คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1166 บุกม่านอาคม รีบไปรีบกลับ
ตอนที่ 1166 บุกม่านอาคม รีบไปรีบกลับ
………………..
การจะฝ่าเข้าไปในม่านอาคมไร้ขอบเขตนั้น ถึงจะต่อกระดูกนิ้วชิ้นนั้นแล้ว แต่ฉินหลิวซีก็ไม่ประมาท เพื่อป้องกันไม่ให้ซื่อหลัวมาป่วนทำให้นางไม่สามารถจัดการเขาได้ นางจึงไม่เพียงแต่เรียกฟ่านคงมาช่วย แต่ยังเรียกเฟิงซิวมาทำหน้าที่อารักขาซ้ายขวาให้นางด้วย
เดิมเฟิงซิวก็รู้สึกว่านางเก่งกาจ แต่เมื่อได้เจอนางอีกครั้ง การบำเพ็ญของนางก้าวหน้าไปยิ่งกว่าเขา จึงรู้สึกวางใจขึ้นมา ทว่ารู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง มีบรรพบุรุษมีสำนักคอยป้อนช่างสุขสบาย
แต่ในขณะที่รู้สึกหงุดหงิด เขาก็เริ่มเป็นห่วงด้วย
ยิ่งมีพลังมาก หน้าที่รับผิดชอบก็มากขึ้น นับวันนางยิ่งแข็งแกร่งขึ้น นี่ไม่ใช่ประสงค์ของสวรรค์หรือไม่
เพราะฟ้าถล่มลงมาคนที่สูงย่อมต้องเป็นผู้รองรับไว้ เมื่อแผ่นดินปั่นป่วนเป็นธรรมดาที่คนแข็งแกร่งจะต้องเป็นผู้ปกป้อง เหมือนการปกป้องบ้านเมือง ต้องหาผู้กล้าหาญและมีปัญญาไปเฝ้าชายแดนสละชีพ จะให้คนที่ไม่มีกำลังแม้แต่จะจับไก่ไปทำการเช่นนั้นได้อย่างไร
เพราะฉะนั้น เขาจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าสวรรค์อาจกำลังคิดใช้ประโยชน์จากความโชคร้ายของฉินหลิวซีเป็นเครื่องมือ
“คิดอะไรอยู่หรือ” ฉินหลิวซีเห็นเขาเหม่อลอย จึงสะกิดแขนเขาพลาง เอ่ย “ข้าจะบุกเข้าไปในม่านอาคมนั้น จะถอดจิตออกจากร่างเข้าภายใน เจ้าต้องเฝ้าร่างของข้าให้ดี ช่วงเวลาคับขันอย่าปล่อยโซ่[1]เล่า หากร่างข้าหายไป เจ้าได้เจอดีแน่”
เฟิงซิ่วดึงสติกลับมา เอ่ย “วางใจเถิด” เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะอัญเชิญตานปีศาจ[2]ออกมา เอ่ย “ข้าให้ท่านยืมมันผสานเข้ากับดวงจิตของท่าน ป้องกันหากข้างในมีอันตราย”
ฉินหลิวซีปัดตานปีศาจนั้นกลับไปยังร่างเขาแล้ว เอ่ย “ไม่จำเป็น ตานปีศาจของเจ้ากลับจะยิ่งดึงดูดความสนใจ ข้ามีลูกแก้วที่ราชาผิงเติ่งมอบให้ เพียงพอแล้ว ดูแลตัวเจ้าเองให้ดีเถิด”
ด้านข้าง เฮยซาเดินเข้ามาท่าทางลังเล
ฉินหลิวซีหันมามองเขา เอ่ยถาม “เจ้ามีเรื่องอะไรหรือ”
เฮยซาส่ายศีรษะด้วยท่าทางเศร้าสลด เอ่ยด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร “ข้าเองก็อยากเข้าไปด้วย”
ฉินหลิวซีชะงักไปชั่วครู่ “เจ้าจะเข้าไปทำไมกัน”
พื้นที่นี้เดิมทีเป็นถิ่นของข้า หากไม่ใช่เพราะโดนเจ้าหลอกให้ออกมา ข้าคงไม่ถึงกับกลับเข้าไปไม่ได้เช่นนี้” เฮยซารำพันอย่างโศกเศร้า
นางล่อลวงให้ตนออกมาจากที่นั่น หลังจากออกมาใช้ชีวิตอยู่นอกข้างนอกไปหลายปี เขาเองได้พบกับแม่หมีหลายตัว และเริ่มมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมความเป็นมาอย่างเป็นมิตร เริ่มแรกก็สนุกสนานดี โลกภายนอกช่างน่าตื่นเต้นสมคำเล่าลือ
แต่ต่อมาเมื่อเจ้าอาวาสชื่อหยวนมรณภาพ นางหายตัวไปหลายปี เขาไม่ไปพูดคุยกับเหล่าเถิงเจาที่อารามก็ไปบำเพ็ญเพียรในป่าวั่นไหว จนรู้สึกชืดชาและคิดอยากกลับบ้านเกิด
