คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1199 กำจัดสิ่งชั่วร้าย
ตอนที่ 1199 กำจัดสิ่งชั่วร้าย
ผลกรรมนี้ ข้ารับเอง!
หลังจากโพล่งประโยคนี้ขึ้นมา นางก็ขยับปลายเท้าแล้วกระโดดขึ้นกลางอากาศ ควงศาสตราวุธเทพในมือรอบหนึ่งก่อนจะฟาดลงบนหินรูปสัตว์นั้น
พลันอาคมพลันถูกทำลาย
อาซ่าที่ถูกงูไฟดำทมิฬรัดแน่นกรีดร้องเสียงโหยหวน พลังหยินชั่วร้ายคิดต่อต้านจึงพุ่งทะลวงใส่งูไฟ ทว่ายิ่งดีดดิ้นมากเท่าไร แรงรัดจากงูก็ยิ่งแน่นมากเท่านั้น
นอกค่ายอาคม คนที่มีแมลงกู่ในร่างกายต่างพากันร้องเสียงโหยหวน แต่ละคนล้มตัวลงพื้น บางคนก็สิ้นใจอย่างรวดเร็ว บางคนก็หายใจรวยริน
วิญญาณหยินพุ่งทะลวงค่ายอาคมเข้ามาก่อนจะล้อมร่างของซือเหลิ่งเย่ว์ไว้ พลังอาฆาตแปรเปลี่ยนเป็นความชั่วร้าย อ้าปากกว้างหมายกัดกินนาง
“สามหาว!” ฉินหลิวซีปล่อยพลังแห่งเต๋าออกจากร่าง หลอมกลายเป็นสีทองสว่างไสวก่อนจะทำลายวิญญาณอาฆาตพวกนั้นจนเป็นเถ้าธุลีอย่างไร้ความปรานี ในขณะเดียวกันนางก็คว้าตัวซือเหลิ่งเย่ว์เข้ามาปกป้องในอ้อมอก
ซือเหลิ่งเย่ว์หยิบกู่ประจำตัวออกมา ขณะที่มันบินไปหาอาซ่า รูปสัญลักษณ์พลันแตกกระจาย สองมือประสานกันผนึกร่ายอาคมซับซ้อน พลางนั่งขัดสมาธิไปด้วย
ครั้นอาซ่าเห็นว่างูไฟสลายไปแล้ว เดิมทีหมายคิดหนีเอาตัวรอด แต่กู่ประจำตัวของซือเหลิ่งเย่ว์ยังพุ่งเข้ามาก่อกวนเขาต่อ ชั่วขณะนั้นเขาก็เข้าใจแล้วว่านางหมายทำสิ่งใด
เขาผนวกรวมร่างกับวิญญาณกู่กลายเป็นเทพกู่ นางอยากให้กู่ประจำตัวของนางกลืนกินตนเข้าไป
ช่างบังอาจนัก!
