คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1209 ผู้คนตะโกนทุบตีนักพรตปีศาจ
ตอนที่ 1209 ผู้คนตะโกนทุบตีนักพรตปีศาจ
………………..
ฉินหลิวซีพาเถิงเจากับเจ้าโสมน้อยกลับมาที่เมืองหลีก่อน พักอยู่ที่เรือนโอสถในบ้านเป็นเวลาหนึ่งคืน ปรุงยาลูกกลอนออกมาจำนวนไม่น้อย จากนั้นจึงได้เตรียมออกไปช่วยโลก
การเกิดขึ้นของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเป็นพิเศษหลังจากเกิดภัยพิบัติ มีเพียงการสังเกตสิ่งมีชีวิต สังเกตท้องฟ้าและพื้นดิน จึงจะสังเกตเห็นตนเองได้
ใครบอกว่าฝึกบำเพ็ญเต๋าจะต้องอยู่ในส่วนลึกของภูเขาป่าทึบและวัดวาอารามเก่าๆ จึงจะสามารถฝึกบำเพ็ญได้ ในโลกฆราวาสก็สามารถฝึกบำเพ็ญได้ เมื่อได้เห็นการมีอยู่ของสิ่งมีชีวิตในโลกนี้มากขึ้น จึงจะมั่นใจได้ว่าเส้นทางในหัวใจของตัวเองนั้นคือสิ่งใด
วิถีแห่งโลกมนุษย์ก็เป็นวีถีเช่นกัน
เพียงแต่ก่อนออกไปข้างนอก ฉินหลิวซีหันกลับมา มองไปยังฉีหวงที่เกาะขอบประตูส่งพวกเขา เอ่ยว่า “ฉีหวง เจ้าควรแต่งงานได้แล้ว”
ฉีหวงตกตะลึง
“ขอให้แม่สื่อของทางการดูเรื่องการดูตัวให้กับเจ้าเถิด” ฉินหลิวซียิ้มพลางแตะไปที่บริเวณหัวใจของนาง กล่าวว่า “ตอนดูตัว คนที่ทำให้หัวใจของเจ้าเต้นแรงเหมือนกลองคือคนที่จะมาเป็นคนรักของเจ้า”
ฉีหวงตกตะลึง อ้าปากค้าง คำพูดทั้งหมดกลายเป็นคำเดียว “เจ้าค่ะ”
ฉินหลิวซีโบกมือให้นาง พาเถิงเจากับเจ้าโสมน้อยออกนอกประตูไป เริ่มออกเดินทางจากเมืองหลีไปข้างนอก ปล้นคนรวยมาให้คนจน
แน่นอนว่าคนรวยที่นางปล้นนั้นไม่ใช่พ่อค้าร่ำรวยธรรมดาทั่วไปที่ทำงานรับจ้างแสวงหาผลกำไร แต่เลือกคนที่จะลงมือ คนชั่วที่บนตัวมีบาปกรรม โดยเฉพาะบาปชีวิต ก็คือเป้าหมายที่จะลงมือจัดการ
วิธีการเลือกคนคือปล่อยให้เถิงเจาสังเกตโหงวเฮ้งด้วยตัวเอง กระทั่งดูฮวงจุ้ยของบ้านเรือน นับว่าเป็นการทดสอบสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ในตลอดหลายปีที่เข้าลัทธิเต๋ามา
หากสังเกตผิดพลาด ฉินหลิวซีก็จะแก้ไขข้อผิดพลาดในทันที และชี้แนะว่าเขาผิดพลาดตรงไหน จากนั้นก็ให้คำแนะนำ
เป็นเช่นนี้ไปตลอดทางจากเมืองหลีไปยังเมืองฝู่ แล้วออกจากเมืองโจว พวกเขาได้ปลดปล่อยผู้คนและผีไปตลอดทาง
ในขณะที่ภัยพิบัติยังคงดำเนินต่อไป ราษฎรที่สิ้นหวังจำนวนมากกลายเป็นโจร ราษฎรที่ไม่ได้กลายเป็นโจรก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างเหน็ดเหนื่อย แม้ว่ารอบตัวจะมีคนตายอยู่เรื่อยๆ ก็ไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกเศร้าแต่อย่างใด เนื่องจากไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็จะต้องสิ้นหวังเช่นนี้
บางคนตายไปแล้ว ในใจมีความขุ่นเคือง ยังคงวนเวียนไม่ไปไหน กลายเป็นผีแค้น บางตนก็ไม่รู้ว่าตัวเองตายไปแล้ว ทั้งหมดนี้ต้องถูกสวดส่งวิญญาณ
เรื่องสวดส่งวิญญาณ ฉินหลิวซีให้เถิงเจาเป็นคนทำ นางจะเป็นคนเปิดประตูวิญญาณเอง สิ่งนี้คือการปลดปล่อยผี