แต่ครั้นเมื่อคิดจะกลับไป ก็กลายเป็นว่ากลับไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
คนทั่วไปย่อมพูดถึงการกลับสู่รากเหง้า ข้าเองเป็นภูตภูเขา หวังจะได้กลับคืนรังเดิมของตนเช่นกัน ยิ่งได้ออกไปเห็นโลกกว้างเพียงใด เขายิ่งอยากกลับไปในที่ของตนมากขึ้นเท่านั้น
ฉินหลิวซีเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “สถานการณ์ภายในไม่ชัดเจน เราไม่รู้ว่าเมื่อเข้าไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ไม่อาจเสี่ยงเช่นนี้ได้”
“ข้าไม่กลัว” เฮยซาตบหน้าอกตนเอง เอ่ยด้วยความองอาจ “ข้าคือผู้ยิ่งใหญ่แห่งทะเลทรายสีดำ ผู้คนขนานนามข้าว่าเฮยซาเฒ่าอสูร ข้าไม่กลัวพวกวิญญาณร้ายทั้งหลายหรอก”
“นั่นมันเมื่อก่อน” ฉินหลิวซีเอ่ย “ตอนนี้สถานที่แห่งนี้ถูกปกครองโดยซื่อหลัว ใครจะรู้ว่าเขาทำอะไรไว้ในนั้นบ้าง”
“ความจริง การที่เขาเข้าไปก็ดี จะได้ช่วยท่านได้อีกแรง และเขาเคยเป็นภูตของที่นั่น ย่อมรู้จักพื้นที่ดีกว่าท่าน” เฟิงซิวเอ่ย “พาเขาเข้าไปด้วย หากมีสิ่งใดที่ไม่ทันสังเกต เขายังช่วยบอกท่านได้”
เฮยซาพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
ฉินหลิวซีคงยังเงียบ
เฟิงซิวมองเฮยซาแล้ว เอ่ย “เพียงแต่ว่าที่นางเอ่ยก็ถูก เมื่อก่อนคือเมื่อก่อน ตอนนี้ไม่เหมือนเดิม ไม่รู้ว่าข้างในจะเปลี่ยนไปเพียงใด ไม่รู้ว่าจะยังเป็นทะเลทรายสีดำในความทรงจำของเจ้าหรือไม่ อาจจะเข้าไปข้างในแล้วไม่อาจกลับออกมาได้อีก หรืออาจตายอยู่ในนั้น”
เฮยซายิ้มกว้าง เอ่ย “ข้าไม่กลัวตาย หากข้าต้องตาย ก็เพียงสลายไปเป็นพลังวิญญาณของฟ้าดินเท่านั้น มีอะไรน่ากลัวเล่า ข้ากำเนิดเป็นภูตเมื่อภูเขายังอยู่ ข้าได้บำเพ็ญจนกลายเป็นภูต เมื่อข้าต้องถูกลบล้างไป ก็ขอตายในที่ที่ข้าเกิดมา จะกลัวสิ่งใด มีสิ่งใดให้เสียใจเล่า”
สิ้นคำพูดนั้น เขากลับรู้สึกว่าจิตใจของตนโล่งขึ้น มีบางอย่างระเบิดออกมากะทันหัน ความคิดปลอดโปร่ง จิตเขาแปรเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณที่จับต้องได้ เปลี่ยนเป็นร่างเงาของภูเขาที่พร่าเลือน
เหล่าเฟิงซิว “…”
นี่ ยังได้บรรลุการบำเพ็ญขึ้นไปอีก นี่คือความโชคดีของภูตสวรรค์หรือ
เฟิงซิวส่งเสียงหึ รู้สึกอิจฉาทั้งยินดี การได้อยู่ข้างๆ ฉินหลิวซี ล้วนได้รับพรจากนางไม่มากก็น้อย
เฮยซาเองก็ตกใจยิ่งนัก เขารู้สึกดีใจเหลือเกิน วิ่งวนรอบตัวฉินหลิวซีด้วยความร่าเริง เขารู้สึกได้ว่าตนเองแข็งแกร่งขึ้นมาก
เทพมีพลังศักดิ์สิทธิ์ มีพลังศรัทธา ย่อมดีกว่าการเข้าไปเสี่ยงภัยในทะเลทรายดำ
เฮยซาหยุดยืนตรงหน้าของนาง เอ่ย “เจ้าหมาจิ้งจอกเฒ่าตัวนี้ยังสามารถร่วมปราบมารไปกับท่านได้ แม้แต่พระ…มหาเถระก็มาแล้ว ข้าเชื่อว่ายังมีผู้คนอีกมากที่จะยอมทุ่มเทต่อสู้เพื่อใต้หล้า เหตุใดข้าจึงจะทำไม่ได้ การเป็นเทพภูเขาก็เป็นการคุ้มครองแผ่นดินอย่างหนึ่ง หากข้าเข้าไปในนั้น ก็เท่ากับเป็นการคุ้มครองใต้หล้าทั้งสี่ทิศ หากข้ารอดชีวิตได้ ข้าจะอยู่ในนั้นเพื่อเป็นสายลับ คอยรายงานความเคลื่อนไหวให้ท่าน”
