คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1152 เฟิงปั๋ว ข้ายังเชื่อท่านได้หรือไม่
ตอนที่ 1152 เฟิงปั๋ว ข้ายังเชื่อท่านได้หรือไม่
………………..
จากการถามข้อมูลเกี่ยวกับที่ตั้งของสำนักชิงผิงจากเฟ่ยไฉ ทำให้ฉินหลิวซีรู้สึกดีใจเล็กน้อย แม้เขาจะบอกว่าไม่มีสมบัติอะไรในสำนักชิงผิง ให้นางอย่าหวังมากนัก แต่เกิดนางเดินไปเหยียบอะไรดีๆ เล่า
ฉินหลิวซีไม่ได้รีบร้อนที่จะไปหาสถานที่ตั้งนี้ นางยังต้องช่วยฝังเข็มให้เจ้าอาวาสชิงหลาน และต้องไปค้นหาคาถาในห้องสมุดของอารามชิงหลานก่อน ดังนั้นนางจึงตัดสินใจรอให้เรื่องนี้เสร็จสิ้นก่อน แล้วค่อยให้เฟ่ยไฉนำทางไป
เรื่องที่นางมายังปรโลก ตอนนี้เหลือเพียงเรื่องเดียวคือเรื่องของศาสตราวุธ ราชาเทพเฟิงตูจึงสัญญาว่าจะให้ทหารคอยเฝ้าระวัง หากมีเบาะแสใดๆ จะรีบแจ้งให้นางทราบ
ฉินหลิวซีจึงพอใจ คว้าเอาไว้ให้มั่น เล่าเรื่องที่ซื่อหลัววางแผนล้างตระกูลใหญ่ตั้งแต่เมื่อร้อยปีก่อนให้ราชาเทพเฟิงตูฟัง
ในปรโลกมีผู้สมรู้ร่วมคิดกับเขา
มิเช่นนั้นเขาจะสามารถวางแผนได้ง่ายดายตั้งแต่ร้อยปีก่อนได้อย่างไร ในเมื่อตอนนั้นเขายังถูกจองจำในมหาอเวจีนรก
ราชาเทพเฟิงตูฟังแล้วสีหน้าพลันไม่น่ามองขึ้นมา
ไม่ว่าจะเป็นการหลบหนีของซื่อหลัวหรือเรื่องของผู้สมรู้ร่วมคิด ล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นว่าเขาล้มเหลวในการดูแลปรโลก เรื่องนี้เกิดขึ้นใต้จมูกของเขา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการท้าทายอำนาจของเขา
หากผู้สมรู้ร่วมคิดยังอยู่ในตำแหน่งสำคัญ การที่ฉินหลิวซีเข้าออกปรโลกคงเป็นเรื่องที่ไม่เป็นผลดีต่อนาง
“ข้าจะตามหาคนผู้นั้นมาให้ได้” ราชาเทพเฟิงตูแผ่พลังอำนาจออกมา ทันทีที่พลังอำนาจนี้ถูกปลดปล่อย ดินแดนปรโลกพลันสั่นสะเทือน อากาศที่เต็มไปด้วยพลังที่น่ากลัวทำให้เหล่าวิญญาณทั้งหลายสั่นกลัว ขณะที่วิญญาณใหม่ๆ บางตนถึงกับร้องเสียงหลง
พระกษิติครรภโพธิสัตว์รีบสวดมนต์เพื่อปลอบขวัญวิญญาณเหล่านั้น เสียงบทสวดได้แผ่ไปทั่วทุกมุม ทำให้วิญญาณที่สั่นกลัวนั้นค่อยๆ คลายความวิตกกังวลลง
ราชาเทพเฟิงตูสะดุ้งรีบเก็บพลังกลับมาทันที เมื่อเห็นฉินหลิวซีจ้องมาที่ตน ท่าทางว่าท่านทำงานพลาด ไม่คิดจะทำอะไรชดเชยหน่อยหรือ
“ข้าจะไปตามหาคนคนนี้เอง” ราชาเทพเฟิงตูรีบเดินจากไปอย่างเร่งรีบ
ให้สมบัติล้ำค่านั่นเป็นไปไม่ได้หรอก ไม่มี นางเองก็ควรไปหาที่คนอื่นบ้างแล้ว จะมาบีบเอาที่เขาคนเดียวไม่ได้
ฉินหลิวซี “?”
