คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1159 ตัดปีกเขาให้ขาด
ตอนที่ 1159 ตัดปีกเขาให้ขาด
………………..
อวี้ลิ่งหลานรู้สึกว่าตนเองถูกดูหมิ่นอย่างลึกล้ำ เพราะสายตาของอวี้ฉังคงที่มองมาไม่ได้ปิดบังเลยแม้เพียงนิด ราวกับบอกว่าตนนั้นตาบอดและโง่งมอยู่ในใจ
เขาชำเลืองมองจ้าวอ๋อง แววตามีความรำคาญขึ้นมา
เมื่อจ้าวอ๋องสัมผัสได้ถึงสายตาของอวี้ลิ่งหลานโดยบังเอิญ รู้สึกเย็นสันหลัง ขนลุกชัน หัวใจเริ่มสั่นไหว
แต่ชั่วครู่เขาก็กลับมาสงบได้อีกครั้ง อวี้ปั๋วอินเป็นเพียงที่ปรึกษาของเขา ไม่ใช่บิดาของเขา เขาเป็นถึงอ๋องมีความจำเป็นต้องกลัวเขาเช่นนี้หรือ
นอกจากนี้อวี้ปั๋วอินอยู่เคียงข้างเขาหลายปีแล้วแต่ก็ไม่ได้สร้างผลงานที่โดดเด่นอะไร นอกจากจัดการเขตปกครองให้มีความเจริญบ้าง หากเป็นผู้ที่มีฝีมือจริงๆ คงช่วยให้เขาได้ขึ้นเป็นรัชทายาทนานแล้วใช่หรือไม่
ดูอวี้ฉังคงพี่ชายของเขาสิ ช่วยเหลือฉีเชียน ใช้เวลาไม่นานก็ได้เป็นอ๋องแล้ว
ไม่แปลกใจเลยที่เขาได้รับการยกย่องให้เป็นคุณชายอันดับหนึ่ง ส่วนอวี้ปั๋วอินเป็นเพียงคนรองเท่านั้น
อวี้ลิ่งหลานรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจที่จ้าวอ๋องมีต่อเขา ดวงตายิ่งเย็นชาเข้าไปอีก
อวี้ฉังคงมองการแลกเปลี่ยนสายตาของทั้งสองคนด้วยความเบื่อหน่ายในใจ เอ่ย “คำถามของท่านอ๋องช่างเป็นคำถามที่ท้าทายความสามารถของข้าที่เป็นเพียงคนสามัญธรรมดา แต่หากท่านต้องการคำตอบจากข้า เช่นนั้นคือ ผู้มีความสามารถควรเป็นผู้ครองบัลลังก์”
จ้าวอ๋องเอ่ย “การเป็นฮ่องเต้ ต้องมีคุณธรรมและจริยธรรม หากบุคคลที่มีสถานะไม่เหมาะสมขึ้นครองบัลลังก์ จะไม่กลายเป็นที่หัวเราะเยาะหรือ”
อวี้ฉังคงฟังแล้ว ไม่ตอบโดยตรง แต่หันไปมองอวี้ลิ่งหลานด้วยสายตาที่สื่อความหมาย ก่อนจะเอ่ย “สำนักศึกษาประจำตระกูลเปิดกว้างแล้ว ไม่ได้จำกัดเฉพาะตระกูลอวี้ แต่ยังรับเด็กจากตระกูลอื่นด้วย คนในตระกูลยังมีผู้คนจากตระกูลมากมายออกมาเปิดหูเปิดตา อาจารย์ผู้สอนก็เริ่มขาดแคลน เจ้าจะกลับไปเลือกศิษย์สักสองสามคนหรือไม่ ในตระกูลเราไม่เคยมีเงื่อนไขว่าผู้ที่ออกไปต้องประสบความสำเร็จแล้วถึงจะกลับมาได้”
ใบหน้าอวี้ลิ่งหลานเขียวคล้ำขึ้นทันที
เอ่ยตรงๆ ไปเลยว่าเขาเลือกของไร้ค่า
จ้าวอ๋องเองได้ยินความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูด ดวงตาเย็นเยียบ นี่กำลังด่าว่าเขาโง่หรือ
คนที่นี่ไม่มีผู้ใดน่าคบ แม้กระทั่งคุณชายอันดับหนึ่งอวี้ฉังคง น่าชกยิ่งกว่าอวี้ปั๋วอินเสียอีก เพราะเขาทำให้คนรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไร้ค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
จ้าวอ๋องกำลังจะเอ่ย อวี้ฉังคงก็เอียงศีรษะเล็กน้อย เอ่ยกับฉินหมิงเยี่ยน “สิ่งที่ท่านอ๋องเอ่ยเมื่อครู่ เจ้ามาตอบเถิด”
