ได้แต่งตั้งฉีอวี้แห่งจวนหนิงอ๋องเป็นซื่อจื่อจวนหนิงอ๋อง
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือในภายภาคหน้าฉีเชียนจะไม่ได้สืบทอดจวนหนิงอ๋อง เขาถูกแยกออกมาเปิดจวนอีกหลังหนึ่ง ราวกับเป็นสัญญาณอย่างหนึ่ง ทำให้เหล่าบรรดาองค์ชายรู้สึกถึงภัยคุกคาม
ฉีเชียนได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋อง ตราบใดที่เขาทำผลงานอย่างต่อเนื่อง ในภายภาคหน้าก็จะสามารถแสวงหาตำแหน่งใหญ่ได้อย่างสมเกียรติ เช่นนี้ กองกำลังก็จะหาช่องว่างเพื่อเป็นโอกาสในการผลักดันเขาไปสู่จุดสูงสุด แต่ก็ไม่รู้ว่าคนอื่นมีความคิดอย่างไร
ฉินหลิวซีกลับไปที่วิหารด้านหน้า เห็นครอบครัวสามคน เป็นสองสามีภรรยาที่นางได้แนะนำที่ทางด้านลัทธิสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ในวันนั้น ข้างกายพวกเขามีเด็กผู้ชายรูปร่างผอมบางสีหน้าซีดขาวยืนอยู่ ใบหน้าคล้ายกับจางจื่ออิ่นเป็นอย่างมาก
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะสมดังปรารถนาแล้ว” ฉินหลิวซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
จางจื่ออิ่นพาคนในครอบครัวคุกเข่าลง กล่าวอย่างซาบซึ้งว่า “ขอบคุณท่านเซียนที่ช่วยชี้แนะ พวกเราสามีภรรยาทำตามที่ท่านชี้แนะมาตลอด เดินทางไปตามถนน โขกศีรษะคำนับทุกห้าลี้ มาจนถึงเชิงเขาอารามชิงผิง เจ้าเด็กคนนี้ก็มาขอกินข้าวอยู่ตรงหน้าพวกเราสามีภรรยา เขาเหมือนกับข้ามาก แต่พวกเราก็ไม่กล้าฟันธง จนกระทั่งเห็นปานในที่ลับ ครอบครัวจึงได้พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง ท่านเซียนเป็นเซียนที่ลงมาจากสวรรค์อย่างแท้จริง”
ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “เป็นเพราะพวกเจ้าจริงใจและจิตใจดีมากพอ ตลอดทางนอกจากจะโปรยเงินแล้ว คิดว่าพวกเจ้าก็ได้ช่วยผู้ลี้ภัยจำนวนไม่น้อย นี่คือสิ่งตอบแทนบุญกุศลเหล่านี้ ทำให้ครอบครัวของพวกเจ้ากลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง”
ฉินหลิวซีให้พวกเขาลุกขึ้น กล่าวว่า “ในเมื่อพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วก็กลับบ้านไปเถิด ต่อไปก็ทำความดีสะสมบุญ ก็จะได้รับพรตอบแทน”
“แน่นอนขอรับ” จางจื่ออิ่นพยักหน้าทันที
ฉินหลิวซีเฝ้าดูพวกเขาจากไป จากนั้นจึงได้ไปลานเต๋าด้านหลัง กลับได้รู้จากปากของชิงหย่วนว่าเนื่องจากมีภัยพิบัติเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่โรคระบาดเชิงเขาได้รับการรักษาจนหายขาดแล้ว นักพรตหลินและคนอื่นๆ จึงได้ไปยังพื้นที่อื่น แต่นักพรตเหอยังอยู่
“นักพรตเหออยากจะเป็นศิษย์อารามเต๋าของพวกเรา” ชิงหย่วนกล่าวว่า “วิชาแพทย์ของเขาไม่เลวเลย ท่านว่าอย่างไร”
“เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่รับลูกศิษย์อีกแล้ว” ฉินหลิวซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง กล่าวว่า “เขามีพรสวรรค์สามารถเป็นลูกศิษย์ได้ เจ้าไปจัดการเถิด อารามเต๋าของพวกเรายังขาดนักพรตที่เก่งกาจอยู่”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น ในเมื่อเขามีใจมุ่งมั่นที่จะฝึกบำเพ็ญในอารามเต๋าของพวกเรา เป็นหมอลัทธิเต๋า ในภายภาคหน้าอารามเต๋าของพวกเราก็จะมีผู้ที่มีพรสวรรค์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน” ชิงหย่วนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แต่เขามาเพราะท่าน หากท่านมีเวลาก็ช่วยแนะนำสักหน่อยเถิด”
“ในฐานะที่เป็นเจ้าอาวาส เป็นหน้าที่รับผิดชอบของข้า เจ้าให้เขาวางใจก็พอแล้ว” ฉินหลิวซีกล่าว
ชิงหย่วนยังได้เล่าเกี่ยวกับสถานการณ์ในอารามให้นางฟัง ปีนี้เกิดภัยพิบัติทางภาคเหนือและภาคใต้ ส่วนที่แห้งแล้งก็แห้งแล้งจนตาย ส่วนที่น้ำท่วมก็น้ำท่วมจนตาย เสบียงอาหารที่พวกเขาซื้อก็แพงกว่าปีก่อนๆ สองเท่า พื้นที่ของอารามเต๋าเสบียงที่เก็บรวบรวมมาก็เพียงพอต่อความต้องการประจำวันในอารามเต๋าเท่านั้น หากทำการกุศลต่อไปก็จะมีค่าใช้จ่ายสูง
ฉินหลิวซีเอ่ย “เมื่อใดก็ตามที่มีคนมาขอรับการรักษาหรือให้ช่วยทำนาย เจ้าก็ให้พวกเขาบริจาคเสบียงอาหาร หรือไม่ก็ค่าน้ำมันตะเกียง มีกำลังมากเท่าไหร่ก็ทำเท่านั้น หากไม่มีจริงๆ การกุศลก็คงต้องเหมือนกับปีที่ผ่านมา ทำเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญ”
“ตกลง” ชิงหย่วนเอ่ยอย่างยิ้มแย้มว่า “ได้ยินผู้แสวงบุญที่มาจุดธูปบูชาเมื่อก่อนหน้านี้บอกว่าอารามชิงผิงของพวกเราได้มีชื่อเสียงไปแล้ว ผู้คนมากมายต่างก็รู้ว่าที่อารามของพวกเรามีกึ่งเซียนจริงๆ ท่านเจ้าอาวาส ท่านทำได้ดีมาก!”
ฉินหลิวซีมุมปากกระตุก “เจ้ารู้จักประจบประแจงเกินไปแล้ว รีบไปทำงานเสีย”
นางกำลังจะหันหลัง ทันใดนั้นก็เห็นนกกระเรียนกระดาษตัวหนึ่งบินมาหา รอยยิ้มค่อยๆ จางหายไป ยื่นมือออกไปคว้านกกระเรียนตัวนั้นไว้ ทันทีที่คลี่ออกก็ขมวดคิ้ว
เมื่อชิงหย่วนเห็นว่านางสีหน้าผิดปกติ ก็มีสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที “เกิดอะไรขึ้น”
ฉินหลิวซีกล่าวว่า “เป็นจดหมายขอความช่วยเหลือจากทางด้านอารามชิงหลาน ท่านอาจารย์ลุงชิงหลานไม่สบายเล็กน้อย เชิญข้าไปตรวจอาการ”
เจ้าอาวาสอารามชิงหลานนั้นมีมิตรภาพอันยอดเยี่ยมกับชื่อหยวน ตอนนี้เขาเกิดเรื่อง มาขอความช่วยเหลือจากที่นี่ ฉินหลิวซีย่อมไม่มีทางเพิกเฉย
ฉินหลิวซีกลับไปที่เรือนโอสถที่บ้านก่อน หยิบยาและเสื้อผ้าที่ฉีหวงเตรียมไว้ให้สำหรับเปลี่ยนใส่ไว้ในถุงเฉียนคุนภายใต้สายตาน้อยใจของนาง ก้าวออกมาจากประตูเรือนโอสถแล้วเข้าสู่เส้นทางหยิน
ประตูภูเขาอารามชิงหลานยังคงเป็นเช่นเคย เพียงแต่เหมือนกันกับอารามชิงผิง ที่เชิงเขาเต็มไปด้วยผู้ลี้ภัยและขอทาน