นางหันไปมองพระกษิติครรภโพธิสัตว์ อีกฝ่ายเผยรอยยิ้มออกมา เอ่ย “ปรโลกก็เหมือนบ้านของเจ้า เจ้าเดินเล่นเถิด ข้าจะไปสวดมนต์ปลดปล่อยดวงวิญญาณแล้ว”
เมื่อเห็นพระกษิติครรภโพธิสัตว์รีบจากไป ฉินหลิวซีได้แต่ยิ้มขำ ก่อนจะค่อยๆ ออกจากเขตพื้นที่ของพระกษิติครรภโพธิสัตว์มุ่งหน้าไปยังมหาอเวจี
ผู้ที่ดูแลมหาอเวจี ยังคงงเป็นราชาผิงเติ่ง เห็นฉินหลิวซีมาถึงแล้ว เดินมือไขว้หลังเข้าไปหา เอ่ย “เจ้าอาวาสมาเพราะเรื่องใดหรือ”
“ข้าก็แค่อยากเห็นว่ามหาอเวจีเป็นเช่นไร หากข้าบุกเข้ามาในนี้ จะออกมาโดยไม่เสียหายแม้เพียงเล็กน้อยได้อย่างไร จึงมาขอคำชี้แนะ ไม่รู้ว่าราชาผิงเติ่งจะช่วยชี้แนะได้หรือไม่”
ราชาผิงเติ่งเลิกคิ้ว “เจ้าจะฝ่าเข้าไปในมหาอเวจีหรือ”
“ในโลกมนุษย์มีค่ายอาคมมหาอเวจีหนึ่ง ซึ่งคล้ายกับที่นี่ ค่ายอาคมนั้นน่าจะถูกสร้างขึ้นจากความคิดจิตใจ หากฝ่าเข้าไป จะทำอย่างไรไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ตัว อีกทั้งออกมาได้โดยไม่บาดเจ็บ” ฉินหลิวซีเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
ราชาผิงเติ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเรียกเหยี่ยววิญญาณตัวหนึ่งมา พร้อมทั้งพาฉินหลิวซีขึ้นไปนั่งบนหลังของมันแล้วบินขึ้นไปยังท้องฟ้าสูงเหนือมหาอเวจี
ตามตำนานกล่าวไว้ว่ามหาอเวจีมีพื้นที่กว้างใหญ่ มีสิบหกแดนนรกย่อยตั้งอยู่ภายใน วิญญาณที่ถูกลงโทษในที่นี้ล้วนแต่เป็นผู้ที่กระทำความผิดร้ายแรงในโลกมนุษย์ และที่นี่ก็เป็นที่ซึ่งพวกเขาจะต้องทนทุกข์ตลอดไป ไม่มีทางหลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานนั้นได้
ฉินหลิวซีมองลงไปด้านล่าง วิญญาณต่างๆ กำลังทนทุกข์ดิ้นรนในขุมนรก ใบหน้าบิดเบี้ยว เสียงกรีดร้องแหลมสูงน่าสยดสยอง
ราชาผิงเติ่งยืนอยู่บนหลังของเหยี่ยววิญญาณขนาดใหญ่ มองไปยังมหาอเวจีด้านล่างอย่างเย็นชา เอ่ย “ท่านเจ้าอาวาส ไม่ว่าจะเป็นค่ายกลใดๆ ที่เจ้าเคยเจอมา แท้จริงแล้วมหาอเวจีมีแค่ที่นี่ที่เดียวเท่านั้นที่เป็นของจริง ส่วนที่อื่นนั้นเป็นของปลอมทั้งสิ้น หากจิตใจเจ้าปราศจากความกลัว เจ้าก็สามารถฝ่าเข้าไปได้”
ฉินหลิวซีคุกเข่าลงบนหลังเหยี่ยว เอ่ย “ท่านพูดง่าย แต่ข้าเห็นว่าไม่ง่ายเลย ข้าคิดว่าท่านเป็นผู้ที่ดูแลมหาอเวจี ท่านคงมีทักษะหรือของวิเศษที่สามารถเดินในนรกโดยไม่กลัวใช่หรือไม่”
ราชาผิงเติ่งขมวดคิ้วแน่น คิดถึงของวิเศษที่ราชาเทพและพระกษิติครรภโพธิสัตว์ได้สูญเสียไป ใจของเขากระตุก
ที่บอกว่ามาขอคำแนะนำนั้น แท้จริงแล้วคือมาหาผลประโยชน์จากเขา
เขาก้มศีรษะลง ขณะที่ฉินหลิวซีเงยหน้าขึ้นด้วยดวงตาสีดำขลับมองไปที่เขาด้วยท่าทีไร้เดียงสา
ราชาผิงเติ่งไม่รู้คิดถึงสิ่งใด พ่นลมหายใจออกมา จากนั้นก็หยิบลูกแก้วดำๆ ลูกหนึ่งออกมา ยื่นให้ฉินหลิวซี เอ่ย “นี่คือลูกแก้ววิญญาณของข้า มีลมหายใจของข้าอยู่ แค่เจ้าถือไว้ในมือ จะเข้าออกมหาอเวจีได้อย่างอิสระ”
ราชาผิงเติ่งเอ่ยตอบ “เพียงหนึ่งวิญญาณ ให้เจ้ายืมใช้ ต้องคืนนะ”
