คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1169 ส่งสัญญาณให้สวรรค์มอบสิทธิพิเศษ
ตอนที่ 1169 ส่งสัญญาณให้สวรรค์มอบสิทธิพิเศษ
………………..
สัตว์หินสยบวิญญาณพิทักษ์สุสาน คือสัตว์หินที่ตั้งอยู่หน้าหลุมฝังศพ เพื่อแสดงถึงฐานะของเจ้าของหลุมฝังศพ ไม่เพียงแต่มีความสามารถในการขจัดสิ่งชั่วร้ายและป้องกันภัยพิบัติ ยังมีความหมายในการพาเจ้าของหลุมฝังศพขึ้นสู่สวรรค์อีกด้วย ดังนั้นหลุมฝังศพที่สามารถตั้งสัตว์หินเหล่านี้มักจะเป็นหลุมของผู้มีตำแหน่งสำคัญ
และสัตว์หินเช่นนี้ หากถูกวาดด้วยอักขระและนำมาสร้างเป็นค่ายอาคม จะมีพลังทำลายล้างที่รุนแรงมาก
ฟ่านคงสอดส่องความลับแห่งสวรรค์นี้ ดวงตาของเขาถูกสะท้อนกลับอย่างรุนแรงจนได้รับบาดเจ็บ ฉินหลิวซีรีบหยิบเม็ดยาให้เขากิน ใช้เข็มทองปักลงไปอีกครั้ง จากนั้นพันผ้าเพื่อปกปิดไม่ให้แสงรบกวน
“ยาเม็ดนี้ให้ท่านกินทุกวัน หลังจากที่กินหมดแล้ว ตาของท่านจะดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามท่านต้องพักรักษาตัว อย่าเพิ่งใช้ตาไปก่อน” ฉินหลิวซีเอ่ยพร้อมกับวางขวดยาใส่มือของฟ่านคง ก่อนจะเอ่ย “ในเขาเทียนตอนนี้มีท่านเพียงคนเดียว หากตาไม่สะดวก เคลื่อนไหวไม่คล่อง หากท่านยินดีก็กลับไปอารามชิงผิงกับข้าได้ ที่นั่นอยู่ใกล้กับวัดอู๋เซียง ไต้ซือฮุ่ยเหนิงเองก็เป็นผู้บรรลุขั้นสูง พวกท่านสนทนาธรรมกันได้”
ฟ่านคงเอ่ย “ตอนนี้ตาไม่สะดวก หากไปยังวัดอู๋เซียงก็อาจจะรบกวนไต้ซือ อาตมาคงต้องการรักษาตัวก่อน เมื่อดวงตาดีขึ้นแล้ว ค่อยไปหาท่านเพื่อสนทนาธรรม”
“เป็นนักบวชเหมือนกัน ไหนเลยจะมีคำว่าไปรบกวน ไม่ต้องเกรงใจเลย” ฉินหลิวซีบ่น
ฟ่านคงยิ้มเล็กน้อย “สัตว์หินสยบวิญญาณพิทักษ์สุสานนั้นไม่ใช่แค่สิ่งเดียว สิ่งที่ข้าเห็นในสายตา คือ ‘เซี่ย’ สัตว์ที่ใช้เป็นเครื่องบูชาในพิธีบูชาสวรรค์ การตั้งค่ายอาคมนี้ต้องอาศัยเสาหยกทั้งห้า และเชื่อมต่อกับจุดแกนกลางแปดทิศ มีทั้งหมดแปดสิบเอ็ดค่ายอาคมย่อย ซึ่งทั้งหมดไม่สามารถหาดวงตาค่ายอาคมได้ ดังนั้นมีแปดสิบเอ็ดสัตว์หินสยบวิญญาณพิทักษ์สุสานกระจายอยู่ภายนอก หากต้องการค้นหามันทั้งหมด คงต้องใช้เวลาและความพยายามมาก”
ฉินหลิวซีเอ่ย “แค่เราคงทำไม่ได้ ต้องหาคนมาช่วย เรื่องนี้ข้ารู้ดี ท่านพักรักษาตัวไปเถิด”
ฟ่านคงพยักหน้า
ฉินหลิวซีและเฟิงซิวกลับออกมา ขณะที่ฟ่านคงยืนอยู่หน้าประตูวัด สีหน้าของเขามีความวิตกกังวล
สิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่แค่สัตว์หินสยบวิญญาณพิทักษ์สุสานเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะการระเบิดของค่ายอาคมบูชาสวรรค์จะทำให้ผู้คนล้มตายมากมาย
“อมิตาภพุทธ”
บนเส้นทางหยินมุ่งหน้าไปยังหลิ่งหนาน เฟิงซิวเอ่ยกับฉินหลิวซี “พระเด็กน้อยผู้นี้ยังปกปิดบางเรื่องอยู่ เพียงเห็นสัตว์หินดวงตาค่ายอาคม คงไม่ถึงกับทำให้ดวงตาของเขาบอดได้หรอก”
