คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1204 สิ่งที่นางติดค้าง ย่อมชดใช้คืน!
ตอนที่ 1204 สิ่งที่นางติดค้าง ย่อมชดใช้คืน!
………………..
มีคนไม่อยากให้ข้ามีชีวิตอยู่
คนผู้นั้นเป็นใคร มีร่างหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของฉินหลิวซีอย่างรวดเร็ว สีหน้ามืดมนราวกับสายน้ำ
“ฮ่องเต้หรือ” นางเอ่ยถึงคนผู้นั้นออกมาอย่างไม่หลบเลี่ยง คำพูด ณ ที่นี่ไม่มีใครได้ยิน
ร่องรอยของความกลัวผ่านเข้ามาในดวงตาของมู่จิ่น ทันใดนั้นก็กลับมาสงบอย่างรวดเร็ว กล่าวว่า “ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว”
ฉินหลิวซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เจ้ายอมแพ้แล้วหรือ ตราบใดที่เจ้าต้องการ ข้ากล้ารับรองได้เลยว่าไม่ว่าจะเป็นแมลงกู่หรือเป็นพิษฤทธิ์ช้าล้วนไม่ใช่ปัญหา ข้าจะช่วยเจ้า ให้เจ้ามีอายุยืนยาวกว่าเขา”
มู่จิ่นยิ้มพลางน้ำตาไหลออกมา เอ่ย “ท่านเจ้าอาวาสเป็นคนนอก เติบโตมาในลัทธิเต๋า ไม่เหมือนกับพวกเรา ท่านคงจะไม่รู้ถึงความน่ากลัวของอำนาจราชวงศ์ ข้าเชื่อว่าการรักษาของท่านจะทำให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แต่ท่านเจ้าอาวาส หากเขาอยากให้ใครสักคนตาย ย่อมไม่มีทางปล่อยไว้ สิ่งที่เขาอยากทำ แม้ว่าเขากำลังจะจากไป ก็จะให้คนเหล่านั้นจากไปก่อน”
“เหตุใดจึงได้กล่าวเช่นนี้”
มู่จิ่นกล่าวว่า “มีพ่อแม่บางคนเพื่อที่จะปูทางให้ลูกๆ พวกเขาจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อกำจัดอุปสรรคที่ขวางอยู่ตรงหน้า” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เอ่ย “ชื่อเสียงของราชวงศ์ต้องไม่เสื่อมเสีย ก็แค่สตรีกับภรรยาเท่านั้น ไม่มีสิ่งนี้ก็ยังมีสิ่งอื่น แต่ในบันทึกประวัติศาสตร์ ชื่อเสียงของราชวงศ์แปดเปื้อน สุดท้ายก็ไม่เหลือความสวยงาม”
นางมองออกไปนอกหน้าต่าง ข้างนอกหิมะกำลังตกหนัก กล่าวเสียงเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน “หลานชายของข้าเป็นสามีของน้องหญิง น้องสาวของสามีน้องหญิงเป็นภรรยาของบุตรชาย ผู้คนไม่กล้ากล่าวอย่างเปิดเผย แต่พวกเขาย่อมพูดเรื่องจริยธรรมของมนุษย์ลับหลังอย่างแน่นอน โดยเฉพาะพวกปัญญาชนผู้อวดรู้บางคนย่อมวิพากย์วิจารณ์อย่างไม่ลดละ และหากต้องการยุติเสียงเหล่านั้น เช่นนั้นก็ทำได้เพียงลบน้องสาวผู้นั้นทิ้ง เมื่อคนได้ตายไปก็จะไม่มีใครพูดอะไรได้อีก”
ฉินหลิวซีกำหมัดเบาๆ “ฮองเฮามู่ก็รู้ทุกอย่าง บันทึกประวัติศาสตร์ถูกเขียนโดยผู้ชนะ เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล”
มู่จิ่นยิ้มเล็กน้อย “ที่กล่าวมาก็ถูก แต่พี่หญิงใหญ่กลับลืมความเห็นแก่ตัวของคนที่นอนเคียงหมอน หากเขาต้องการเลือกผู้สืบทอด จะต้องเป็นผู้ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ต่อให้ไม่สมบูรณ์แบบ ก็จะทำให้เขาสมบูรณ์แบบ ในภายภาคหน้าหากกลายเป็นฮ่องเต้ผู้ปรีชา ผู้คนก็จะชมว่าอดีตฮ่องเต้เลือกได้ดี ท่านดูเถิด นี่ก็คือความเห็นแก่ตัวของฮ้องเต้”
