คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1221 ต่อกระดูกขจัดพลังชั่วร้าย
ตอนที่ 1221 ต่อกระดูกขจัดพลังชั่วร้าย
………………..
ฉินหลิวซีถูกเฟิงซิวอุ้มไว้ในอ้อมแขน นางฝืนยิ้ม “มาแล้วหรือ”
น้ำเสียงฟังดูสบายๆ พอๆ กับถามเขาว่ากินข้าวหรือยัง
เฟิงซิวกล่าวด้วยใบหน้ามืดครึ้มว่า “หากข้าไม่มา เกรงว่าท่านจะถูกปีศาจเฒ่าตนนั้นขย้ำแล้ว ดูสภาพท่านตอนนี้สิ”
ไม่เป็นไร ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม
จู่ๆ เฟิงซิวก็ได้ยินคำพูดนี้ จึงมองไปที่นางพลางขมวดคิ้ว
ฉินหลิวซีกระอักเลือดอีกครั้ง หยิบยาลูกกลอนออกมาจากถุงเฉียนคุนหนึ่งเม็ดด้วยความสั่นเทาแล้วกลืนลงไป
ปรมาจารย์ไท่เฉิงวิ่งมาหา เมื่อเห็นฉินหลิวซีกระอักเลือดก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เอ่ยขึ้นว่า “ปะเป็น เป็นอะไรหรือไม่”
เขาลดสายตาลง เห็นนิ้วที่ถูกตัดขาดแล้วเอากระดูกไปห้อยต่องแต่งอยู่ เลือดเนื้อปะปนกันจนแยกไม่ออก อดใบหน้ากระตุกไม่ได้ เขาย่อตัวลง เอายารักษาแผลออกมาจากถุงใบใหญ่ที่เอวของเขา สายตาเจ็บปวด
“ไม่เป็นไร” ฉินหลิวซีนั่งตัวตรง หยิบกล่องหยกน้ำแข็งออกมาจากถุงเฉียนคุน กล่องเล็กๆ ใบนั้นวาดอักขระยันต์ นางเปิดมันออก มีลมเย็นพัดออกมา
เฟิงซิวกับปรมาจารย์ไท่เฉิงมองไป ข้างในนั้นคือกระดูกนิ้วหนึ่งชิ้น
นี่คือกระดูกนิ้วของฉินหลิวซี นางยิ้มให้ทั้งสองคน เอ่ย “ข้าป้องกันว่าเขาจะหักนิ้วของข้าไว้นานแล้ว”
ขณะที่นางเอ่ยก็หยิบกระดูกที่รักษาไว้ออกมา ต่อกลับเข้ากับนิ้วที่หัก
คาถาและพลังจิตออกมาจากมือของนาง ทั้งๆ ที่เจ็บปวดจนสั่นไปทั้งตัว แต่นางกลับไม่ร้องออกมาสักคำ
เฟิงซิวหันหน้าหนี เม้มริมฝีปาก พลังปีศาจพุ่งทะยาน ทำให้ปีศาจที่มีสติปัญญาทุกตัวในระยะหนึ่งร้อยลี้สั่นสะท้านด้วยความกลัว
ปรมาจารย์ไท่เฉิงก็ทนไม่ไหว แต่ก็ไม่กล้ารบกวนนางต่อกระดูก
เนื้อและกระดูก ฉินหลิวซีถนัดในการทำเรื่องเช่นนี้ แต่ตอนนี้นางได้รับผลสะท้อนกลับ เมื่อใช้พลังวิญญาณจำนวนมากอีกครั้งจึงเปลืองแรงเป็นอย่างมาก เมื่อนางเชื่อมต่อกระดูกเสร็จ เนื้อที่ปะติดก็บิดเบี้ยวเล็กน้อย
ฉินหลิวซีหมดแรง ร่างกายโซเซ ล้มหงายหลัง ปรมาจารย์ไท่เฉิงถอนหายใจแล้วรีบเข้าไปพยุง แต่กลับถูกเฟิงซิวสะบัดออก
