คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1198 ผลกรรมนี้ ข้ารับเอง
ตอนที่ 1198 ผลกรรมนี้ ข้ารับเอง
พอฝีดาบเหวี่ยงฟาดลงไป ปลิงดูดเลือดร่างสีทองแกมแดงก็ถูกบั่นเป็นสองท่อนกระดึ๊บไปมาบนพื้น
วิญญาณกู่อาซ่าที่อาศัยอยู่ในร่างนั้นก็กรีดร้องโหยหวนราวกับเสียงงู เสียงนั้นดังถี่และแหลมสูง เหมือนมีเส้นด้ายเล็กแทรกเข้าเยื่อโสตประสาท แสบระบมและคันหู
เมื่อฉินหลิวซีใช้อาคม พลังหยินอาฆาตที่แทรกซึมเข้าสู่ประสาทสัมผัสทั้งห้าก็แปรเปลี่ยนเป็นความว่างเปล่า อีกทั้งถูกไอความร้อนจากไฟนรกที่แผ่กระจายตามร่างกายของนางขจัดจนสิ้น ชั่วพริบตาเดียวพลังหยินอาฆาตก็สลายหายไป
“อ๊าก เจ้าโง่ เจ้าคิดว่าข้าตัวขาดแล้วจะตายอย่างนั้นหรือ ขอแค่แมลงกู่เหลือลมหายใจเฮือกสุดท้าย ย่อมฟื้นคืนชีพขึ้นใหม่ได้เสมอ” อาซ่ากรีดร้องเสียงแหลม
ฉินหลิวซีเอ่ย “เจ้าลองหันกลับไปดูด้านหลังสิว่าเจ้าจะยังฟื้นคืนชีพได้อีกหรือไม่”
การใช้ศาสตราวุธเทพมาสังหารปลิงดูดเลือดถือว่าใช้งานไม่เหมาะสม แต่ถือว่าให้ผลลัพธ์เกินตัว
พลังดาบเมี่ยหลัวร้องเสียงดังวิ้ง เจ้านายไม่เหมือนคนทั่วไป ดันใช้มันฟาดฟันร่างแมลง ชวนให้สะอิดสะเอียนใจนัก มันยอมสังหารสิ่งชั่วร้ายทั่วแผ่นดินยังดีกว่ายอมแตะต้องของนุ่มนิ่มเช่นนี้
เพราะมันไม่คู่ควร!
อาซ่ามองร่างตนตามสัญชาตญาณ พอเห็นเช่นนั้นมันก็ร้องโอดครวญเสียงแหลม วิญญาณหยินที่เหมือนทั้งคนและแมลงต่างลอยออกไป อีกทั้งปลิงดูดเลือดที่ขาดเป็นสองท่อนยังถูกแผดเผาจนมอดไหม้ด้วย
เศษซากวิญญาณหยินกรีดร้องราวคลุ้มคลั่ง ลมหยินซัดโหม พัดจนเสื้อผ้าปลิวเสียงดังสวบๆ หากไม่ใช่เพราะฉินหลิวซีสร้างม่านอาคมไว้ตรงนี้ พลังหยินคงกระจัดกระจายออกไปนานแล้ว
“ที่แท้วิญญาณก็ได้รับความเสียหาย มิน่าเจ้าถึงใช้กู่บงการคนนอก ใช้เลือดหล่อเลี้ยงร่างกาย ใช้วิญญาณทดแทนวิญญาณ” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเย็นชา “บ่อน้ำสะกดวิญญาณแห่งนี้ ความจริงสะกดเศษซากวิญญาณของเจ้าที่ไม่มีแรงกลับมาฟื้นคืนชีพได้แล้ว แต่ค่ายยันต์ของหินรูปสัตว์เข้ามาพลิกชะตาเจ้า เรียกความชั่วร้ายมาหล่อเลี้ยงดวงวิญญาณ เจ้าถึงกำเริบเสิบสานมากขึ้นเรื่อยๆ”
