คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1163 ลักพาตัวหนูทองคำ
ตอนที่ 1163 ลักพาตัวหนูทองคำ
………………..
ฉินหลิวซีวิ่งออกจากโพรงมาถึงพื้นโลก เมื่อกลับไปยังซานชิงก็เห็นเถิงเจาใบหน้าม่วงคล้ำ พลังวิญญาณในตัวปั่นป่วน ราวกับกำลังสูญเสียการควบคุม พลังวิญญาณไหลออกมา
ในยามที่พลังวิญญาณของเขากำลังไหลออกมา บนศีรษะของเขามีนกสีเขียวมรกตตัวหนึ่งเกาะอยู่ กำลังค่อยๆ ดูดซับพลังวิญญาณที่ไหลออกมา ท่าทางมันเหมือนคนที่กินอิ่มจนเกินพอดี ถึงกับยืนไม่มั่นคงนัก
“เจ้าช่างรู้จักเอาเปรียบ” ฉินหลิวซีส่งเสียงหยันในลำคอ คว้านกกระเต็นน้อยที่กำลังคิดบินหนีเอาไว้อย่างรวดเร็ว ปล่อยให้มันดิ้นรนขัดขืนอยู่ในมือ มืออีกข้างสะกดจุดฐานวิญญาณของเถิงเจาเอาไว้ น้ำเสียงอ่อนโยน เอ่ย “ทำตามข้า ไหลเวียนพลังในร่างกาย เริ่มจากจุดฐานวิญญาณเคลื่อนไหวไป…”
เถิงเจาที่ปกติยังควบคุมการฝึกวิชาได้ดี ทว่าถูกความแข็งแกร่งในวิชาถาโถม ตบะเขาตอนนี้ไม่อาจรับเอาไว้ได้ ราวกับคนที่ฝึกวรยุทธ์แล้วถูกธาตุไฟเข้าแทรก พลังปั่นป่วน ดั่งไฟที่เผาไหม้ไปทั่วร่างกาย ทำได้เพียงใช้พลังทั้งหมดในการสะกดพลังที่กำลังปั่นป่วนเอาไว้
ในขณะเดียวกัน เจ้าโสมน้อยตามกลิ่นของฉินหลิวซีไป ข้างกายไร้ผู้คน
และเป็นเพราะเถิงเจามีความเคลื่อนไหว ทำให้ฉินหลิวซีมาแล้ว มิเช่นนั้นผลลัพธ์ไม่อาจจินตนาการ
ตอนที่เจ้าโสมน้อยพาหนูทองคำที่เกือบตายวิ่งออกมาจากโพรง ก็มองเห็นสถานการณ์ของสองอาจารย์และศิษย์ รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ฝ่ามือฟาดลงไปบนศีรษะหนูทองคำ เอ่ย “เป็นเพราะเจ้า ถ่วงเวลาข้า ถ้าเจาเจาแตกสลายไปจนพลังลดลง ข้าจะเอาเจ้าให้ตายไปเลย”
หนูทองคำใช้สองมือกุมหัวเอาไว้ ร้องจี๊ดๆ เสียงเบา ข้าไม่ได้บอกให้เจ้ามาที่รังของข้าสักหน่อย เพราะเจ้าดมกลิ่นตามมาเอง ข้ายังไม่ได้ให้เจ้าไปรื้อค้นรังของข้า เป็นเจ้าที่ชิงไปอย่างโจ่งแจ้ง
มันมองดูถุงใบใหญ่ที่ทำจากเถาวัลย์สานโดยเจ้าโสมน้อย ด้านในบรรจุสมบัติที่มันซ่อนไว้ ความเจ็บปวดในใจพลุ่งพล่านอย่างยากเกินทนและอยากจะร้องไห้ คนพวกนี้ นิสัยไร้ยางอายเหมือนกันไม่มีผิด
ฮือๆ ข้าไม่ได้เจ็บปวด ข้าโชคร้าย
หนูทองคำพยายามปลอบใจตัวเอง
เจ้าโสมน้อยคร้านจะมองมันที่กำลังอยู่ในอาการซึมเศร้า มองดูเจาเจาด้วยความเป็นห่วง รู้สึกโทษตัวเองขึ้นเรื่อยๆ มันไม่ควรตื่นมาก็เดินออกไป ใครจะรู้ว่าจู่ๆ เขาจะเกิดพลังปั่นป่วนขึ้นมาระหว่างเข้าฌาน
เถิงเจาค่อยๆ สงบลง ใบหน้าค่อยๆ กลับคืนสู่ปกติ เขาทำตามคำแนะนำของฉินหลิวซี เคลื่อนพลังลมปราณภายในเพื่อให้ไหลเวียนไปตามเส้นลมปราณ มือทั้งสองข้างขยับตวัดเปลี่ยนคาถา พลังวิญญาณไหลเวียนไปทั่วร่าง
