คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1176 นางมาแล้ว ดาวเสือขาวถือกำเนิด
ตอนที่ 1176 นางมาแล้ว ดาวเสือขาวถือกำเนิด
………………..
เฟิงซิวรู้สึกกังวลเล็กน้อย ว่าแต่เจ้าคนนั้นทำไมยังไม่มาสักที หรือว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นหรือไม่ คงไม่ใช่ว่าแม้แต่พลังอาฆาตนั่นก็จัดการไม่ได้กระมัง
เขายังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวจากระยะไกลกว่าร้อยลี้ มันคืออะไร
คิดจะไปสำรวจ ทว่าค่ายทหารนี้ก็ไม่อาจหลีกหนีไปได้ ฉินหลิวซีให้เขามาเฝ้ารักษาที่นี่ สตรีที่อยู่ข้างใน มีเครื่องรางหยกของฉินหลิวซี
แต่ว่าเป็นสตรีที่ใกล้คลอดแล้ว ยังจะมาอยู่ในสนามรบทำไม บุรุษของต้าเฟิงตายสิ้นแล้วหรืออย่างไร ให้สตรีท้องโตมาทำสงคราม ไม่กลัวจะเป็นอันตรายหรือ
เฟิงซิวได้ยินเสียงอื้ออึงมาจากในค่าย แม้จะบ่นอยู่ในใจ แต่ก็นับถือ คลอดลูกเจ็บปวดปานนี้ สตรีผู้นั้นกลับไม่กรีดร้องเสียงดัง สมแล้วที่เป็นสตรีที่เป็นแม่ทัพได้ จิตใจมั่นคง
“มองอะไร มองอีกข้าจะควักตาเจ้าออกมา” เฟิงซิวเฝ้าอยู่ข้างกระโจม จ้องเหล่าทหารที่เฝ้าอยู่เช่นกัน
ทหารเหล่านั้นโกรธทว่าไม่กล้าเอ่ยปาก
เพราะแม่ทัพของพวกเขาจะคลอดก่อนกำหนด ค่ายทหารแห่งนี้ห่างจากเมืองหลวงหนึ่งร้อยลี้ ร่างกายของนางกลับไม่เหมาะที่จะเดินทางกลับเมืองแล้ว
ในค่ายทหารนี้มีเพียงแพทย์ทหาร ไม่มีหมอตำแย อีกทั้งยังไม่มีอุปกรณ์พร้อมสำหรับการคลอด ทุกคนต่างก็วุ่นวายกันไปทั่วเหมือนแมลงวันที่บินไปทั่วโดยไม่มีหัว
นางไม่เพียงแต่เป็นแม่ทัพหญิง แต่ยังเป็นภรรยาของแม่ทัพเฉวียน ในท้องของนางคือเจ้านายน้อยแห่งตระกูลเฉวียน จะเกิดเรื่องขึ้นไม่ได้
ในตอนที่ทุกคนกำลังตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก เฟิงซิวผู้ที่งดงามราวกับสตรีผู้นี้ก็ปรากฏตัวขึ้น เมื่อรับรู้สถานการณ์แล้ว เขาก็หายตัวไปเหมือนผี สาบสูญไป
และเมื่อปรากฏกลับมาครั้งที่สอง เขากำลังถือหมอตำแยคนหนึ่งมาด้วย
ทุกคนต่างรู้สึกว่ามันแปลกประหลาด ไม่สิ ตั้งแต่ช่วงเวลาพลบค่ำจนฟ้ามืดราวกับเป็นเวลาไปยมโลก เหล่าทหารฆ่าตัวตายราวกบถูกล่อลวง พวกเขาก็รู้ตัวว่าตนเองโชคร้ายแล้ว
หากไม่ใช่เพราะท่านแม่ทัพตีกลอง เสียงกลองดังข่มขู่พลังเหนือธรรมชาติ ไม่แน่พวกเขาอาจจะตายกันหมดก็เป็นได้
พวกเขากลับไม่รู้ว่าสีเจิงไม่ได้เชื่อเฟิงซิว แต่เชื่อฉินหลิวซี เพราะเขารู้จักเครื่องรางหยกชิ้นนี้ และบอกว่านางจะมาในไม่ช้า
สีเจิงสีหน้าซีดขาว ทว่าไม่มีความหวาดหวั่นแม้เพียงนิด นางมาแล้ว ตนและลูกจะไม่เป็นไร
นางนั้นเป็นศรัทธาของตนมาตลอด