อาซ่าแสยะยิ้มเย็นชา “ใช่ เพื่อรับมือกับข้า นางปีศาจซือเฉิงถึงขั้นใช้พลังจิตวิญญาณเซ่นไหว้บูชา เพื่อสะกดไม่ให้ข้าไปผุดไปเกิดตราบชั่วนิรันดร์ แต่สวรรค์เห็นใจข้า ขณะที่ข้าคิดว่าดวงวิญญาณใกล้สลายเต็มทีแล้ว หินรูปสัตว์ที่ใช้สะกดบ่อน้ำก็แปรเปลี่ยนเป็นอสูรร้ายเรียกความชั่วร้าย ข้าจึงคว้าโอกาสนี้ไว้ ดุจน้ำที่เติมเต็มบ่อน้ำอันแห้งเหือด พอมีพลังหยิน บวกกับมีปลิงน้ำเข้าไปอยู่อาศัยถึงสามารถแพร่พันธุ์ได้ ทันทีที่ความสามารถที่แท้จริงฟื้นคืนกลับมา อยากให้น้ำในบ่อนี้หวานแค่ไหนก็ทำได้ทั้งนั้น มนุษย์โง่ที่ดื่มเข้าไป ลูกหลานของข้าก็จะเข้าสู่ร่างกาย จากนั้นพวกเขาก็กลายเป็นอาหารอันโอชะของข้า”
“มนุษย์โง่ๆ หรือ” ฉินหลิวซีเอ่ยเย้ยหยันที “ดูท่าทางเจ้าคงลืมไปแล้วว่าเจ้าเองก็เป็นมนุษย์ เห็นตนเองเป็นกู่ไปแล้วจริงๆ เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงปรารถนากลับมาฟื้นคืนชีพในร่างมนุษย์เล่า เป็นแมลงเก็บซ่อนตัวอยู่ในที่มืดไปชั่วชีวิตไม่ดีกว่าหรือ”
อาซ่าแปรเปลี่ยนความอับอายเป็นความโกรธ เอ่ยขึ้นว่า “เพราะปฏิเสธความโง่ของพวกเขาไม่ได้ ในเมื่อพวกเขาเลื่อมใสต่อข้า เต็มใจถวายตัวรับใช้เทพเอง กระทั่งยอมเป็นของเซ่นไหว้บูชา พลังหยินจากเลือดและความบริสุทธิ์ของเด็กสาวเหล่านั้น ยิ่งอร่อยและบำรุงร่างกายข้า…อ๊าก”
พลันไฟนรกก็ห่อหุ้มร่างของเขาไว้
อาซ่าหวาดกลัวสุดขีด มันสัมผัสได้ว่าดวงวิญญาณใกล้สลายไปเต็มที จึงคำรามขึ้นว่า “ฆ่าข้าตาย คนอื่นก็ต้องตายเหมือนกัน เจ้าต้องแบกผลกรรมมหาศาลนี้ไว้ ข้าเป็นเทพกู่ เป็นแหล่งพักพิงที่พวกเขาหวังเอาตัวรอด น้ำที่นี่กำเนิดขึ้นเพราะข้า และน้ำมีรสหวานก็เพราะข้า ทันทีที่ดวงวิญญาณของข้าสลาย น้ำในบ่อก็จะรสชาติเปลี่ยนไปและแห้งเหือด พวกเขาก็จะต้องตายในที่สุด สุดท้ายคนที่อยู่ในครรลองที่ถูกต้องอย่างพวกเจ้าก็คือฆาตกรฆ่าคน!”