หลังจากอาซ่ารู้อุบายของซือเหลิ่งเย่ว์แล้ว เขาก็ไม่คิดหนีอีก ในเมื่อนางอยากกลืนกินตนเขาไป ก็ดี จากนั้นตนก็จะได้เป็นวิญญาณกู่ของกู่ประจำตัวนาง สุดท้ายไม่รู้ว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ
เขาเป็นฝ่ายรุกเข้าหากู่ประจำตัวของนางเอง
ในเมื่อคนผู้นี้ไม่ปล่อยโอกาสให้ใครมีชีวิตอยู่รอด
ฉินหลิวซีมองจิตใจทะเยอทะยานของเขาออก ในขณะเดียวกันก็มองความคิดของซือเหลิ่งเย่ว์ออกเช่นกัน ยามที่ซือเหลิ่งเย่ว์ผลักดันให้กู่ประจำตัวสังหารอาซ่า ก็ได้สร้างม่านอาคมหนึ่งให้นาง จากนั้นก็เดินออกจากค่ายกลอาคมนั้นไป
เรื่องกลืนกินวิญญาณกู่ นางคงช่วยอะไรไม่ได้และทำได้แค่คอยปกป้อง อีกทั้งนางจะปล่อยให้คนตายไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
“นางปีศาจ เจ้าทำอะไรกับบ่อน้ำโบราณของพวกเรา ปล่อยให้พวกเราเข้าไปนะ” สองดวงตาของผู้ใหญ่บ้านแดงก่ำ พร้อมหนอนเส้นด้ายสีแดงโลหิตที่ไต่ออกมาจากดวงตาของเขา ขณะที่เนื้อหนังของเขาเองก็ยุ่ยเละตามไปด้วย
“นางปีศาจ ฆ่านางปีศาจนี้เสีย!” มีบุรุษคนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามา ทว่าถูกฉินหลิวซีเหวี่ยงร่างออกไปในคราวเดียว
ฉินหลิวซีมองคนที่ยังมีชีวิตอยู่ มือทั้งสองผนึกประสานกัน บทสวดยันต์วิญญาณประกายทองช่วยกดข่มตัวอ่อนกู่ในร่างของพวกเขาได้เป็นการชั่วคราว นางอยากช่วยยื้อเวลาให้ซือเหลิ่งเย่ว์
ทันใดนั้นยันต์วิญญาณประกายทองก็พุ่งเข้าใส่ร่างของเด็กน้อยก่อน รวมถึงสตรีด้วย ส่วนบุรุษ นางกลับหลบหลีกคนที่ใบหน้าดูเหี้ยมโหดและแฝงไปด้วยบาปกรรมเข่นฆ่าคน
เพราะคนแบบนี้ไม่คู่ควรที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
เมื่อมียันต์วิญญาณช่วยกดข่ม ตัวอ่อนกู่ไม่กำเริบขึ้นมาจริงๆ พลันคนพวกนั้นก็ค่อยๆ สงบสติลง บ้างก็มึนงง แต่พอเห็นว่าข้างกายมีคนตายก็กรีดร้องเสียงแหลมขึ้นมาอีก
ไม่รู้ว่าใครตะโกนว่านางปีศาจนำพาหายนะมาให้หมู่บ้านบ่อน้ำโบราณ ต้องเผาทิ้งเสีย
ทันใดนั้นผู้ใหญ่บ้านก็ล้มลงกับพื้น ยื่นมือออกมาหมายคว้าร่างของฉินหลิวซีไว้ เปล่งเสียงงึมงำในลำคอ ทว่าผ่านไปเพียงครู่เดียวก็สิ้นใจแล้ว พลันเลือดเนื้อก็หายวับไปอย่างรวดเร็ว
ฉินหลิวซีมองไปทางซือเหลิ่งเย่ว์ นางฉุกคิดขึ้นได้ว่าพอมีคนตายมากขึ้น พลังหยินชั่วร้ายที่สะท้อนกลับร่างก็จะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ซือเหลิ่งเย่ว์จะสู้ไหวหรือ
“ไม่ต้องสนใจข้า” เสียงของซือเหลิงเย่ว์ดังแว่วมา
ฉินหลิวซีเก็บสายตากลับมา การฝึกตนขึ้นอยู่กับบุคคล ด่านนี้ของซือเหลิ่งเย่ว์คงต้องพึ่งพาตัวเอง ขอแค่ผ่านการเข่นฆ่าแล้ว กู่ประจำตัวของนางถึงจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ วันหน้ายิ่งมีผลต่อการรักษาชีวิตมากขึ้นไปอีก
ทว่าฝั่งนาง ถึงแม้ชาวบ้านเหล่านั้นจะสงบสติลงแล้ว แต่พอเห็นคนในหมู่บ้านตาย ฉับพลันความโกรธก็อาบย้อมดวงตาของพวกเขาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าใครหยิบคบไฟโยนใส่ฉินหลิวซี
ฉินหลิวซีกลับรับเพลิงไฟนั้นมาด้วยมือเปล่า พลางจับจ้องไปที่คนพวกนั้น เขาก็คือหนุ่มน้อยวัยสิบเอ็ดสิบสองปี ใบหน้าขึงขัง นัยน์ตาวาวโรจน์ดุดัน ทว่าครั้นเห็นนางรับไฟด้วยมือเปล่า เขาก็อดตกตะลึงไม่ได้
อีกทั้งการรับไฟด้วยมือเปล่าของนางยังสร้างความตกตะลึงให้ทุกคนด้วย
นางปีศาจผู้นี้ไม่กลัวไฟแฮะ!
