คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1205 แว้งกัดคืน ประเมินนางต่ำไป
ตอนที่ 1205 แว้งกัดคืน ประเมินนางต่ำไป
………………..
มู่จิ่นรับนกกระเรียนกระดาษเหมือนจริงที่ฉินหลิวซียื่นให้ นางรู้สึกสับสนเล็กน้อย ราวกับไม่เข้าใจ
ฉินหลิวซีไม่ได้อธิบายอะไรมาก นางเห็นความตั้งใจที่จะตายของมู่จิ่น จึงไม่ได้พยายามเกลี้ยกล่อม เพียงแต่หยิบยาถอนพิษออกมาจากถุงเฉียนคุนหนึ่งเม็ด ใส่ไว้ในขวดหยก ยื่นไปให้ด้วยเช่นกัน
“ข้าไม่ค่อยเข้าใจความคิดของผู้คนที่กำลังดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดภายใต้อิทธิพลอำนาจของราชวงศ์ แต่ข้าเข้าใจได้ ข้ารู้ว่ามีคนในตระกูลขุนนางที่เสียสละตัวเองเพื่อประโยชน์ของทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าครอบครัว หรือสตรีที่แต่งออกมา ย่อมมีคนเช่นนี้ เนื่องจากไม่สามารถทำตามใจตนเองได้” ฉินหลิวซีเอ่ยต่อ “เช่นเดียวกันกับธรรมชาติของมนุษย์ที่จะแสวงหาโชคลาภและหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ และเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะแสวงหาผลกำไรเช่นกัน เจ้าจะเลือกอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเอง ยาแก้พิษเม็ดนี้สามารถแก้พิษได้ร้อยชนิด หากเจ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ ตราบใดที่กลืนมันลงไป พิษชนิดนั้นจะเอาชีวิตของเจ้าไปไม่ได้”
มู่จิ่นขอบตาแดงก่ำ ไม่สามารถทำตามใจตัวเองได้ นางรู้อยู่แล้วว่าความจริงแล้วตัวเองไม่มีทางเลือก
“นกกระเรียนกระดาษนี้ หากเจ้าอยากมีชีวิตอยู่ เจ้าก็มีชีวิตอยู่ได้ เพียงแต่ต้องปล่อยวางทุกสิ่ง เปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่” ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “ทางเลือกขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเอง”
มู่จิ่นสูดลมหายใจ กล่าวว่า “เหตุใดท่านเจ้าอาวาสจึงได้ใจดีกับข้าเช่นนี้”
ฉินหลิวซีเงียบไปครู่หนึ่ง “เป็นเพราะผลกรรม”
มู่จิ่นตกตะลึง
ฉินหลิวซีป้อนยาให้นางหนึ่งเม็ด กล่าวว่า “แม้ว่าจะกำจัดแมลงกู่ไปแล้ว แต่ยังคงมีร่องรอยของพิษกู่อยู่ ข้าจะฝังเข็มให้เจ้า ฉีเชียนไม่อยู่ หากหลังจวนขาดแม่เรือน เด็กสูญเสียมารดา ไม่ใช่เรื่องดี”
คำพูดปฏิเสธของมู่จิ่นถูกกลืนลงคอ ปล่อยให้ฉินหลิวซีทำการฝังเข็มบนร่างกายของนาง ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั้งร่างกาย ก่อนที่นางจะเผลอหลับไป
ฉินหลิวซีท่องบทสวดสงบจิตชำระใจให้นาง จากนั้นก็เขียนใบสั่งยา มอบให้แม่นมหวัง แล้วก็จากไปอย่างเงียบๆ
หลังจากที่มู่จิ่นตื่นขึ้นมา ภายในเรือนก็จุดโคมไฟสว่างไสว ทว่าคนผู้นั้นไม่อยู่แล้ว มีเพียงนกกระเรียนกระดาษกับขวดหยกถูกวางไว้อยู่ข้างหมอนโดยไม่มีใครแตะต้อง พิสูจน์ได้ว่าอีกฝ่ายเคยมาที่นี่
นางนั่งลงก่อนจะหยิบนกกระเรียนกระดาษขึ้นมาจ้องมองอยู่พักหนึ่ง น้ำตาไหลอาบแก้ม
ฉินหลิวซีปรากฏตัวอย่างเงียบๆ ในจวนจ้าวอ๋อง พบจ้าวอ๋องซึ่งอยู่ในอาการเมามายไม่เรียบร้อย ไม่ครอบถุงกระสอบแล้ว ร่ายคาถาสกัดคำพูดแล้วลงมือจัดการ
หมัดหนักกระทบลงร่างกายของเขาดังตุบตับ เขาไม่แม้แต่จะส่งเสียงร้องออกมาได้ บนใบหน้าไม่มีบาดแผลแม้แต่นิด แต่กระดูกในร่างกายราวกับถูกบดขยี้ เขาเจ็บปวดจนใบหน้าบูดเบี้ยว อ้าปากร้องตะโกน แต่กลับต้องตกใจเมื่อพบว่าตัวเองตะโกนไม่มีเสียง และคนที่เขาเห็นนั้นก็ไม่มีใบหน้า
ผี มีผี!