ตั้งแต่ฤดูร้อนเดินทางมาจนปลายฤดูใบไม้ร่วง อาจารย์และลูกศิษย์ โสมตนหนึ่ง หนูตัวหนึ่ง ไม่รู้ว่าปลดปล่อยคนและผีไปแล้วเท่าไหร่ ได้เห็นความรักอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์ และได้เห็นความน่าเกลียดของมันเช่นกัน
เถิงเจาเริ่มสงบมากขึ้นเรื่อยๆ การตระหนักรู้ก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ การนั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญในทุกๆ วัน ล้วนตระหนักได้ถึงความหมายใหม่ๆ ของเต๋า ประกอบกับตอนที่ได้ปลดปล่อยคนและผีได้พบกับคนชั่วและผีชั่ว ผ่านการต่อสู้จริงจังอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตบะของเขามั่นคงและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทักษะการวาดยันต์ก็ล้ำลึกขึ้นเรื่อยๆ ทักษะวิชาแพทย์ก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
“ตอนนี้เจ้าสามารถเผชิญหน้าด้วยตัวคนเดียวได้แล้ว” ฉินหลิวซีชื่นชมเป็นอย่างมาก นางมีโชคจริงๆ ได้ลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม นางก็จะเหมือนกับปรมาจารย์ไท่เฉิง ทำตัวเป็นคนที่หาตัวพบได้ยากได้แล้ว
ปรมาจารย์ไท่เฉิงที่กำลังทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยจามขึ้นมา มองดูปีศาจร้ายตรงหน้าด้วยใบหน้าจริงจัง ค่อยๆ ยกธงอาคมออกมา
สบาย?
หลังจากที่ฉินหลิวซีมาหาเขา พื้นที่สะดวกสบายก็ห่างไกลจากเขามากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เขาเรียกได้ว่าเป็นคนทำงานแล้ว
เถิงเจาเอ่ย “ข้าวต้องกินทีละคำ ถนนต้องเดินทีละก้าว ไม่ควรมีพฤติกรรมเร่งรีบฝึกฝนมากเกินไป อาจารย์ที่เข้มงวดจึงจะมีลูกศิษย์ที่เก่งกาจ ท่านจะละทิ้งกลางคันไม่ได้”
ฉินหลิวซีเอาแขนคล้องคอเขาราวกับเป็นสหายกัน กล่าวว่า “อาจารย์อย่างข้าควรจะเกษียณอายุได้แล้ว ข้าไม่อยากเป็นเจ้าอาวาสคนแรกที่เหนื่อยตายเพราะทำงานหนัก เข้าใจหรือไม่”
คนวัยยี่สิบต้นๆ บอกว่าอยากจะเกษียณ?
เถิงเจายังอยากจะกล่าวอะไรบางอย่าง
ข้างหน้าเกิดความโกลาหล
แต่เมื่อเห็นคนธรรมดารูปร่างผอมกลุ่มหนึ่งท่าทางขี้โมโห ถือจอบเสียมและเคียวเกี่ยวข้าว สวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ไล่ตามนักพรตสองคนที่สวมชุดเต๋าพลางตะโกนว่านักพรตปีศาจอย่างคิดหนี
การสอนรวมถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้มาตลอดทางนี้ พวกเขาไม่ได้พบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนักพรตเพียงแค่ครั้งนี้ ก่อนหน้านี้ก็มีคนมากมายโจมตีพวกเขาอย่างรุนแรง
ดูสองอาจารย์ลูกศิษย์ที่อยู่ตรงหน้า ก็โดนทุกคนโจมตีไม่ใช่หรือ
เพียงแต่พวกเขาเป็นฝ่ายที่โจมตีเสียมากกว่า
ฉินหลิวซีเดินไปหาอย่างช้าๆ มองดูนักพรตเต๋าที่ถูกดึงมวยผมเละเทะ ชุดเต๋าขาดยับเยิน ถอนหายใจพลางกล่าวว่า “สหายเต๋าเฉิงหยางจื่อ อย่างไรเสียท่านก็เป็นนักพรตระดับสูงที่ก้าวเข้าสู่ขั้นสร้างรากฐานครึ่งหนึ่งแล้ว เหตุใดจึงต้องมาถูกผู้คนทำให้ต้องอับอายเช่นนี้”
เมื่อเฉิงหยางจื่อเห็นนางก็เหมือนกับเห็นผู้ช่วยชีวิต แทบจะร้องไห้แล้ว เขารีบวิ่งไปหานาง กล่าวว่า “สหายเต๋าน้อย ดีจริงๆ ที่เจ้าอยู่ที่นี่ รีบมาช่วยเร็วเข้า”