การมองสอดส่องความลับของสวรรค์ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงได้รับการสะท้อนกลับรุนแรง ในเมื่อเขาตาบอดไปกว่าครึ่ง ก็คงต้องเห็นอนาคตเป็นแน่แท้
“อืม” ฉินหลิวซีสีหน้าไม่สดใสนัก เอ่ย “สิ่งที่เขาเห็นในความลับสวรรค์ คงโหดร้ายยิ่งกว่า ที่ไม่บอกก็คงไม่ต้องการสร้างความหวาดกลัวและปัญหาก็เท่านั้น”
แม้ฟ่านคงจะไม่ได้เอ่ยออกมา แต่นางก็เดาได้ว่าเขาเห็นภาพใด เพราะหากใช้ชีวิตของมนุษย์เป็นเครื่องสังเวย ก็ต้องเป็นการสังหารชีวิตผู้คนทั้งหลาย ความทุกข์ท่วมท้นอยู่ทั่วทั้งแผ่นดิน
เฟิงซิวเห็นว่านางเดาได้ลึกซึ้งแล้ว จึงไม่เอ่ยอะไรมาก เอ่ย “แล้วจะหาสัตว์หินนี้ได้อย่างไร”
“เริ่มจากแถวหลิ่งหนานนี้ก่อน ดูว่าจะหาสัตว์หินตนแรกเจอหรือไม่ ข้ากำลังจะขยับเสาหงส์ไฟนั่นพอดี หลิ่งหนานแถบนี้ก็เกิดน้ำท่วมฉับพลัน คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ” ฉินหลิวซีเอ่ย “หากหาสัตว์หินตนแรกเจอ ค่อยดูว่ามันคือสิ่งใด เจ้าใช้ภูติปีศาจไปตามหา ส่วนข้าก็จะไปดื่มกับราชาผีสักตัว”
“มีการเคลื่อนไหวใหญ่เพียงนี้ ไม่กลัวว่าจะดึงดูดความสนใจจากเขาหรือ”
“ดึงดูดความสนใจไปแล้ว ตั้งแต่ตอนที่ข้าคิดจะขยับเสาหยกขาวต้นนั้น เขาคงรู้สึกได้แล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ย “แต่ไม่เป็นไร มันก็ดีที่จะดูปฏิกิริยาของเขา ถ้าเขายังไม่เคลื่อนไหว ก็แสดงว่าเขาค่อนข้างมั่นใจในตนเอง และก็เหมือนที่ท่านจิ้งฉือที่วัดอวี้ฝอบอกไว้ ว่ายังไม่ถึงเวลาของเขา ทำได้เพียงรอไปก่อน”
“แต่การตั้งค่ายอาคมบูชาสวรรค์เล็กๆ เหล่านี้ เขาคงไม่ปล่อยให้พวกเราทำลายแผนการของเขาไปเฉยๆ โดยไม่ทำสิ่งใด”
“ดังนั้นจากนี้จะเป็นการต่อสู้กันระหว่างสองฝ่าย ข้าทำลายแผนการของเขา เขาก็จะมาหาเรื่องเรา” ฉินหลิวซีพยายามคิดจากมุมมองของซื่อหลัว “แต่ทั้งหมดนี้คงเป็นแค่เบื้องหน้าเท่านั้น ที่บอกว่าเรื่องไม่เกินสามครั้ง เขาไม่มีทางให้ตนเองพ่ายแพ้อีกครั้งแน่ บางทีเขาคงมีการเตรียมการกลยุทธ์ใหญ่ การบูชาสวรรค์อาจเป็นเพียงภาพบังหน้าเบี่ยงเบนความสนใจเท่านั้น”
“กลยุทธ์ใหญ่อะไร”
“อย่างไรก็คงอยู่ในค่ายอาคมนั่น ข้าจะพิจารณาให้ละเอียด ลองรับมือกับทุกสถานการณ์ไป รีบไปก็ทำอะไรไม่ได้ หากสวรรค์ยืนอยู่ข้างเรา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็เป็นการทดสอบ ขั้นตอนไม่สำคัญ ขอแค่ผลลัพธ์ดีก็พอ”
เฟิงซิวเลิกคิ้ว “ถ้าผลลัพธ์ไม่ดีเล่า”
เฟิงซิวหัวเราะเบาๆ น้ำเสียงนี้ของท่านไม่เหมือนกำลังข่มขู่เลยหนา ข้าเริ่มเชื่อทางท่าแสแสร้งของท่านแล้วจริงๆ
เห็นได้ชัดว่ากำลังบอกให้สวรรค์ดูเอาว่าจะจัดการกันอย่างไร
ใช่แล้ว หากสวรรค์ไม่ทำหน้าที่ ถูกซื่อหลัวหักกระดูก ปรับกฎขึ้นมาใหม่ เช่นนั้นก็เป็นชะตาของมัน โทษผู้ใดได้เล่า
ฟ้ากำลังสั่นสะท้าน เข้าใจแล้ว กำลังบอกใบ้ให้ต้องให้สิทธิพิเศษสินะ