จ้าวอ๋องทั้งตื่นตระหนกทั้งหวาดกลัว จนกระทั่งถูกนางหักกระดูกขาขวาและมือขวาของเขา เขากลอกตาเป็นลมหมดสติ
ฉินหลิวซีแสยะยิ้ม ลูบบนกระดูกที่หักแล้วเชื่อมต่อใหม่อีกครั้ง เพียงแต่หลังจากที่เชื่อมต่อใหม่ได้หักไปอีกหนึ่งท่อน แต่ยังคงทำให้คนมองไม่ออก
สวรรค์จงประทานพรไม่มีที่สิ้นสุด ข้าไม่ฆ่าเขา ข้าแค่ทุบตีระบายความโกรธ
หลังจากทุบตีจ้าวอ๋อง ฉินหลิวซีก็ไปหาอวี้ลิ่งหลาน หากไม่ใช่เพราะที่ปรึกษาของเขาผู้นี้มีความคิดนี้ขึ้นมา มู่จิ่นไหนเลยจะต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้
ดังนั้นเขาก็เป็นคนที่ต้องถูกทุบตีด้วย
ในขณะนี้อวี้ลิ่งหลานกำลังเปิดตำรา ทันใดนั้นก็ร่างกายแข็งทื่อ มองไปยังคนที่ปรากฏตัวกลางอากาศ
ฉินหลิวซีหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ คนธรรมดายังสามารถตระหนึกถึงการมาถึงของตัวเองได้ ผิดปกติ
นางเข้าโจมตีอวี้ลิ่งหลานโดยไม่ต้องคิด
เสียงดังสนั่น
ห้องถูกพังทลายลงครึ่งหนึ่ง ความโกลาหลใหญ่โตจนดึงดูดองครักษ์มาจำนวนนับไม่ถ้วน
อวี้ลิ่งหลานกลับถือโอกาสหายตัวไปในยามค่ำคืน
ผิดปกติจริงๆ ด้วย
ฉินหลิวซีเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ไล่ตามไปก็ได้เสกคาถาใส่
เปรี้ยง
สายฟ้าผ่าเสียงดัง ควันลอยออกมาจากร่างกายของเขา อวี้ลิ่งหลานกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ผมถูกระเบิดจนชี้ตั้ง ใบหน้าก็ดำเป็นถ่าน
เขาวางมือข้างหนึ่งลงบนพื้น อีกข้างหนึ่งเช็ดเลือดที่มุมปาก แสยะยิ้มพลางกล่าวว่า “เป็นถึงฝ่ายคุณธรรม ก็ยังใช้วิชาเต๋ากับคนธรรมดา? เจ้าไม่กลัวถูกสวรรค์ลงโทษหรือ”
“เจ้าว่าเขากล้าลงโทษข้าหรือไม่” ฉินหลิวซีเหลือบมองท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างเย่อหยิ่ง จากนั้นก็มองเขา “แล้วก็เจ้า คนธรรมดา? ก็แค่ปีศาจ เพียงแค่ขโมยเปลือกนอกมาก็คิดว่าตัวเองเป็นคนแล้วหรือ”
อวี้ลิ่งหลานตกตะลึง “ปีศาจอะไรกัน ข้าเป็นบุตรชายตระกูลอวี้ตระกูลลึกลับ คุณชายปั๋วอิน”
ฟิ้ววว
ฉินหลิวซีย้ายมาอยู่ตรงหน้าเขาภายในพริบตาเดียว เมื่อบีบคอของเขา พลังงานที่คุ้นเคยออกมาจากร่างกายของเขา นางออกแรงตามสัญชาตญาณ
ดวงตาของอวี้ลิ่งหลานเปลี่ยนเป็นสีแดง เอ่ยตะกุกตะกักว่า “เจ้ากล้าฆ่าคนหรือ”
ขณะที่เขากล่าว สายตาได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวหวาดกลัว เดี๋ยวเย้ยหยัน ราวกับมีสองดวงวิญญาณกำลังยื้อแย้ง
“ผียึดร่าง เหตุใดจะไม่กล้าฆ่า” ฉินหลิวซีแสยะยิ้ม หยิบหินเก้าตาออกมาจากที่คอ พันไว้บนคอของเขา รัดแน่น
อวี้ลิ่งหลานเบิกตาโต แต่ดวงวิญญาณยังคงไม่ลอยออกจากร่าง