“คิดจะใช้ไฟเผาข้าหรือ” ฉินหลิวซีมองชาวบ้านที่หลงเหลือเบื้องหน้าพลางเอ่ย “เดิมทีข้าก็เป็นไฟอยู่แล้ว จะเผาตรงไหนดีเล่า”
ครั้นนางพูดจบ จิตใจก็เคลื่อนไหวไปตามความคิด พลันไฟก็ลุกโหมขึ้นใต้เท้าของนางก่อนที่จะอาบไล้ไปทั่วทั้งร่าง จากนั้นก็เดินหน้าเข้าไปหาพวกเขา
ทุกคนต่างส่งเสียงกรีดร้องพลางมองมนุษย์ไฟดุจอยู่ในบัวเพลิงด้วยท่าทีหวาดกลัว ก่อนจะเดินถอยหลังอย่างต่อเนื่อง
ฉินหลิวซีหมดอารมณ์เล่นด้วยจึงดับไฟนรกลง ทว่ากลับไม่มีอาการบาดเจ็บใดเลย
ยิ่งชวนให้ทุกคนตื่นตระหนกหวาดกลัวนาง ร่างบางสูงโปร่งยืนตัวตรงราวต้นสน ดูน่าเกรงขามและมิกล้ารุกราน
ทั้งๆ ที่มีไฟลุกท่วมตัวนางแต่กลับไม่มีร่องรอยบาดแผลใดเลยจึงสร้างความหวาดกลัวให้คนเหล่านี้ ทว่าไม่มีใครกล้าเรียกนางว่านางปีศาจอีก
เพราะพวกเขาเองก็กลัวตายเช่นกัน
วิ้ง
ฉินหลิวซีหันไปมอง จากนั้นก็เห็นซือเหลิ่งเย่ว์ใบหน้าซีดเซียว พลังเวทในร่างกำลังลดฮวบอย่างรวดเร็ว นางมองคนบริเวณนั้นแวบหนึ่ง แต่ไม่มีใครตายเพิ่มแล้ว
ทว่าคนที่มีตัวอ่อนกู่ในร่าง บวกกับหญิงสาวที่เคยมาขอบุตร และไม่รู้ว่ามีคนอีกมากมายเท่าไรที่ดื่มน้ำนั่นเข้าไป
ฉินหลิวซีหายตัวไปหาก่อนจะส่งพลังวิญญาณไปให้
ซือเหลิ่งเย่ว์มุ่งมั่นขึ้นมาบ้าง ตัดสินใจรีบสู้ให้จบโดยเร็วและลงมือสุดกำลัง
นางรู้ว่าหากมีฉินหลิวซีอยู่ นางไม่มีทางเป็นอะไรไปแน่นอน
ซือเหลิ่งเย่ว์ปล่อยพลังเวททั้งหมดไปหาร่างกู่ประจำตัวของนาง เพื่อทำให้วิญญาณกู่ออกจากร่างแล้วโผเข้ากัดอาซ่า
อาซ่า แบบนี้ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!