นางลดสายตาลง กล่าวว่า “หนึ่งตระกูลมีคนรุ่นเดียวกันได้เป็นฮองเฮาถึงสองคน ซ้ำยังเป็นฮองเฮาของผู้เป็นพ่อกับลูก ไม่มีทางเป็นไปได้ เพียงแค่ลำดับความอาวุโสก็ยากที่จะอธิบายได้แล้ว ในท้ายที่สุดได้มีฮองเฮามู่ถึงสองคน อำนาจของญาติเป็นสิ่งที่ไม่มีฮ่องเต้คนใดอยากจะเห็น ดังนั้นข้าจึงต้องตาย”
ฉินหลิวซีเม้มริมฝีปาก ดังนั้นที่ตัวเองเลือกฉีเชียนก็เป็นการผลักให้คนที่อยู่ตรงหน้าเข้าสู่เส้นทางแห่งความตายหรือ
นางมองมู่จิ่น หลีกเลี่ยงสายตาสงบนิ่งของนาง รู้สึกผิดเล็กน้อย
ราวกับมู่จิ่นรับรู้ถึงอารมณ์ของนาง กล่าวว่า “ข้าไม่มีทางเลือกอื่น ความจริงแล้วข้าไม่ได้กลัว เพียงแต่เป็นห่วงบุตรชายข้า เขายังไม่ทันได้เติบโตมั่นคงเลย”
“ข้าจะปกป้องเจ้า” ฉินหลิวซีกล่าว
“ท่านเจ้าอาวาส ชะตาชีวิตไม่อาจฝ่าฝืนได้ หากข้าไม่ตาย คนที่ตายอาจเป็นบุตรของข้าหรือคนในตระกูลมู่ ตระกูลสวรรค์ไร้ความปรานี” มู่จิ่นจ้องมองนาง กล่าวว่า “ความจริงแล้วข้าอยากจะพบท่านเจ้าอาวาสอีกครั้งมานานแล้ว วันนี้ได้พบ นับว่าได้คลายปมในใจแล้ว”
คนอย่างนาง ราวกับแสงสว่างดึงดูดให้คนติดตาม แต่สุดท้ายนางก็เป็นเพียงแสงสว่าง ทำได้เพียงติดตาม ไม่อาจเข้าใกล้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเคียงบ่าเคียงไหล่
บางทีฉีเชียนก็อาจคิดเช่นนี้เหมือนกันกระมัง ดังนั้นภาพวาดม้วนนั้นจึงทำได้เพียงวางไว้ในสถานที่ลับที่สุด
ฉินหลิวซีไม่ค่อยเข้าใจว่านางกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร รู้สึกมึนงงเล็กน้อย
มู่จิ่นกล่าวว่า “หากท่านเจ้าอาวาสไม่ได้เข้าสู่ลัทธิเต๋า ก็คงเป็นหนึ่งในสตรีผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวง ไม่รู้ว่าจะมีชายหมายปองกี่คน แล้วก็ไม่รู้ว่าใครที่จะเหมาะสมกับท่าน”
ฉินหลิวซีกล่าวว่า “ไม่มีคำว่าสมมติ ชีวิตข้าเป็นเช่นนี้ ถูกลิขิตให้อยู่คนเดียว”
เมื่อนางเห็นว่ามู่จิ่นเริ่มตัวสั่นอีกครั้ง จึงเอ่ย “ข้าจะกำจัดพิษแมลงกู่ให้เจ้าก่อน ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องความตาย บุตรอายุยังน้อย จะทำใจได้อย่างไร หากไม่กำจัดแมลงกู่นี้ เจ้าคงไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้พวกเขาด้วยซ้ำ”
พลังหยินนี้ทำร้ายคนจริงๆ
มู่จิ่นรู้สึกชาที่ปลายจมูก เบือนหน้าไปทางอื่น
ร่างกายของฉินหลิวซีมีราชินีแมลงกู่ หากต้องการกำจัดแมลงกู่นั้นเป็นเรื่องง่าย นางวาดยันต์วิญญาณปกป้องชีพจรของมู่จิ่นบนหน้าผากของนาง จากนั้นก็จุดธูปหนึ่งดอก กล่าวว่า “กำจัดแมลงกู่อาจจะทรมานเป็นอย่างมาก เจ้ากัดไว้เถิด”
นางหยิบผ้าสะอาดหนึ่งผืนมาให้มู่จิ่นกัดไว้เพื่อไม่ให้กัดลิ้นตัวเองเมื่อรู้สึกเจ็บมากเกินไป จากนั้นก็กรีดที่ปลายนิ้วของนาง เรียกแมลงกู่ไหมทองออกมา มันมุดเข้าไปในบาดแผลทันที เริ่มเดินไปทั่ว
มู่จิ่นแข็งทื่อไปทั้งตัว
พลังอันแข็งแกร่งเดินผ่านเส้นลมปราณในร่างกายของนาง พลังงานความร้อนรุนแรงผสมกับความเย็นเดิมในร่างกายของนาง ร้อนๆ หนาวๆ เช่นนี้ ราวกับมีน้ำแข็งและไฟ เส้นลมปราณขยายและหดตัว ความเจ็บปวดทำให้นางส่งเสียงร้อง ร่างกายสั่นอย่างรุนแรง บนหน้าผากของนางมีเหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นมา ดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมา
ความเจ็บปวดแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย
ไม่นานมู่จิ่นก็ราวกับคนจมน้ำ ล้มลงบนเตียงอย่างอ่อนแรง เปียกไปทั้งร่างกาย ลมหายใจอ่อนแรง
ฉินหลิวซีเอากระดิ่งสามบริสุทธิ์ออกมา หมุนข้อมือแล้วเขย่า เสียงกระดิ่งที่คมชัดดังขึ้นในเรือน จิตวิญญาณเต๋าที่แฝงอยู่ในเสียงกระดิ่งนั้นมีพลังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ขับไล่ความเจ็บปวดทั้งหมด
มู่จิ่นหลับตาลง น้ำตาหยดลงบนหมอน
นางค่อยๆ รู้สึกว่าความหนาวเย็นที่กัดกร่อนกระดูกได้ออกไปจากร่างกาย และมีบางสิ่งคืบคลานออกมาจากปลายนิ้ว ในไม่ช้าความอบอุ่นที่อ่อนโยนก็ได้พุ่งขึ้นมาจากฝ่าเท้า แผ่ซ่านไปยังแขนขา
มู่จิ่นลืมตาขึ้น ใบหน้าของคนผู้นั้นค่อยๆ ชัดเจนขึ้นตรงหน้า
ฉินหลิวซีแตะแมลงกู่ไหมทองตัวอ้วน แต่ไม่ได้ให้มันกลับคืนสู่ร่างกาย ถือมันไว้ในมือ หลับตาลงเล็กน้อย มืออีกข้างหนึ่งร่ายคาถา ปากท่องคาถาแมลงกู่ เชื่อมจิตกับมัน
หากยาพิษฤทธิ์ช้าเป็นฝีมือของฮ่องเต้ แล้วแมลงกู่เป็นฝีมือของใคร
แมลงกู่ไหมทองกลืนกินแมลงกู่ตัวนั้น เมื่อวิญญาณแมลงกู่และสายกรรมของมัน เชื่อมจิตกับแมลงกู่ไหมทองก็จะทำให้มองเห็นได้ แน่นอนว่าการเชื่อมจิตนี้ก็คล้ายกับการค้นวิญญาณ เปลืองสมาธิเป็นอย่างมาก
หากไม่ใช่เพราะฉินหลิวซีรู้สึกติดค้างนาง นางก็จะให้พวกเขาไปตรวจสอบเอง
จิตสำนึกทางวิญญาณเชื่อมโยงกับจิตสำนึกของแมลงกู่ไหมทอง ในไม่ช้านางก็ได้รู้ว่าแมลงกู่นั้นคืออะไร คือแมลงกู่งูหยิน ตอนวางพิษเพียงแค่เอาผงกู่ซ่อนไว้ในเล็บ ละลายใส่น้ำหรืออาหารก็จะสามารถวางพิษกู่ได้อย่างเงียบๆ
พิษแมลงกู่งูหยินเป็นพิษหยินร้ายแรง ราวกับงูหยินเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ทำให้ร่างกายหนาวเย็นไปถึงกระดูก พลังหยินรวมตัวกัน หากอยู่ในร่างกายเป็นเวลานาน คนธรรมดาทั่วไปก็จะถูกกัดกร่อนด้วยพลังหยิน
ฉินหลิวซีตามหาคนด้วยแมลงกู่นี้ สาวใช้นามว่าหลิงหลงผู้หนึ่งได้รับคำสั่ง ซึ่งคนผู้นั้นก็คือ…
นางลืมตาขึ้น ความรู้สึกผิดยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ
เป็นพวกจ้าวอ๋อง เพียงเพื่อสร้างความแตกแยกระหว่างตระกูลมู่กับฉีเชียน ไม่ให้มีวาสนาได้ครองบัลลังก์ พวกเขาคำนวณแผนการทั้งหมด เป็นความจริงที่ความพยายามทั้งหมดนั้นสูญเปล่า แต่พวกเขาลงมือกับมู่จิ่น หวังจะให้ฉีเชียนกลายเป็นพ่อหม้าย ซึ่งก็ทำสำเร็จกัน
ฉินหลิวซีมองไปยังมู่จิ่น อย่างไรเสียก็เป็นนางที่ติดค้างคนผู้นี้ หากไม่ใช่เพราะนางผลักดันฉีเชียนไปอยู่ตรงหน้าฮ่องเต้ มู่จิ่นก็จะไม่ได้ประสบพบเจอกับสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่หรือ
แต่นางได้ทำลงไปแล้ว ผลกรรมได้เกิดขึ้นแล้ว
นางหยิบกระดาษยันต์ออกมาหนึ่งแผ่น สองมือพับนกกระเรียนกระดาษออกมาอย่างรวดเร็ว มอบให้มู่จิ่น “ด้วยนกกระเรียนกระดาษนี้ เจ้าสามารถขอข้าได้หนึ่งเรื่องจากความสามารถของข้า หรือจะเป็นลูกศิษย์ของข้าก็ได้ เพียงแค่เผามันก็พอแล้ว”
สิ่งที่นางติดค้าง ย่อมชดใช้คืน!
………………..