และสหายเต๋าของอารามชิงหลานก็ไม่ได้สะดวกสบายเท่ากับนักพรตในอารามของพวกนาง ใบหน้าไร้สีสัน ราวกับไม่ได้กินอิ่มมาเป็นเวลานานแล้ว
การปรากฏตัวของฉินหลิวซี ทำให้สหายเต๋าในอารามชิงหลานประหลาดใจเป็นอย่างมาก รีบไปแจ้งให้กับศิษย์พี่เหอหมิงซึ่งเป็นผู้ดูแลอารามอย่างรวดเร็ว
เหอหมิงเดินมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นฉินหลิวซี ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกาย คำนับนางตามธรรมเนียมเต๋า “ไม่ได้พบท่านอาจารย์อามาหลายปี ท่านอาจารย์อาดูมีสง่าราศีกว่าเมื่อก่อน เหอหมิงยินดีเป็นอย่างยิ่ง”
ฉินหลิวซีกล่าวว่า “เหอหมิงเจ้าโตแล้ว ตบะก็ก้าวหน้าแล้ว เห็นได้ว่าหลายปีมานี้ไม่ได้เกียจคร้าน”
เหอหมิงมุมปากกระตุกเล็กน้อย เขาอายุจะสามสิบปีแล้ว อายุมากกว่านางเสียอีก ใช้คำว่าโตแล้วไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง แต่ลัทธิเต๋าให้ความสำคัญกับลำดับอาวุโส อีกฝ่ายมีความอาวุโสกว่าตัวเอง ตอนนี้ท่านอาจารย์ของนางก็ได้จากไปแล้ว ได้เป็นเจ้าอาวาสอารามชิงผิงคนใหม่ ความจริงแล้วลำดับอาวุโสระดับเดียวกันกับเจ้าอาวาสอารามของตัวเองด้วยซ้ำ
“ไม่เท่าท่านอาจารย์อาหรอกขอรับ” เหอหมิงกล่าวด้วยความเคารพ
ฉินหลิวซียื่นเครื่องรางหยกสายฟ้าฟาดที่เคยหล่อหลอมไว้ให้หนึ่งอัน กล่าวว่า “นี่คือของขวัญการพบกัน”
เหอหมิงรับเครื่องรางหยกสายฟ้าฟาดนั้นมา เมื่ออยู่ในมือก็สัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลของจิตวิญญาณเต๋ากับจิตวิญญาณสายฟ้า ในใจรู้ว่านี่คือเครื่องรางชั้นยอด คำนับฉินหลิวซีอย่างเป็นทางการ กล่าวว่า “ท่านอาจารย์อา เครื่องรางนี้มีค่ามากเกินไป”
“รับไว้เถิด ข้าหล่อหลอมด้วยตัวเอง ไม่ได้มีค่าอะไร ผู้อาวุโสมอบให้อย่าได้ปฏิเสธ” ฉินหลิวซีกล่าวว่า “นำทางไปเถิด เล่าให้ข้าฟังสักหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่านอาจารย์ลุงชิงหลาน”
เหอหมิงเห็นดังนั้นก็กล่าวขอบคุณอีกครั้ง นำทางนางเดินไปข้างหน้าพลางกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ปู่ได้ต่อสู้อาคมกับผู้อื่นจนได้รับผลสะท้อนกลับอย่างรุนแรง กินยาลูกกลอนไปแล้วแต่ยังคงไม่ฟื้นตัวกลับมา หากพูดถึงวิชาแพทย์ พวกเราไม่เก่งเท่ากับท่านอาจารย์อา จึงได้บังอาจเชิญท่านมาที่นี่ คิดไม่ถึงว่าท่านจะมาเร็วขนาดนี้”
ฉินหลิวซีขมวดคิ้ว “ต่อสู้อาคม? กับใคร เพื่ออะไรหรือ”
“อาจารย์ปู่ไม่ได้กล่าวอะไรมาก บอกเพียงว่าไม่ใช่คนอย่างพวกเราสามารถรับมือได้ แต่เขากลับไปเพื่อตระกูลเฟิ่งที่เคยมีฮองเฮาถึงสองคนในชิงโจว ตระกูลเฟิ่งโชคลาภสูญหาย คนในตระกูลล้มตายกันหมด!”
ฉินหลิวซีชะงักฝีเท้า ดวงตาเฉียบคม โชคลาภอีกแล้วหรือ