ทว่าไม่มีใครบอกนี่น่าว่าห้ามทำผิดกฎ
แต่หลังจากค่ายอาคมถูกทำลาย อีกทั้งฉินหลิวซีเองก็กดข่มตัวอ่อนกู่ในร่างของพวกชาวบ้านไม่ให้กำเริบได้แล้ว ซึ่งทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว
พอซือเหลิ่งเย่ว์ลืมตาทั้งสองข้างแล้วลุกขึ้นยืน ดวงหน้าเย็นชากลับขาวซีดดุจหิมะ ถึงแม้จะให้กู่ประจำตัวกลืนกินวิญญาณกู่ของอาซ่าเข้าไปสำเร็จ แต่นางก็ผลาญพลังเวทไปไม่น้อยเช่นกัน นางต้องพักรักษาตัว
ฉินหลิวซีเอายาเม็ดหนึ่งยัดใส่ปากของนาง เอ่ยด้วยสีหน้าเป็นห่วง “เป็นอย่างไรบ้าง”
ซือเหล่งเย่ว์กลืนยาลงคอพลางเอ่ย “ไม่เป็นไร แค่คงต้องลำบากเจ้าส่งข้ากลับเรือนที”
ฉินหลิวซีเอ่ย “ตัวอ่อนกู่นี่ฆ่าทิ้งตอนหลังไม่ได้หรือ ข้าใช้ยันต์วิญญาณประกายทองกดข่มมันไว้ได้ชั่วคราว ตอนนี้ยังพอรักษาชีวิตของพวกเขาได้อยู่”
ซือเหลิ่งเย่ว์มองไปทางนั้น จากคนกลุ่มใหญ่แน่นขนัด ตอนนี้กลับเหลือเพียงสี่ถึงห้าสิบคน นางเอ่ย “กู่ประจำตัวข้ากลืนกินวิญญาณกู่ใหม่เข้าไปจำเป็นต้องเก็บตัวฝึกบำเพ็ญ มันคงเข้าสู่สภาวะจำศีล ดังนั้นต้องรีบจัดการโดยเร็ว’”
ขณะที่พูด นางก็หยิบกู่ประจำตัวออกมา พลางท่องบทสวดร่ายเวทอันซับซ้อนออกจากปาก จากนั้นก็เห็นกู่ประจำตัวของนางเปล่งแสงสีทองแวบหนึ่ง เงาแมงป่องสีทองอันแกร่งกล้าก็แวบผ่านไป
ชาวบ้านเหล่านั้นรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน เหมือนมีบางอย่างทะลักขึ้นปาก จากนั้นก็คุกเข่าขย้อนมันออกมา อีกทั้งสิ่งที่อาเจียนออกมามีสิ่งมีชีวิตที่กระดืบยั้วเยี้ยแฝงอยู่ด้วย ทว่าไม่นานก็ไร้ความเคลื่อนไหว
เสียงอาเจียนดังขึ้นไม่หยุด
ซือเหลิ่งเย่ว์ใช้พลังเวทสุดท้ายที่เหลือ กู่ประจำตัวของนางไต่ทะลวงเข้าข้อมือนาง ก่อนที่นางจะร่างอ่อนยวบล้มพับไป
ฉินหลิวซีรับร่างของนางไว้ พอจับชีพจรดูถึงรู้ว่าแค่ใช้แรงหมดจึงแบกร่างนางขึ้นมาแล้วเอ่ยกับพวกขาวบ้านว่า “ถมบ่อนี้แล้วรื้อซุ้มประตูออกไปสร้างทางเข้าหมู่บ้านใหม่ การคงอยู่ของสิ่งเหล่านี้มีแต่จะนำพาภัยพิบัติมาให้พวกเจ้าและไร้ทายาทสืบทอด บัดนี้แมลงกู่ที่อยู่ในร่างของพวกเจ้าได้ถูกกำจัดทิ้งแล้ว ขอให้พวกเจ้าจงดูแลตัวเองให้ดี”
จากนั้นทุกคนก็เห็นนางหายลับไปท่ามกลางความว่างเปล่า จากนั้นพวกเขาก็โผเข้าหาบ่อน้ำกันอย่างพร้อมเพรียง
บ่อน้ำแห้งแล้ว สิ่งชั่วร้ายถูกกำจัดทิ้งแล้ว!
ทันใดนั้นท้องฟ้าก็มีหิมะตกโปรยปรายลงมา ไม่รู้ว่าใครปล่อยโฮออกมาก่อน จากนั้นเสียงร่ำไห้ก็ค่อยๆ ขยายเป็นวงกว้าง เสียงร้องอื้ออึงดังเฉียดฟ้า