ฉินหลิวซีร่ายคาถาลงบนหินเก้าตา หินเก้าตาส่องแสงสีทองแวววาว กลายเป็นตะขอแห่งความหนาวเย็น อำนาจปกคลุมทั่วทั้งร่างกายของอวี้ลิ่งหลาน วิญญาณผีค่อยๆ ลอยออกมาจากแท่นวิญญาณของเขา
เป็นบุรุษอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับอวี้ลิ่งหลาน พยายามดิ้นรนภายใต้หินเก้าตา และผีตนนั้นก็มีผนึกจิตวิญญาณที่นางคุ้นเคย
มันเป็นของศัตรูเก่าอย่างซื่อหลัว
ก่อนหน้านี้นางก็รู้สึกว่าอวี้ลิ่งหลานมีบางอย่างผิดปกติ แต่กระจกดูดวิญญาณเฉียนคุนกลับตรวจสอบไม่พบอะไร เป็นเพราะผนึกจิตวิญญาณของเขาประทับอยู่บนผีตัวนี้หรือ และตอนนั้นตบะของนางก็ไม่สู้ตอนนี้ จึงไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจน
ก็ไม่รู้ว่าวิญญาณตนนี้ยึดร่างมานานแค่ไหนแล้ว เข้ากันได้ดีกับร่างกายของอวี้ลิ่งหลาน ไม่มีความแตกต่างใดๆ ให้เห็นเลย ฉินหลิวซีเอื้อมมือออกไปคว้าดวงวิญญาณไว้
ไม่สิ เขายึดร่างมานานขนาดนี้ ซ้ำยังไม่ได้เปิดเผยเมื่ออยู่ต่อหน้าตัวเองหลายครั้งแล้ว แต่ตอนนี้กลับถูกเปิดเผย
คิดจะกัดข้า ข้าก็จะแว้งกัดคืน!
ไฟนรกราวกับบงกช ร้อนระอุและรุนแรง ไม่มีที่ให้หลบและไม่มีที่ให้หนี
ผีตนนั้นส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน แล้วได้สลายกลายเป็นเถ้าถ่าน จิตวิญญาณนั้นก็ถูกเผาไหม้ไปด้วย ไร้ร่องรอย
จิตวิญญาณถูกเผา ซื่อหลัวที่เป็นคนเสกผนึกนั้นได้รับผลสะท้อนกลับเป็นคนแรก จิตวิญญาณของเขาได้รับแรงกระแทกรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดวงวิญญาณสั่นสะท้าน แทบจะแยกออกจากร่างของเขาอย่างแรง
เขาประหลาดใจมาก เป็นไปได้อย่างไร
แต่เขายังไม่ทันได้ทำอะไรเลย เนื่องจากดวงวิญญาณที่อยู่ในส่วนลึกของดวงจิตได้อาศัยโอกาสโจมตีกลับ
มือทั้งสองข้างของซื่อหลัวร่ายวิชาไม่หยุด เสกไปที่แท่นวิญญาณของตัวเอง มีลมกรดหมุนวนอยู่รอบตัวเขา ดูดพลังวิญญาณที่อยู่รอบตัว ถูกเขานำทางเข้าสู่กระดูกพุทธะในแต่ละตำแหน่งของร่างกาย จากนั้นค่อยหล่อหลอมเข้ากับดวงวิญญาณที่ได้รับความเสียหาย ระงับความปรารถนาที่จะตอบโต้กลับของดวงวิญญาณเจ้าของร่าง
พลังทั้งสองยื้อแย่งกันในภวังค์จิต และลมกรดที่อยู่รอบตัวเขายังได้หมุนขึ้นไปด้านบน มีคนมาเห็นโดยบังเอิญจึงตกตะลึง
พายุน้ำวนยักษ์ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก แต่นี่คืออะไร พายุหิมะวน?
ซื่อหลัวสัมผัสแท่นวิญญาณ เลียริมฝีปากซีด หัวเราะในลำคอ ไฟนรกบงกชแดง?
ประเมินนางต่ำไปจริงๆ!
สีหน้าของเขาค่อยๆ สงบนิ่ง ดวงตาอันอบอุ่นเปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับทะเลเลือดที่ไร้ขอบเขต
………………..