คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1219 เผยต้นกำเนิดที่แท้จริงของนาง!
ตอนที่ 1219 เผยต้นกำเนิดที่แท้จริงของนาง!
………………..
ขณะที่ลมพลังวิญญาณ จากฝ่ามือของฉินหลิวซีพัดถล่มถ้ำ เงาดำหนึ่งก็ถูกนางบังคับให้ออกมา
เมื่อเห็นเงาดำ นางไม่ได้หยุดชะงักแม้แต่นิดเดียว ไม่พูดอะไรสักคำ โจมตีใส่เขาด้วยความเร็วและแม่นยำ เห็นได้ชัดว่าฝ่ายตรงข้ามคิดไม่ถึงว่านางจะโจมตีโดยไม่พูดอะไรเลย ตอบสนองอย่างรวดเร็ว หลบออกไป
เมื่อเงาดำปรากฏขึ้น ปรมาจารย์ไท่เฉิงก็เกร็งไปทั้งตัว เป็นพลังแข็งแกร่งที่ไม่เคยมีมาก่อน
เงาดำตรงหน้านี้ซ่อนอยู่ในถ้ำ เขากลับไม่สังเกตเห็นเลยแม้แต่นิด กระทั่งไม่รู้ว่าเขาอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ และพลังของเขาก็น่าขนลุก
นี่เป็นการมีอยู่ที่น่ากลัวและรับมือยากกว่าปีศาจผีเสียอีก
หรือว่าจะเป็น…
ปรมาจารย์ไท่เฉิงรูม่านตาหรี่แคบลง คว้าเครื่องรางของตัวเองไว้ เรียกกองกำลังเสริมตอนนี้จะทันหรือไม่
ฉินหลิวซีพลาดการโจมตีครั้งแรกจึงไล่ตามไป ในขณะเดียวกันก็เติมเต็มกระแสจิตลงไปในกระดิ่งสามบริสุทธิ์ที่อยู่ในมือ กระดิ่งสั่นสะเทือน ก่อนจะลอยไปหาเขาราวกับดาบน้ำแข็งที่หนาวเหน็บเข้าไปในกระดูก
การโจมตีของเสียงราวกับดาบ อันตรายถึงชีวิต
ซื่อหลัวหัวเราะเสียงดัง มือทั้งสองข้างร่ายม่านอาคมป้องกันรอบตัว จากนั้นก็ร่ายคาถาอย่างรวดเร็ว คำว่า ‘ทำลาย’ หลุดออกมาจากปากของเขา
กระดิ่งสามบริสุทธิ์สั่นอยู่ครู่หนึ่ง การโจมตีของเสียงพังทลายลง
ฉินหลิวซีใบหน้าเย็นชา เคลื่อนไหวรวดเร็ว กลายเป็นสายฟ้ามาอยู่ตรงหน้าเขา ฟาดไม้จินกังลงไป
เป๊าะ
ม่านอาคมป้องกันถูกนางทำลาย ซื่อหลัวสกัดไม้จินกังของนางไว้ กล่าวว่า “ไม้กระจอกๆ ของราชายมโลก เจ้ากลับใช้มันได้อย่างคล่องมือ แต่มันจะมีประโยชน์อะไร”
“มันไม่มีประโยชน์ แล้วสิ่งนี้ล่ะ” ไม่รู้ว่าฉินหลิวซีหยิบเข็มเงินฝังลงไปบนจุดฝังเข็มใหญ่บนร่างกายเขาหลายจุดตั้งแต่เมื่อไหร่
ซื่อหลัวชะงัก กำลังจะใช้กระแสจิตไล่มันออกไป
ฉึก
เข็มบินเหล่านั้นได้เข้าสู่ร่างกายของเขาแล้ว แทงเข้าไปในเส้นลมปราณต่างๆ เข็มนั้นร้อนระอุดั่งงูไฟ ราวกับลุกไหม้มาจากข้างใน
ซื่อหลัวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้โกรธ หลีกเลี่ยงการโจมตีของนางอีกครั้ง ถามด้วยรอยยิ้มว่า “ลูกไม้ของเจ้ามีไม่น้อยเลย เข็มนี้มีชื่อเรียกว่าอะไรหรือ”
เข็มเงินธรรมดาทั่วไปจะไม่เป็นเช่นนี้ หลังจากเข้าสู่ร่างกายก็จะไหลไปทั่วเส้นลมปราณอย่างรวดเร็ว บอกได้เพียงว่าเข็มนี้นางได้หล่อหลอมมาแล้ว
ฉินหลิวซีเอ่ย “มีคำถามย่อมมีคำตอบ เจ้าถามข้าตอบ เจ้าตอบข้าถาม ดีหรือไม่”
“ตกลง”
“ศูนย์กลางของค่ายอาคมที่นี่ไม่ใช่ดวงตาของค่ายอาคม หมากนี้เจ้าตั้งใจวางเพื่อข้าโดยเฉพาะงั้นหรือ” ฉินหลิวซีเอ่ยพลางเสกคาถาใส่