ดังนั้นต่อให้เจ็บจนแทบสะลึมสะลือ สีเจิงก็ไม่แสดงออกถึงความตื่นตระหนก
นางไม่ตกใจ ทว่าหมอตำแยกลับตกใจ
สตรีบ้านใดจะกล้าหาญเพียงนี้ ท้องใหญ่เพียงนี้ยังกล้าลงสนามรบ ให้ความสำคัญกับร่างกายตนเองหรือไม่
ตอนนี้คลอดก่อนกำหนด เด็กน้อยที่ขาดอีกไม่กี่วันถึงจะเจ็ดเดือนจะมีชีวิตอยู่ได้หรือไม่ย่อมบอกได้ยาก ที่สำคัญก็คือช่องคลอดนางไม่เปิดน่ะสิ
“จะคลอดเมื่อใด รีบทำคลอดสิ ไม่เห็นหรือว่าใบหน้าของท่านแม่ทัพเราซีดจนไร้สีคนแล้ว” ทหารหญิงที่มีแผลเป็นบนใบหน้า รูปร่างสูงใหญ่จ้องหมอตำแยเขม็ง
หมอตำแยมือสั่น คุกเข่าลงกับพื้น โขกศีรษะหลายครั้ง เอ่ยอึกอัก “ไม่ใช่ข้าไม่ทำคลอด แต่ช่องคลอดยังไม่เปิดเลย”
ทหารหญิงสีหน้าพลันเปลี่ยน
นางเองก็เป็นสตรี แน่นอนรู้ว่าช่องคลอดไม่เปิดจะมีผลอย่างไร ร้ายที่สุดคือเด็กตายอยู่ในครรภ์ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่านี่เป็นการคลอดก่อนกำหนด
ทหารหญิงมองไปยังสีเจิง อีกฝ่ายเปิดตาขึ้น กัดลิ้นหนักๆ เอ่ย “ไปเตรียมน้ำร้อนให้มาก ไม่ต้องกลัว จะมีคนมาช่วยพวกเราสองแม่ลูกอย่างแน่นอน”
ไม่ใช่ ท่านเจ็บจนบ้าไปแล้วหรือไม่ สถานการณ์เช่นนี้ช่องคลอดท่านไม่เปิด เทพเซียนก็ยังช่วยได้ยาก
เฟิงซิวคือราชาปีศาจผู้หนึ่ง แน่นอนได้ยินสิ่งที่ด้านในคุยกันแล้ว ส่งเสียงหยัน นี่เป็นความเชื่อใจแบบน่ามืดตามัวนี่นา แต่ก็เป็นผู้ศรัทธาที่มีใจมั่นคง
เขาลุกขึ้นทันใด ด่าออกไปในอากาศ “ในที่สุดก็มาแล้ว ท่านกลับไปเดินอ้อมอารามชิงผิงหนึ่งรอบก่อนมาหรืออย่างไร”
เหล่าทหารที่เฝ้าอยู่กับเขามองอย่างมึนงง แต่ไม่นานลำคอของพวกเขาก็ราวกับมีบางอย่างมาอุดเอาไว้ อยากร้องก็ร้องไม่ออก มองฉินหลิวซีที่ปรากฏตัวขึ้นมาท่ามกลางความว่างเปล่าด้วยความหวาดกลัว มือสั่นระริก
เฟิงซิวมองฉินหลิวซี รู้สึกไม่ถูกต้องนัก เอ่ยถาม “เจ้าไปสู้กับผู้ใดมา”
“ซื่อหลัว” ฉินหลิวซีเดินตรงไปที่กระโจม ทิ้งไว้หนึ่งประโยค “เขาแยกร่างมา ไว้ค่อยคุยกัน”
เฟิงซิวขมวดคิ้ว รอตั้งสติได้ นางก็เดินเข้าไปในกระโจมแล้ว
ฉินหลิวซีปรากฏตัวขึ้น ทำให้ทุกคนในกระโจมตกใจ สตรีร่างสูงใหญ่ยืนขวางอยู่หน้าเตียง จ้องฉินหลิวซีเขม็ง “ผู้ใดกันกล้าบุกเข้ามาท่ามกลางค่ายทหารเช่นนี้”
สีเจิงมองเห็นนางแล้ว ดวงตาวาดโค้งลง “ในที่สุดท่านก็มาแล้ว หม่าอิง ไม่ต้องกลัว คนคุ้นเคย”
ฉินหลิวซีดมกลิ่นเลือดในกระโจม มือตวัดร่ายคาถา กลิ่นเลือดเข้มข้นจางหายไปทันใด ตัวนางเดินมาหยุดอยู่ข้างสีเจิง มองชั่วครู่ จึงเอ่ย “ทารกในครรภ์อ่อนแอ รอไม่ได้ ข้าจะฝังเข็มกระตุ้นการคลอด เจ้าเชื่อข้าหรือไม่”