ซือเหลิ่งเย่ว์แวบมาอยู่ข้างกายฉินหลิวซี พร้อมกุมข้อมือของนางไว้ มองออกไปนอกค่ายกลด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เสี่ยวซี อย่า”
ฉินหลิวซีมองไปทางด้านหลัง ไม่รู้ว่าพวกชาวบ้านมาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไร แต่พวกเขาเข้ามาไม่ได้เพราะติดค่ายอาคมนี้ บัดนี้อาซ่าได้รับบาดเจ็บ ทุกคนจึงมีอาการเจ็บปวดและทุรนทุรายฉายชัดบนใบหน้า ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนพุ่งตัวเข้ามาชนค่ายอาคมก่อนจะกุมท้องเกลือกกลิ้งไปมา
“เจ้าดูสิ” ซือเหลิ่งเย่ว์มองบุรุษร่างผอมบาง แต่พอเห็นเขาล้มลงกับพื้นก็เหมือนมีอะไรบางอย่างโฉบผ่านใบหน้าเขาไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานร่างของเขาก็แห้งเหี่ยวราวกับถูกสูบร่างไปอย่างไรอย่างนั้น
ดวงวิญญาณของเขาลอยออกจากร่าง ทว่าไร้ซึ่งความงุนงงราวกับถูกบงการ ก่อนเขาจะลอยไปหาอาซ่าที่เดินถอยไปจนถึงปากบ่อน้ำแล้วรวมร่างกันเป็นหนึ่งเดียว
ต่อจากนั้นก็เป็นเด็กคนหนึ่ง
“ให้พวกข้าเข้าไป เอาน้ำศักดิ์สิทธิ์ให้พวกข้า” ชาวบ้านโผเข้าหาไม่หยุด
ฉินหลิวซีเผยสีหน้าแน่นิ่งแล้วเก็บพลังกลับไป กระทั่งสะเก็ดไฟนรกสุดท้ายที่อยู่บนร่างของอาซ่าก็เก็บกลับมาด้วย
อาซ่ารู้สึกว่าดวงวิญญาณถูกฉีกทึ้ง ลอยละล่องเหนือปากบ่อน้ำก่อนดูดซับพลังหยินเข้มข้นที่ปล่อยออกมาจากบ่อ จากนั้นก็ซ่อมแซมดวงวิญญาณที่เสียหาย หัวเราะเสียงชั่วร้ายพลางเอ่ย “ข้าบอกแล้วว่าถ้าข้าตาย พวกเขาก็ต้องตาย พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของข้า เป็นของข้า”
พวกนางกล้าฆ่าเขาหรือ พวกนางไม่กล้าเพราะพวกเขาเป็นเพียงคนธรรมดา คนที่อยู่ในครรลองย่อมยึดติดกับความถูกต้อง ผลกรรมเช่นนี้ พวกนางไม่กล้ารับไว้แน่นอน
ขณะที่นางหมายลงมือ ซือเหลิ่งเย่ว์กลับว่องไวกว่านาง พลังเวทหลอมกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูลแม่มดสายขาวก่อนจะบิดเป็นเกลียวคลื่นพุ่งเข้าใส่อาซ่า
งูหลามยักษ์ดำทมิฬตัวนั้นพันรอบดอกบัวที่เปล่งแสงบริสุทธิ์ หัวงูผงาดขึ้นพลางอ้าปากกว้างก่อนจะกัดกินเศษซากวิญญาณของอาซ่า
ทั้งดุร้ายและอำมหิต ขณะที่หัวงูขยับเข้ามาใกล้ ฉับพลันนั้นก็มีไฟร้อนรุ่มปล่อยออกมาจากปากของมัน ซึ่งก็คือไฟดำทมิฬ และสิ่งที่วิญญาณหยินกลัวมากที่สุดก็คือไฟโหมลุกโชติช่วงเช่นนี้
อาซ่ากลับไม่ได้รู้สึกแปลกตากับไฟดำทมิฬนั้นเลย เพราะตอนนั้นเขาเองก็ตกอยู่ในมือของนางปีศาจซือเฉิงในลักษณะนี้เช่นกัน