เจ้าโสมน้อยเบิกตากว้าง
ฉินหลิวซีถอนมือกลับ มองดูเถิงเจาที่ประกอบภาพไท่จี๋ออกมาด้วยความพึงพอใจ
หยินหยางแปดทิศ ก่อเกิดสรรพสิ่ง
เขาได้บรรลุถึงจุดนี้ ก็ถือว่าได้ก้าวหน้าไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว
สองชั่วยามต่อมา แสงอาทิตย์อัสดงเลือนหาย เถิงเจาลืมตาขึ้นก่อนจะลุกขึ้นยืน โค้งคำนับฉินหลิวซีด้วยความกระดากใจ เอ่ย “อาจารย์ ศิษย์ฝึกวิชาไม่ดีพอ ทำให้ท่านต้องลำบากใจแล้ว”
ฉินหลิวซียิ้มพร้อมลูบศีรษะเขาเบาๆ เอ่ย “โชคดีที่เป็นเพียงเรื่องให้ตกใจ ต่อไปต้องจำไว้ให้ขึ้นใจ เมื่อถึงจุดสูงสุดแล้วจะเสื่อมถอย ทุกเรื่องอย่ารุดเร่ง ต้องรู้จักก้าวไปทีละขั้น”
เถิงเจาพยักหน้า
เจ้าโสมน้อยเดินเข้ามาด้วยท่าทีหงอยๆ เอ่ย “ท่านด่าข้าเถิด ข้าไม่ควรออกห่างจากเจาเจา เกือบทำให้เขาได้รับอันตราย”
ฉินหลิวซีเอ่ย “นี่ไม่ใช่ความผิดเจ้า จริงๆ แล้วข้าก็ผิด ที่ไม่ควรทิ้งพวกเจ้าไป แต่เมื่อเจ้ารู้ตัวแล้ว ก็ต้องจำไว้เป็นบทเรียน พวกเจ้าต่างเป็นเพื่อนกัน เจาเจายังเด็ก หากระหว่างการเข้าฌานเกิดความผิดพลาด อาจนำไปสู่เรื่องร้ายแรงได้ เมื่ออยู่ข้างนอก หากเขาเข้าฌาน เจ้าไม่ควรออกห่างจากเขา เพื่อป้องกันไม่ให้ภูตผีปีศาจเข้ามาฉวยโอกาส แม้กระทั่งเข้าครอบงำร่างเขา แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือตัวเจ้าเอง เจาเจา เพราะการฝึกฝนพึ่งพาตัวเอง ไม่อาจพึ่งคนอื่นได้ ตอนปิดด่านฝึกตนจะไม่มีใครอยู่ดูแลเจ้า”
เถิงเจารู้สึกตื่นตัว เอ่ยอย่างหนักแน่น “ศิษย์จะจดจำไว้”
ฉินหลิวซีมองไปยังนกกระเต็นในมือ เอ่ย “เจ้ามีความโชคดี แม้จะฉวยโอกาสไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ล้ำเส้น ไปเถิด”
นางโยนมือขึ้น นกกระเต็นร้องเสียงใส บินวนเป็นวงกลมในอากาศ ก่อนจะบินจากไป
ฉินหลิวซีมองไปที่หนูทองคำ เอ่ย “ของที่ซ่อนไว้เอาออกมาหมดแล้ว”
“ทั้งหมดอยู่ที่นี่ มันซ่อนของได้ลึกลับจริงๆ ซ่อนอยู่ในก้อนหินเลย เหอะ” เจ้าโสมน้อยเอ่ยด้วยท่าทางอวดดีพร้อมกับดึงถุงใหญ่ที่ถักจากเถาวัลย์ ซึ่งภายในเต็มไปด้วยของที่ดูรกรุงรัง
หนูทองคำรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก
เถิงเจาเพิ่งสังเกตเห็นสัตว์ตัวเล็กน่ารักนี้ ดวงตาเป็นประกายทันที สวย น่ารัก อยากได้
“อย่าไม่รู้จักสิ่งดีๆ ที่ผู้อื่นยื่นให้เชียว สัตว์ที่อยู่หลังอารามชิงผิง ต่างก็หลบผู้คนมาฟังการสอนธรรมตอนเช้ากันทั้งนั้น” เจ้าโสมน้อยเอ่ยเสริม “เจ้าแค่ตัวนิดเดียว ซ่อนอยู่ที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องกลัวคนเห็น ฟังนักพรตในอารามบรรยายธรรม เจ้าจะได้รับประโยชน์มากมาย”