หลิ่งหนานตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ ตำบลหนานซาน เขตเมืองหลวง พายุใหญ่ที่มาแบบไม่คาดคิดทำให้ชาวบ้านทุกคนตกใจ น้ำท่วมมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่สามารถหลบหนีทัน จนมีบ้านเรือนและพืชผลที่ยังไม่เก็บเกี่ยวหลายหลังถูกน้ำท่วม จนทั้งสัตว์เลี้ยงและซากศพมนุษย์ลอยไปในน้ำ ชาวบ้านที่รอดชีวิตหนีไปอยู่บนที่สูงในป่า ร้องร่ำไห้ด้วยความทุกข์
ฉินหลิวซีมองไปยังน้ำที่หลั่งไหลไปข้างล่าง สายตาของนางเย็นเยียบดั่งน้ำแข็ง
“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย”
เสียงร้องขอความช่วยเหลือเบาๆ ดังเข้ามาในหูของฉินหลิวซี
นางมองตามเสียงไป เห็นคนคนหนึ่งกำลังเกาะกิ่งไม้ท่อนหนึ่งลอยมากับน้ำ
ฉินหลิวซีไม่แม้แต่จะคิดพุ่งตัวออกไป ร่างของนางเร็วมาก เท้าของนางเหมือนแมลงปอแตะน้ำ วิ่งไปถึงกิ่งไม้แล้วดึงคนขึ้นมาด้วยมือเดียว
จากที่สูง ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์นี้ต่างก็มองด้วยความตะลึง
ใช่เทพเจ้าที่ลงมาเพื่อช่วยมนุษย์ในยามยากหรือไม่
ฉินหลิวซีหิ้วตัวหญิงสาวขึ้นมายังพื้นที่สูง นางช่วยหญิงสาวที่กำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ ซึ่งใบหน้าใกล้กับคางมีแผลจากกิ่งไม้ นางสลบไปแล้ว
ฉินหลิวซีหมุนหัวหญิงสาวไปด้านข้าง กดจุดบางจุด ส่งลมหายใจเข้าร่าง นางสำลักน้ำออกมาหลายครั้ง รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
“ขอบ ขอบคุณท่านเทพที่ช่วยชีวิตข้าเจ้าค่ะ”
ฉินหลิวซี พยุงหญิงสาวลุกขึ้นนั่ง มองดูโหงเฮ้งของนาง เอ่ย “เจ้าโดนใครทำร้ายมาใช่หรือไม่”
ใบหน้าของหญิงสาวนั้นแสดงถึงสภาพของผู้ที่อาจเสียชีวิตจากการสังหาร ดูเหมือนว่านางไม่ได้จมน้ำเพราะภัยธรรมชาติ แต่เพราะการกระทำของคน
หญิงสาวชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะร้องไห้ออกมา พร้อมลูบที่ท้องของตน กัดฟันเอ่ยเสียงแหบแห้ง “เป็นสามีของข้า เขาต้องการให้ข้ายกตำแหน่งให้ญาติสาวของเขา ผลักข้าลงน้ำ เขาจิตใจโหดร้ายยิ่งนัก ข้ากำลังตั้งท้องลูกของเขาอยู่นะ”
ฉินหลิวซีเอ่ย “ผ่านพ้นความทุกข์นี้ไป จะมีแต่โชคดี เจ้ามีจิตใจแข็งแกร่งและเด็ดขาด ต่อไปจะดีขึ้นเอง”
นางหยิบยันต์ออกมาแล้วยื่นให้หญิงสาว “นี่คือเครื่องรางคุ้มครองเจ้า ขอให้เจ้าโชคดีและมีชีวิตยืนยาว”
หญิงสาวรับยันต์มาโดยไม่เอ่ยอะไร
ฉินหลิวซีลุกขึ้นยืน เอ่ยกับเฟิงซิว “ไปกันเถิด ไปช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม”
หญิงสาวมองดูฉินหลิวซีและเฟิงซิวที่หายไปในพริบตา นางตกตะลึง คิดว่านางกำลังฝันอยู่ใช่หรือไม่ ถึงได้พบเทพเจ้าเช่นนี้
นางกัดปลายลิ้นตนเอง เจ็บ ไม่ได้ฝันไป
หญิงสาวมองยันต์แคล้วคลาดในมือของตนเอง น้ำตาหยดลงมา ถูกนางเช็ดออกอย่างแน่วแน่ กำยันต์ในมือเอาไว้แน่น
………………..