ฉินหมิงเยี่ยนเดินขึ้นมาข้างหน้า โค้งคำนับ เอ่ย “ตามที่ข้าเห็น วีรบุรุษนั้นไม่ควรพิจารณาจากชาติกำเนิดเพียงอย่างเดียว การมีชาติกำเนิดที่ดีอาจทำให้ได้รับคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น แต่หากขาดความสามารถที่เพียงพอ แม้จะมีชาติกำเนิดที่สูงส่งเพียงใดก็ไม่สามารถนั่งอยู่บนบัลลังก์ได้ แม้จะนั่งได้ แต่หากไม่มีความสามารถในการควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชา ก็จะถูกขุนนางดึงอำนาจออกไปจนกลายเป็นหุ่นเชิด หรือถูกผู้ที่มีสติปัญญาและมีความสามารถจริงดึงลงจากบัลลังก์ ประวัติศาสตร์มีตัวอย่างฮ่องเต้ที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อย ไม่ว่าจะเป็นคนเลี้ยงม้า โจร ขอทาน หรือแม้กระทั่งนักโทษ ขุนนางหลายคนที่มีชาติกำเนิดต่ำแต่โดดเด่นไม่อาจถูกมองข้ามความสามารถไปได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า วีรบุรุษไม่ควรถูกตัดสินจากชาติกำเนิด ความเห็นของข้าอาจตื้นเขิน ทำให้ท่านอ๋องหัวเราะเยาะได้”
จ้าวอ๋องกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยิ้มอย่างไม่จริงใจ เอ่ย “ศิษย์ที่ท่านผู้นำตระกูลสอนมานั้นยอดเยี่ยมจริงๆ ท่านลำบากไม่น้อยเลย”
อวี้ฉังคงเอ่ย “ศิษย์มีแววดี คุ้มค่าที่จะใส่ใจ แม้จะเหนื่อยก็ไม่เป็นไร แต่หากเป็นศิษย์ที่ไร้ความสามารถก็ถือว่าเหนื่อยเปล่า ควรหยุดเพื่อไม่ให้เสียเวลาเปล่า”
ใบหน้าของอวี้ลิ่งหลานร้อนผ่าว เอ่ย “พี่ใหญ่เดินทางไกลมา ปั๋วอินไม่รบกวนท่านพักผ่อนแล้ว ขอลาแล้ว”
“ไปเถิด” อวี้ฉังคงเอ่ย “กลับไปคิดทบทวนคำพูดของข้าสักหน่อยดีหรือไม่”
อวี้หลิ่งหลานมุมปากกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะพาจ้าวอ๋องออกจากห้องโถงส่วนตัวนี้ไปอย่างเร่งรีบ
ไม่กี่ปีก่อน เขาเผชิญหน้ากับอวี้ฉังคงได้โดยไม่อับอายเหมือนตอนนี้ แต่ตอนนี้กลับพ่ายแพ้ไม่เป็นท่า สายตาที่คมและอำนาจของเขาในตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนจริงๆ
“เกินไปแล้ว ช่างเกินไปจริงๆ อวี้…ฉีเชียนไอ้เด็กบ้านั่น มันมีคุณธรรมและความสามารถอะไร ไยถึงได้โชคดีเพียงนี้” จ้าวอ๋องเตะโต๊ะน้ำชาเล็กๆ ในรถม้าอย่างแรง
อวี้ลิ่งหลานมองดูโต๊ะน้ำชาที่ล้มคว่ำ เอ่ย “ท่านอ๋อง การโกรธจนต้องอาละวาดเช่นนี้ทำให้ดูใจคอคับแคบ ตอนนี้ควรถือว่ารุ่ยอ๋องเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งจะดีกว่า”
“เขาคู่ควรหรือ”
อวี้ลิ่งหลานค่อยๆ จัดโต๊ะน้ำชาให้กลับเข้าที่ เอ่ยเบาๆ “ตราบใดที่ฮ่องเต้ไม่เอ่ยอะไร ในสายตาของคนทั้งหลายเขายังคงเป็นบุตรคนโตของหนิงอ๋องอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และตอนนี้ยังเป็นรุ่ยอ๋องที่สร้างคุณงามความดีอีกด้วย หากตำแหน่งนั้นในจวนหนิงอ๋องท้ายที่สุดไม่ได้ตกเป็นของหนิงอ๋องซื่อจื่อ เขาอาจจะได้รับตำแหน่งอ๋องถึงสองตำแหน่ง”
จ้าวอ๋องอึ้งไป พระชายาของรุ่ยอ๋องคือผู้ใด
นั่นคือน้องสาวของฮองเฮามู่ ฮองเฮาเองไม่มีบุตรชายที่ถูกต้องตามกฎหมาย หากตระกูลมู่ต้องการรักษาความรุ่งเรืองไว้ สามารถสนับสนุนฉีเชียนขึ้นครองตำแหน่งได้ ไม่ว่าฐานะจะเป็นน้องเขยหรือบุตรบุญธรรมตามการแต่งตั้ง หากชนะได้ เรื่องพวกนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา ใช้ความเจ็บป่วยเป็นเหตุผลกำจัดใครสักคนจะยากอะไร