“ถูกต้อง” ซื่อหลัวสกัดกลับคืนมา เขาเสกคาถาสายฟ้า “การรับมาโดยไม่ตอบแทนนั้นไร้มารยาท นี่เป็นสิ่งที่เจ้าสอน พูดคุยกับผู้อาวุโส ให้ความเคารพสักหน่อย อย่าเล่นอุบายสกปรก”
ปัง
ฉินหลิวซีโดนผ่าเข้าเต็มๆ นางสวมเสื้อผ้าอีกชุด เลียเลือดที่มุมปาก เอ่ย “เจ้าอยากจะฆ่าข้าหรือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดจึงไม่ลงมือโดยตรง”
“เจ้าเคยได้ยินคำพูดที่ว่าการไร้ศัตรูนั้นเหงาเพียงใดหรือไม่ การต่อสู้ที่ไร้คู่ต่อสู้นั้นน่าเบื่อ ก่อนที่ข้าจะเป็นเทพเจ้า ได้เห็นพวกเจ้าดิ้นรนปากกัดตีนถีบ ก็เป็นความบันเทิงเช่นกัน” ซื่อหลัวกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ใช้ปีศาจผีเป็นตัวล่อให้เจ้ามาที่นี่ ไม่ได้ต้องการฆ่าเจ้า แค่อยากจะยืนยันอะไรบางอย่าง”
“อะไร” ฉินหลิวซีขมวดคิ้ว
ซื่อหลัวมองนาง “เรื่องนี้ยากที่จะเอ่ย”
“เช่นนั้นก็ไม่ต้องเอ่ย มาสู้กัน!” ฉินหลิวซีอัญเชิญโซ่ตรวนวิญญาณออกมา
ซื่อหลัวไม่ได้หลบหลีก คว้าโซ่ตรวนวิญญาณไว้ กล่าวว่า “เจ้าช่างร้อนแรงพอๆ กับชะตาชีวิตที่ถูกกำหนดให้เป็น ไฟนรกบงกชแดง ช่างร้อนแรงจริงๆ”
ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว ดวงตาทั้งสองข้างลุกเป็นไฟ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“หลายพันปีมานี้ไม่มีใครสามารถโบยบินขึ้นสู่สวรรค์ได้ เห็นได้ว่าในยุคนี้นั้นขาดพลังวิญญาณ พืชและสัตว์วิญญาณนั้นไม่สู้คนที่ฝึกบำเพ็ญเซียน อาศัยเพียงการฝึกบำเพ็ญธรรมดา จะสามารถไปถึงจุดโบยบินขึ้นสู่สวรรค์ได้อย่างไร นักพรตในลัทธิเต๋า สามารถฝึกบำเพ็ญได้หลายร้อยปีก็ได้ชื่อว่าเป็นอมตะแล้ว นับว่าเป็นจุดสูงสุด เป็นเซียนน่ะหรือ อย่าหวังเลย”
ฉินหลิวซีหัวเราะเยาะ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดเจ้ายังกล้าฝันกลางวันอันยิ่งใหญ่ที่จะโบยบินขึ้นไปเป็นเทพ”
ยากที่จะทำให้ซื่อหลัวสำลักได้ กล่าวว่า “ข้าเป็นข้า ก็แค่มดตัวเล็กๆ จะมาเทียบข้าได้อย่างไร”
“พูดราวกับตัวเจ้าเองเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้” ฉินหลิวซีหัวเราะในลำคอ “ก็จริง หากเจ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไป ก็คงไม่ทำเรื่องที่คนทั่วไปเขาไม่ทำกัน หากเจ้าเป็นคน ก็จะไม่ปฏิบัติต่อคนเหมือนมดโดยฆ่าฟันตามใจชอบ หากเจ้าเป็นคนก็คงไม่เป็นเช่นนี้ ต้องยืมเปลือกนอกของคนอื่นมาสัมผัสถึงการเต้นของหัวใจ”
ซื่อหลัวสีหน้าเย็นชา “ปากคอเราะราย เจ้าเอ่ยเช่นนี้คิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายคุณธรรมอย่างแท้จริง เป็นผู้กอบกู้ที่ช่วยชีวิตคนทุกข์ยากหรือ กล่าวตามตรง เจ้าก็แค่คนที่เหมือนกับข้าเท่านั้น”
“ขอบคุณ แต่ไม่จำเป็นต้องยกย่องเช่นนี้ ข้าไม่ได้เลวทรามเหมือนเจ้า!”