นี่คือสัญลักษณ์ไฟอาคมของตระกูลแม่มดสายขาว มีเพียงทายาทสายเลือดบริสุทธิ์เท่านั้นถึงจะตระหนักรู้ในจุดสูงสุด พลังเวทสมบูรณ์แบบที่สามารถบงการได้ตามใจหวังต่างหากถึงจะสำแดงสัญลักษณ์ไฟอาคมออกมาได้
“เจ้ากล้าหรือ!” อาซ่าเองก็ปล่อยพลังหยินออกมาหมดเช่นกัน กระทั่งท่องบทสวดทำลายกู่ เพื่อให้กู่ในร่างมนุษย์ตาย ใช้วิญญาณหยินขวางไว้เบื้องหน้าจงใจทำให้นางหยุด จนกลายเป็นยันต์คุ้มครองเขา
ชาวบ้านต่างล้มลงพื้นทีละคน ความกลัวแผ่ขยายในใจของทุกคน ยิ่งทำให้พวกเขาหมายพุ่งตัวเข้ามาในค่ายอาคมอย่างบ้าคลั่ง
เกิดเสียงดังตู้ม
ฉินหลิวซีใช้ยันต์ห้าสายฟ้าระเบิดกองหินสูงพะเนินที่ใช้สะกดวิญญาณจนแตกเป็นเสี่ยงๆ พลังรุนแรงจนทำให้ค่ายอาคมพลังหยินชะงักงัน
เดิมทีอาซ่าก็ถูกไฟนรกแผดเผาจนวิญญาณเสียหายแล้ว เขาเป็นเทพกู่ที่ผสมผสานระหว่างวิญญาณคนและกู่ ซึ่งบงการแมลงกู่นับหมื่นนับพันผ่านพลังจิตได้ แต่หากพูดถึงความเก่งกาจอาจยังสู้เพลิงไฟที่แกร่งกล้าและร้อนฉ่าไม่ได้ โดยเฉพาะยามที่เขาเป็นวิญญาณชั่วร้ายที่สิงอยู่ในร่างของกู่
ส่วนอุปสรรคที่ซือเหลิ่งเย่ว์บอกก็เพราะเขาใช้กู่บงการมนุษย์ธรรมดา เขาผูกชะตากับคนเหล่านั้น ความจริงก็เพราะจับจุดของพวกเขาได้ ผู้ที่อยู่ในครรลองถูกต้องนั้นต่างไม่กล้ามองข้ามชีวิตแล้วแบกรับผลกรรมนี้ไว้ จึงให้ลงมือทำอะไรไม่ได้
คนผู้นี้ถือเอาคนมากมายมาเป็นตัวประกัน ดังนั้นตอนแรกถึงยังไม่กล้าทำอะไรวู่ว่าม
แต่ความจริงก็คือพอรู้ความเลวทรามของคนในหมู่บ้านนี้แล้ว ยิ่งรู้ถึงความหยิ่งผยองของเขา พวกนางกลับโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเขาเสียอีก!
เวลานี้เขาถูกสัญลักษณ์ที่แปลงกายเป็นงูไฟดำทมิฬพันรอบกาย ทุกแรงไฟที่โหมกระพือกำลังแผดเผาดวงวิญญาณของเขา ทุกครั้งที่เขาอ่อนแอลงก็จะมีเสียงร้องโอดโอยน่าสงสารดังแว่วมาจากด้านนอก
บ่อน้ำสะกดวิญญาณระเบิดขึ้นเผยให้เห็นหินรูปสัตว์นั้น ฉินหลิวซีถือศาสตราวุธเทพในมือ ขณะที่หมายเหวี่ยงฟาดลงไป ซือเหลิ่งเย่ว์ก็กรีดร้องขึ้นว่า “เสี่ยวซี อย่าเด็ดขาด!”
ใบหน้าของนางซีดเผือด สบโอกาสตอนที่นางชะงักแย่งศาสตราวุธเทพมาแล้วเอ่ยว่า “เจ้าอย่าทำเลย ข้าจัดการเอง”
ฉินหลิวซีผงะไป
ซือเหลิ่งเย่ว์กำศาสตราวุธเทพที่ไม่ได้อยู่ในโอวาทของนางแน่นพลางแบ่งปล่อยพลังเวทออกมา ฉีกยิ้มส่งให้นาง “เจ้าถอยไปด้านหลัง ผลกรรมนี้ ข้ารับเอง!”