หากฉีเชียนกลายเป็นบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมาย ฐานะของเขาก็จะเปลี่ยนจากต่ำต้อยเป็นสูงส่งขึ้นมาทันที
จ้าวอ๋องยิ่งรู้สึกกระวนกระวาย
อวี้ลิ่งหลานวิเคราะห์ต่อ เอ่ย “ฝั่งฮองเฮามู่ยังแตกแยกได้ ทว่าญาติผู้พี่ของข้ากลับน่ากลัวยิ่งกว่า ศิษย์ของเขายังเป็นน้องชายของเจ้าอาวาสปู้ฉิวนั่นอีก เส้นสายของคนผู้นั้นต่างหากที่เป็นปัญหาใหญ่”
จ้าวอ๋อง “…”
ยิ่งเจ้าเอ่ย ข้ายิ่งรู้สึกว่าเส้นทางข้างหน้านั้นมืดมน เช่นนี้จะเล่นอย่างไร กลับไปยังเขตปกครองเป็นอ๋องผู้ปกครองตนเองไม่ดีกว่าหรือ ยังจะมาแย่งชิงอะไรอีก
“กำจัดรัชทายาทออกไปได้หนึ่งคน แต่กลับมีฉีเชียนมาอีก นี่ยังเป็นคนที่ไม่ถูกต้องตามครรลองคลองธรรม ฟ้าเล่นตลกกับข้าอยู่หรือไร” จ้าวอ๋องขมวดคิ้วเอ่ย “เจ้าว่ามาเถิด พวกเราควรเริ่มต้นจากที่ใด”
อวี้ลิ่งหลานเอ่ย “ตัดความสัมพันธ์ระหว่างรุ่ยอ๋องกับตระกูลมู่เพื่อหลีกเลี่ยงที่ฮองเฮาจะรับเขาเป็นบุตรบุญธรรมในอนาคต ควรกดเขาไว้ในชื่อบุตรของหรูเฟยจะดูสมเหตุสมผลยิ่งกว่า ข้าว่าฮ่องเต้และหรูเฟยเองก็คงยินดี”
จ้าวอ๋องตาเป็นประกายเล็กน้อย เอ่ย “แต่ตอนนี้หรูเฟยถูกกักตัวเพราะเรื่องของลัทธิสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์”
“นั่นยิ่งดี ให้นางใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้าง เรื่องนางชอบลัทธิสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ก็เพราะอยากได้บุตร หากสามารถรับรุ่ยอ๋องเป็นบุตรบุญธรรมได้ นางก็อาจใช้โอกาสนี้ยกเลิกการกักตัว และฮ่องเต้ก็อาจจะยินดี อย่างไรเขาเป็นบุตรชายที่แท้จริงของพระองค์”
จ้าวอ๋องเห็นด้วยว่าวิธีนี้เป็นไปได้ แต่คิดไปคิดมากลับรู้สึกว่าหากการรับบุตรบุญธรรมสำเร็จ ฉีเชียนก็จะยิ่งถูกต้องตามกฎหมายมากขึ้นไปอีกไม่ใช่หรือ
“ก่อนหน้านี้ข้าเคยคิดว่าเขาไม่น่ากังวลนัก สนใจเพียงชื่อเสียงที่ฝ่าบาทสนใจ ไม่คาดคิดว่าอวี้ฉังคงจะวางแผนอยู่ข้างกายเขา ตอนนี้ดูแล้ว เป็นความคิดตื้นเขินของข้าเอง อวี้ฉังคงเข้ามาร่วมในโลกนี้แล้ว ย่อมต้องทำทุกอย่างเพื่อดันเขาขึ้นเป็นผู้สืบทอด ดังนั้นเขาจะได้เป็นโอรสที่ถูกต้องตามกฎหมายไม่ช้าก็เร็ว การรับเป็นบุตรบุญธรรมเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่การรับเป็นบุตรบุญธรรมในนามของพระสนมหรือในนามของฮองเฮานั้นย่อมต่างกัน” อวี้ลิ่งหลานเอ่ย “ท่านอ๋อง รุ่ยอ๋องได้เข้ามาอยู่ในหมากกระดานนี้แล้ว เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้”
ดวงตาของจ้าวอ๋องเต็มไปด้วยความอาฆาต เอ่ย “อยู่ดีๆ เป็นรุ่ยอ๋องไปก็พออยู่แล้ว ยังจะยื่นเท้าเข้ามายุ่งอีก เพราะรังเกียจชีวิตสุขสบายเกินไปอย่างนั้นหรือ ในเมื่อไม่อยากมีชีวิตอยู่ ก็ไม่ต้องอยู่ต่อไปแล้ว”
แค่ฉีเชียนลูกนอกสมรส คิดจะแย่งชิงบัลลังก์กับพวกเขา ฝันกลางวันไปเถิด
คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งหรือ
หากทำลายปีกที่ยังไม่สมบูรณ์ของศัตรูลงเสีย ก็คงไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งได้อีกต่อไปแล้ว
………………..