ฉินหลิวซียิ้มบางๆ กล่าวขอบคุณ เอ่ย “เมื่อข้าใช้เสร็จแล้ว ข้าจะคืนให้ท่าน”
คำนี้มีหลุมพราง หากใช้เสร็จก็จะคืน แต่หากใช้ไม่เสร็จ เหอๆ…
ราชาผิงเติ่งเอ่ย “มหาอเวจีนั้น ง่ายที่จะดึงดูดให้มัวเมาลุ่มหลงในความชั่วร้าย เจ้าบุกเข้าไป ต้องระวังให้มาก เมื่อเข้าไปข้างในแล้ว ลูกแก้ววิญญาณจะช่วยเจ้าไม่ได้ เพราะวิญญาณที่ตกลงไปในปรโลกจะไม่สามารถหลุดออกมาได้ ต้องทนทุกข์อยู่ในนั้นตลอดไป”
ฉินหลิวซีขอบคุณเขาอีกครั้ง ก่อนจะออกจากปรโลกด้วยความพึงพอใจ
ราชาผิงเติ่งถอนหายใจ เก้าชีวิตแล้ว พอแล้วทุกอย่าง
ฉินหลิวซีออกจากโลกหยินก็มุ่งหน้าสู่อวี๋หัง ยืนอยู่บนเนินสูงของสุสานบรรพบุรุษตระกูลเหยียน มองดูทิศทางของโชคลาภจากสุสานเงียบๆ เม้มริมฝีปากเบาๆ
นางครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ สองมือตวัด ดีดออกไปยังสถานที่แห่งนั้น
โชคลาภนั้นหยุดไปชั่วขณะ
ด้านหลัง มีลมเย็นมาปะทะ ฉินหลิวซีหลบหลีกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อหันมองไปพลันเห็นเทพน้ำ เฟิงปั๋วปรากฏตัวขึ้น
เฟิงปั๋วเจอนางก็แปลกใจ “ท่านเจ้าอาวาส ไยจึงเป็นท่านเล่า”
ฉินหลิวซียิ้มบาง “ไยท่านจึงมาเร็วเพียงนี้”
“สุสานบรรพบุรุษของตระกูลเหยียนมีความเคลื่อนไหว ข้ารู้สึกได้ จึงมาเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่คาดคิดว่าจะเป็นท่านเจ้าอาวาสท่าน เกิดอะไรขึ้นที่นี่หรือไม่”
“ช่วงนี้ข้าพบว่าโชคลาภของตระกูลใหญ่ๆ ถูกตาเฒ่าซื่อหลัวดึงไป จึงได้มาดูตระกูลของพวกท่าน โชคลาภของตระกูลเหยียนดูยังคงรุ่งเรือง พลังศรัทธาของท่านก็ยิ่งเต็มเปี่ยม ร่างกายครึ่งเทพของท่านก็ยิ่งมีความเป็นเทพมากขึ้น ดูเหมือนว่าท่านจะปกป้องผืนดินแห่งนี้ไว้ไม่น้อย ถึงได้พาตระกูลเหยียนรุ่งเรืองตามไปด้วย” ฉินหลิวซีมองเขาแล้วเอ่ย
พลังศรัทธาเข้มข้นเช่นนี้ จะมีตระกูลใดไม่เจริญรุ่งเรืองเล่า
เฟิงปั๋วเอ่ย “ปีนี้ทางใต้เกิดน้ำท่วมใหญ่ ข้าทำได้เพียงดูแลในขอบข่ายของตนเอง ในเรื่องพลังศรัทธา กลับขอความสุขสงบมากกว่า ไม่ต้องเห็นผู้คนต้องทนทุกข์ทรมาน”
ฉินหลิวซีถอนหายใจ เอ่ย “แต่ถ้าไม่มีพลังศรัทธาจากประชาชน ท่านที่เป็นเทพน้ำก็จะหายไป”
เฟิงปั๋วชะงักไปชั่วครู่ เอ่ย “เกิดอะไรขึ้นกับท่าน ไยจู่ๆ จึงเอ่ยเช่นนี้ หรือจะปลงจากธรรมเพราะเรื่องของอาจารย์ท่าน”
ฉินหลิวซีมองไปที่สุสานบรรพบุรุษ เอ่ย “เฟิงปั๋ว ข้าจะยังไว้ใจท่านได้หรือไม่”
“ถ้าท่านเชื่อใจข้า เช่นนั้นก็ไว้ใจได้ หากท่านไม่อยากเชื่อ เช่นนั้นก็ไม่ไว้ใจ เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่าน” เฟิงปั๋วตอบเสียงหนักแน่น
ฉินหลิวซีเบิกตาเล็กน้อยรู้สึกถึงความชื้นในตา “ถึงแม้ว่าในวันหนึ่ง ข้าจะต้องสังหารเทพเจ้างั้นหรือ”
“ข้าจำได้ว่าครั้งหนึ่งข้าบอกท่านว่า หากวันใดข้าควบคุมตัวเองไม่ได้ ขอให้ท่านลงมือ ว่ามาเถิด ท่านเป็นอะไรไปหรือ”
ฉินหลิวซีหันไปมองเขา มองเห็นตนเองในเงาตาของเขา เอ่ยช้าๆ “ข้าต้องการกระดูกพระพุทธนั้น”