ซื่อหลัวหัวเราะ ชี้ไปที่นางพลางเอ่ย “เลวทราม? คนในใต้หล้าใครก็มีสิทธิ์บอกว่าข้าเลวทราม มีเพียงเจ้าที่ไม่คู่ควร”
ฉินหลิวซีหรี่ตาลง หัวใจเต้นแรง
ซื่อหลัวมองนางพลางเอ่ย “เจ้าสืบทอดในลัทธิเต๋า ในเมื่อรู้จักหงเหมิง[1] เช่นนั้นรู้หรือไม่ว่ามีไฟยักษ์ประหลาดสิบดวงในสมัยโบราณ”
“ตามตำนานกล่าวว่านับตั้งแต่กำเนิดไฟนรกบงกชแดงท่ามกลางไฟยักษ์ประหลาดสิบดวง จิตวิญญาณแห่งไฟนั้นไม่ได้รับการขัดเกลา ซุกซนเกเร แต่กลับฉลาดหลักแหลม เปลวไฟของมันเต็มไปด้วยเปลวเพลิงสังหารที่แข็งแกร่งและเด็ดขาด ซึ่งสามารถเผาบาปทั้งปวงได้โดยไม่ทิ้งร่องรอยวิญญาณใดๆ ลูกไฟตกลงสู่ยมโลก ไม่ได้ถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวน เปลวไฟกำเนิดขึ้นโดยควบคุมไม่ได้ ออกมาวิ่งเล่นอย่างซุกซน แผดเผาดวงวิญญาณนับไม่ถ้วน เผาทำลายยมโลก จากนั้นก็พุ่งออกมาจากปรภพ ตกลงสู่โลกมนุษย์ ราษฎรราวกับอยู่ในทะเลเพลิงนรกที่ทอดยาวหลายหมื่นลี้ ทำให้สิ่งมีชีวิตมอดไหม้ กฎแห่งสวรรค์พังทลาย บาปทะยานขึ้นสู่ฟ้า”
ซื่อหลัวมองนางด้วยความสงสาร กล่าวว่า “เทพเจ้าพิโรธ กระชากวิญญาณลูกไฟ พิพากษาให้กลับชาติมาเกิดสิบครั้ง ลิ้มรสความทุกข์ยากของโลกมนุษย์ บำเพ็ญบุญกุศลนับหมื่นพันเพื่อชดใช้บาปแห่งการทำลายล้างโลก”
นี่คือชาติที่เก้า
ห้าพยางค์นี้ผุดขึ้นมาในหัวของฉินหลิวซี ใบหน้าขาวราวหิมะ มีเพียงดวงตาชาญฉลาดทั้งสองข้างเท่านั้นที่สว่างไสวด้วยบงกชแดงสองดวง มองเห็นเหตุการณ์หนึ่ง
ในทะเลเพลิงบงตกแดง เปลวเพลิงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ย้อมโลกทั้งใบเป็นสีแดง สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนในทะเลเพลิงกลายเป็นขี้เถ้าโดยไม่ทันได้ส่งเสียงกรีดร้อง ก็ได้ถูกทำลายในทะเลเพลิงแล้ว
ไฟนรกเผาผลาญโลก โลกมนุษย์ถูกทำลาย วิถีแห่งสวรรค์ล่มสลาย โลกใบเล็กหายไปในสามพันโลก ราวกับน้ำหยดหนึ่งในมหาสมุทร ไม่มีพลังชีวิตอีกต่อไป
ลูกไฟบงกชแดงถูกเทพเจ้าเรียกกลับคืนมา กระชากดวงวิญญาณลูกไฟ โบยตีนับหมื่นครั้ง จากนั้นก็เข้าสู่การเวียนว่ายตายเกิดสิบชาติ รับผิดชอบในการกอบกู้โลกเพื่อชดใช้บาปการทำลายล้างโลก
ฉินหลิวซีคุกเข่าลงด้วยความมึนงงในความว่างเปล่าที่เย็นยะเยือก มีคนพูดสิ่งนี้กับนางในความว่างเปล่า
ใคร ใครเป็นคนพูด
ซื่อหลัวกล่าวว่า “จำได้แล้วหรือไม่ เจ้าก็คือลูกไฟบงกชแดงนั่น มิเช่นนั้นแค่นักพรตธรรมดาอย่างเจ้า ไหนเลยจะฝึกฝนจนมีไฟประหลาดในร่างกายได้ ทำลายล้างโลก เจ้าทำได้รวดเร็วและเด็ดขาดกว่าข้า เจ้าจะมีสิทธิ์มาวิจารณ์ข้าได้อย่างไร”
ไม่ ไม่ใช่ข้า
ฉินหลิวซีโกรธ มีเปลวไฟพุ่งออกมาจากใต้เท้า ห่อหุ้มนางไว้ในนั้น
เป็นเปลวไฟบงกชแดงที่ร้อนระอุและร้ายกาจ
ไฟคือนาง นางก็คือไฟ
ปรมาจารย์ไท่เฉิงที่หลบซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่งกำลังเตรียมจะโจมตีซื่อหลัว เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ก็มองนางด้วยความตกใจ แข็งทื่อไปทั้งตัว
เขาได้ยินความลับที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในโลกนี้ คงจะไม่ถูกสองคนนี้ฆ่าปิดปากหรอกกระมัง
[1] หงเหมิง คือเป็นตำนานการสร้างโลกตามคติความเชื่อของจีน