หนูทองคำจ้องมองถุงใหญ่ในมือเจ้าโสมน้อย เอ่ยในใจว่าเอาของที่เป็นสมบัติของมันคืนมาได้หรือไม่
เจ้าโสมน้อยกำถุงแน่นแล้วเอ่ย “ตามพวกเราไป ของพวกนี้ถือว่าบริจาคเป็นทานแล้วกัน”
หนูทองคำ “…”
เห็นอยู่ว่าเจ้าเป็นโสมต้นหนึ่ง แม้จะมีร่างคน แต่ไยจึงทำท่าเข้าอกเข้าใจเช่นนี้
เถิงเจาทนไม่ไหวเดินเข้ามา อุ้มมันขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เอ่ย “เจ้าตามพวกเราไปเถิด ข้าจะสวดมนต์ให้เจ้าฟังทุกวัน”
หนูทองคำเงยหน้าขึ้น เห็นดวงตาสีดำวาวที่มองมันด้วยความเอ็นดูและชื่นชอบ มันมองตาค้างไปเล็กน้อย
เจ้าโสมน้อยมองท่าทางที่ทั้งคนและหนูกำลังประสานสายตาให้กัน เกิดความรู้สึกหึงหวงขึ้นมาทันที แย่แล้ว มันจะถูกลืมใช่หรือไม่
มันรู้สึกว่าถุงเถาวัลย์ในมือเริ่มร้อน อยากจะคืนถุงนั้นให้หนูทองคำแล้วปล่อยให้มันอยู่ที่นี่เสีย
ในดวงตาของฉินหลิวซีมีรอยยิ้มปรากฏขึ้น
มีสิ่งมีชีวิตวิเศษอยู่เป็นเพื่อนกับศิษย์น้อยของนางมากขึ้น เขาจะได้ไม่เหงา
ในที่สุดหนูทองคำก็เดินตามไปด้วย เมื่อกลับถึงอารามชิงผิง รู้สึกถึงกลิ่นอายของธูปและพลังวิญญาณในที่แห่งนี้ ทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองได้กำไรอย่างมากมาย แต่ว่าไยนักพรตน้อยจึงเรียกมันว่าเสี่ยวจินเล่า
มันเป็นหนูทองคำที่ฉลาดปราดเปรื่องนะ ช่วยตั้งชื่อที่ดูยิ่งใหญ่ทรงพลังกว่านี้ได้หรือไม่
ฉินหลิวซีมอบพลังแห่งบุญกุศลให้กับหนูทองคำเล็กน้อย ทำให้มันรู้สึกปลาบปลื้มอย่างมาก
“ไปฝึกกับเจาเจาเถิด เจ้ามีสติปัญญาและได้รับพลังบุญนี้ อีกไม่นานก็จะพูดภาษามนุษย์ได้” ฉินหลิวซีมองหนูทองคำ เอ่ย “อยู่กับเขา ปกป้องเขา อนาคตกายมนุษย์ของเจ้า เขาจะมอบให้เจ้าเอง นี่คือวาสนาของพวกเจ้า”
หนูทองคำกะพริบตาเล็กๆ ของมันสักพัก ร้องเสียง ‘จี๊ดๆ’ สองครั้ง แล้วกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของเถิงเจา
เถิงเจามองเจ้าตัวเล็กที่อยู่บนไหล่ของเขาด้วยรอยยิ้มกว้าง แต่กลับไม่สังเกตเห็นความนัยลึกในดวงตาของฉินหลิวซี
ส่วนเจ้าโสมน้อยมองฉินหลิวซีด้วยสายตาลุ่มลึก ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ความรู้สึกอึดอัดนี้มันคืออะไรกัน หรือว่ามันกำลังหึงหนูที่ดูไม่หล่อเท่าไหร่ตัวนี้
มันแกะถุงเถาวัลย์ในมือออกอย่างหงอยๆ ข้าวของของหนูทองคำกระจายเต็มพื้น ฉินหลิวซีเหลือบมองไปโดยไม่ตั้งใจ ดวงตาหรี่ลงในทันที
………………..