ฉินหลิวซีพยุงเขา กล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล”
นางมองไปยังเถิงเจา เขาได้ดึงซู่หมิงลูกศิษย์ของเฉิงหยางจื่อกลับมาแล้ว และได้ห้ามปรามราษฎรเลวทรามเหล่านั้น เจ้าโสมน้อยกำหมัดแน่นพลางร้องตะโกนบอกชื่อเสียงเรียงนามอย่างหยิ่งผยอง
“ไม่ว่าจะเป็นอารามเต๋าแบบไหน ก็ล้วนเป็นปีศาจร้ายที่หลอกลวงราษฎร หากไม่ใช่เพราะคนที่ออกบวชอย่างพวกเจ้า พวกเราไหนเลยจะต้องมีชีวิตที่ยากลำบาก มีภัยพิบัติเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นนี้” ชายร่างผอมที่มีผิวสีเหลืองซีดเป็นผู้นำตะโกนด้วยความโกรธ
เถิงเจาสีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา กล่าวว่า “ช่างน่าขันสิ้นดี ในเมื่อเป็นภัยพิบัติธรรมชาติ เช่นนั้นเจ้าก็ควรจะโทษเทพเจ้า โทษขุนนางที่ดำรงตำแหน่งโดยไม่ทำอะไรเลย โทษฮ่องเต้ที่โง่เขลา เหตุใดจึงได้มาโทษนักพรตกับพระภิกษุ พวกเราไปทำลายบ้านเรือนของพวกเจ้า ขโมยเสบียงอาหารของเจ้า ทำร้ายภรรยาและบุตรของเจ้าหรือ”
ชายผู้นั้นพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
“ในเมื่อไม่ใช่ แล้วเหตุใดจึงต้องขับไล่ทุบตีนักบวช พวกเขาทำให้เจ้าลำบากหรือ ตามที่ข้ารู้มา ตอนนี้นักบวชที่ต้องอยู่ในโลกฆราวาส ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุหรือนักพรต กระทั่งพ่อมด ล้วนพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ตกทุกข์ได้ยาก”
มีคนตะโกนว่า “ถุย ก็มีหมอผีนักต้มตุ๋นที่หลอกคน ทำเอาครอบครัวแตกแยกจนเสียชีวิตก็มี”
“ในยามยากลำบากก็มีคนทุกชนิด เช่นราษฎรอย่างพวกเจ้าก็เป็นคนดีที่เป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งหมดหรือ ก็มีคนที่กลายเป็นโจร และมีคนที่เต็มไปด้วยเจตนาร้าย ไม่ต้องเอ่ยถึงใคร เพียงแค่เจ้า แอบลักเล็กขโมยน้อยมาก็เยอะ ช่วงนี้เจ้าก็ได้ขโมยทรัพย์สินของคนอื่นนี่” เถิงเจามองชายผู้มีดวงตาเจ้าเล่ห์ที่ทำตัวเหมือนเป็นคนซื่อสัตย์ด้วยความรังเกียจ กล่าวว่า “เจ้าไม่เพียงแต่ขโมยเก่ง ซ้ำยังล่วงประเวณีเป็นชู้กับภรรยาคนอื่น”
ฉินหลิวซีกระแอม เฉิงหยางจื่อที่ตาโตอ้าปากค้างด้วยความอึดอัดหัวเราะเบาๆ “ลูกศิษย์ของเจ้าช่างชอบพูดความจริงเหลือเกิน”
เฉิงหยางจื่อกระตุกมุมปาก
ส่วนคนผู้นั้นที่ถูกเถิงเจาเรียกสีหน้าเปลี่ยนไป “เจ้าเอ่ยเหลวไหล พวกเขาเป็นพวกเดียวกันจริงๆ ด้วย นักพรตปีศาจใช้คำพูดหลอกลวงผู้คน ตีพวกเขาให้ตาย”
“ท่านป้าผู้นี้ เป็นท่านที่ทำเงินหายกระมัง” เถิงเจามองไปยังป้าที่ถือมีดทำครัว เหลือบมองสตรีที่อยู่ข้างๆ นางอย่างมีนัยยะ เอ่ย “พวกท่านชักศึกเข้าบ้านแล้ว”
ท่านป้าผู้นั้นตกตะลึง จ้องมองลูกสะใภ้ที่อยู่ข้างๆ “เป็นเจ้าหรือไม่ ข้าว่าแล้วว่าเงินครึ่งหนึ่งของข้าที่ซ่อนอยู่ใต้แผ่นหินในห้องน้ำมันจะหายไปได้อย่างไร นางแพศยาอย่างเจ้า ข้ารู้ตั้งนานแล้วว่าเจ้าไม่ใช่คนดีอะไร ข้าจะตีเจ้าให้ตาย”
สตรีผู้นั้นที่ตกใจกับคำพูดของเถิงเจากรีดร้องแล้วกุมหัววิ่งหนีไป