ดวงตาของฉินหลิวซีมีน้ำตาคลอเบ้า
เจ้าจะไม่ได้ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว จะมีผู้บำเพ็ญเพียรมากมายมาร่วมสู้เคียงข้างเจ้า ปกป้องโลกหล้าโดยไม่ลังเล
คำพูดของผู้อาวุโสจิ้งฉือและใต้ซือฮุ่ยเหนิงยังดังก้องในหูของนาง คำพูดเหล่านั้นสะท้อนอยู่ตรงหน้าเฮยซา
ฉินหลิวซีหันมองไปยังเฟิงซิวซึ่งพยักหน้าให้นาง จากนั้นนางก็หันไปทางฟ่านคง
“อมิตาภพุทธ” ฟ่านคงพึมพำบทภาวนาออกมา เอ่ย “หากจิตใจของหมู่มนุษย์ระลึกถึงพระและภาวนา พระจะปรากฏให้เห็นในขณะนี้และในภายภาคหน้า เฮยซาได้บรรลุถึงนิพพานแล้ว ท่านผู้เป็นเจ้าแห่งสถานที่แห่งนี้ ไม่จำเป็นต้องโน้มน้าวเขาอีก ที่แห่งนี้คือถิ่นกำเนิดของเขา และจะเป็นสถานที่เขากลับไป”
“หมายความเช่นไร เอ่ยในสิ่งที่คนทั่วไปเข้าใจด้วยเถิด” เฟิงซิวเหลือบมองเขา เอ่ย “สมองของเฮยซาอาจไม่เข้าใจคำสอนที่ลึกซึ้งเช่นนี้”
เส้นเลือดที่ขมับของฟ่านคงกระตุกเล็กน้อย เอ่ย “จิตใจของมนุษย์กำหนดเส้นทางของตนเอง”
เอ่ยอีกหนึ่งประโยค และเงียบไป
เฟิงซิวเบ้ปากแสดงความไม่พอใจ เหตุนี้เองเขาจึงไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับพระที่สวมผ้าเหลือง พูดจาไม่ครบถ้วน ต้องให้คนอื่นคาดเดา ต่างจากลัทธิเต๋าที่พูดตรงและไม่เปลืองพลัง แนวคิดของลัทธิเต๋านั้นชัดเจน ทำก็แค่ทำ
“ในเมื่อเจ้าไม่เสียใจ ก็จงไปเถิด” ฉินหลิวซีเอ่ย “จิตใจปลอดจากความฟุ้งซ่าน เจ้าจะกลับไปยังถิ่นของเจ้า อย่ามีใจต่อต้านกับสิ่งใดในนั้น”
เฮยซาพยักหน้าอย่างหนักแน่น
ฉินหลิวซีเริ่มใช้คาถาคำนวณ หาจุดที่กำแพงเขตแดนบางที่สุด จากนั้นนางนั่งลงขัดสมาธิ ประสานมือร่ายคาถา แบ่งวิญญาณเสี้ยวหนึ่งลงสู่ตัวของเฮยซา พร้อมทั้งดึงเอาลูกแก้ววิญญาณที่ได้จากราคาผิงเติ่งออกมาลอยอยู่เบื้องหน้า
ฟ่านคงก็นั่งลงเช่นกัน เสื้อคลุมสีทองแดงผืนใหญ่ของเขาแผ่ปกคลุมร่างกาย ด้านหน้าวางกลองไม้สีทองแดงสลักอักษรบทสวดเขาพลิกมือ ไม้ปรากฏขึ้น บรรจงใช้ไม้เคาะลงไป เสียงดังก้องสะท้อนออกมา
เกิดคลื่นพลังไร้รูปพุ่งเข้าสู่ม่านอาคม พร้อมเสียงพระสวดดังจากปากเขา หนักแน่นและมั่นคง ทำให้จิตใจสงบเย็น
ฉินหลิวซีบีบมือในท่ามุทรา เข้าสู่สมาธิอย่างลึกซึ้ง แก่นวิญญาณหลุดลอยออกจากจุดแท่นวิญญาณ ตกลงสู่ลูกแก้ววิญญาณก่อนจะกระเด้งขึ้นลงอยู่สองสามครั้ง
เฟิงซิวยกมือขึ้นเล็กน้อย พลังปีศาจทำให้พื้นที่ที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ มองดูลูกแก้ววิญญาณนั้น เอ่ย “รีบไปรีบกลับ”
ฉินหลิวซีคว้าเอาเฮยซาที่แปรเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณ ลูกแก้วแปรเปลี่ยนเป็นแสงสว่างวาบหนึ่งพุ่งตรงไปยังรอยแยกเล็กๆ ของม่านอาคมนั้น
…
[1] อย่าทำพลาด
[2] ตาน คือสิ่งสำคัญของคนที่มีวรยุทธ์ที่ฝังอยู่ในร่างกาย จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ถ้ายิ่งฝึกฝน ถ้านำออกแล้วพลังจะหายไป