“เชื่อ” ดวงตาของสีเจิงเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น
ฉินหลิวซีหยิบเข็มเงินออกมา ยัดยาเข้าปากนางหนึ่งเม็ด เอ่ย “เสริมพลังชีวิต”
รสชาติเข้มข้นของโสมเข้าปาก ละลางลงสู่ลำคออย่างรวดเร็ว ร่างกายที่เย็นเฉียบของสีเจิงพลันอุ่นร้อนขึ้นมา ร่างกายกลับมามีพลัง ใบหน้าไม่ซีดเหมือนก่อน
หม่าอิงมอง ตกใจไม่น้อย สายตาที่มองฉินหลิวซีราวกับมองเทพเซียนอย่างไรอย่างนั้น
ฉินหลิวซีเอ่ยกับหมอตำแยที่กำลังตื่นตกใจอยู่เช่นกัน “ทำคลอดเด็ก”
“อ๊ะ โอ้ โอ้” หมอตำแยที่เต็มไปด้วยความสงสัยทำตามคำสั่งทันที บอกทำคลอดก็ทำ เด็กจะออกมาง่ายอย่างที่นางบอกได้หรือ
ฉินหลิวซีไม่มองหมอตำแย หยิบเข็มเงินขึ้นมา ฝังเข็มลงบนบริเวณท้องของสีเจิงหลายจุด ฝังเข็มแล้ว มือของนางเคลื่อนไหวพร้อมคาถาโดยไว บทสวดดังฮึมฮัมออกมาจากปากนาง ดังไปทั่วในกระโจม
สีเจิงรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการหดตัวของมดลูกอย่างรุนแรง ส่งเสียงดัง ขมับเต็มไปด้วยเหงื่อที่ผุดออกมา
“เปิด เปิดแล้ว” หมอตำแยตะโกนด้วยความตกใจ
ฉินหลิวซีมือซ้ายยังคงสะกดจุดบนท้องของสีเจิง ต่อด้วยการกระตุ้นให้เด็กออกมาทางช่องคลอด
ฟึบ
หมอตำแยรับเด็กทารกที่ผอมราวกับแมวน้อย ไม่ทันได้สติว่านางทำอะไรอยู่
ที่จริงไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ในมือพลันมีเด็กคนหนึ่งอยู่ในมือ
เมื่อครู่ช่องคลอดยังไม่เปิดเลย ไยเวลาชั่วพริบตา เด็กก็หลุดออกมา
ฉินหลิวซีถอนเข็ม ฝังลงไปในจุดอื่นอีกเพื่อห้ามเลือดให้สีเจิง จากนั้นมองไปยังช่องคลอด โชคดีที่เด็กตัวผอมเท่าลูกแมวผอม ช่องคลอดไม่ฉีกขาด
“เจ้าจัดการสำความสะอาดสักหน่อย” ฉินหลิวซีรับทารกจากมือหมอตำแยอย่างเบามือและเห็นว่าเด็กนั้นยังคงมีพลังมืดติดตัวมา คงเป็นผลมาจากกลิ่นอายพลังหยินจากเจดีย์ผี
นางตัดสายสะดือแล้วใช้นิ้วมือแตะที่หน้าผากของเด็ก ส่งพลังบริสุทธิ์ให้แก่เขาเพื่อขับไล่พลังมืดออกไป นางหยิบไม้จินกังขึ้นมาด้วยท่าทางอ่อนโยน นางใช้ไม้จินกังตีลงที่ก้นเด็กเบาๆ สามครั้ง
แสงสีทองเข้าสู่ร่างกาย
เด็กน้อยส่งเสียงร้องไห้เบาๆ ราวกับแมว
สีเจิงได้ยินเสียงร้องไห้นี้ วางใจขึ้นมา น้ำตาคลอเต็มเบ้า รู้สึกว่านางรู้สึกว่าหลังจากผ่านพ้นวิกฤติไปชีวิตของตนและลูกจะปลอดภัย
ด้านนอก เฟิงซิวมองเห็นสัตว์มงคลเสือขาวสว่างวาบเหนือกระโจม มุมปากยกขึ้น ซีเป่ยมีดาวเสือขาวมาจุติแล้ว แต่ละสถานที่จะต้องมีวีรบุรุษปกป้องแผ่นดินและทำให้บ้านเมืองมั่นคง
ครอบครัวนี้ ชาติที่แล้วไปโขกศีรษะขอพรจากที่ใดชาตินี้ถึงได้โชคดีเพียงนี้กันนะ
………………..