เขาดุพลางถ่ายโอนพลังวิญญาณไปให้
ฉินหลิวซีมุมปากกระตุก ไม่ได้กล่าวอะไร เพียงแต่ปรับลมหายใจอย่างเงียบๆ
เมื่อปรมาจารย์ไท่เฉิงเห็นว่าตัวเองช่วยอะไรไม่ได้ และเห็นว่าวิกฤตที่นี่คลี่คลายแล้วจึงไปที่ในเมือง
ในเมืองได้ถูกฉินหลิวซีใช้ค่ายอาคมห้าธาตุปราบปรามค่ายอาคมสังหารแล้ว แต่เมื่อค่ายอาคมในถ้ำพังทลายลง เมืองก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย ราษฎรจำนวนไม่น้อยที่ถูกพลังชั่วร้ายกล้ำกลายล้มลงบนพื้น ดวงวิญญาณลอยออกไป กลายเป็นศพผี
และมีบางคนที่พลังชั่วร้ายในร่างกายถูกกำจัดจากที่ฉินหลิวซีวางค่ายอาคมห้าธาตุปราบปรามไว้ได้มีสติกลับคืนมา ยังไม่ทันได้มีการตอบสนอง ก็ถูกศพผีโจมตี วิ่งหนีพลางกรีดร้อง
“กำจัดศพผี” น้ำเสียงเย็นชาของฉินหลิวซีดังมา
ปรมาจารย์ไท่เฉิงหันกลับไปมองฉินหลิวซีก่อนจะพยักหน้าลง เขาเข้าไปในค่ายอาคม หยิบยันต์กับเครื่องรางออกมากำจัดผีทีละตัว
ขณะที่ฉินหลิวซีกำลังจะขยับ เฟิงซิวก็กดนางไว้ ตะคอกว่า “ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวนี้ อย่าขยับไปไหน”
หลังจากที่เอ่ยจบ เขาก็หายตัวไปในทันที ปรากฏตัวอยู่ในเมืองภายในพริบตา พลังปีศาจพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
เฟิงซิวยืนอยู่กลางอากาศ กระแสจิตของเขาปกคลุมทั่วทั้งเมือง คนที่ยังไม่ได้กลายเป็นศพผีถูกเขาจับเข้าไปในดินแดนปีศาจกลางอากาศ แม้แต่ทารกน้อยที่นอนหลับอยู่ในเรือนก็ไม่เว้น
เมื่อแน่ใจแล้วว่าทุกคนได้รับการช่วยเหลือแล้ว ก็ไม่รอช้า กระแสไฟปีศาจสีน้ำเงินปรากฏขึ้นในเมือง สัมผัสโดนศพผีเหล่านั้น เผาไหม้อย่างรวดเร็ว
ส่วนดวงตาค่ายอาคมในใจกลางเมือง ในขณะที่เฟิงซิวกำลังจะระเบิดพลังกำจัดมัน ศาสตราวุธเทพก็ปรากฏตรงหน้าเขา คำพูดของฉินหลิวซีก็ลอยมาด้วย
“เดิมทีศาสตราวุธเทพก็เป็นอาวุธวิเศษ มีความร้ายกาจ มันมีพลังที่กำจัดปีศาจได้ ในเมื่อจะกำจัด ก็ใช้มันเถิด ปีศาจร้ายไม่อาจหลบซ่อนได้”
เฟิงซิวยกมือขึ้น ศาสตราวุธเทพตกอยู่ในมือของเขาอย่างไม่เต็มใจ ดิ้นรนอยู่พักหนึ่ง ราวกับรู้สึกได้ถึงความตั้งใจของฉินหลิวซี ก่อนจะถูกเขาหยิบมันแทงลงไป
รูปปั้นหินถูกฟันแตกพังทลาย ร่วงลงไปที่พื้น
เสียงดังสนั่น
เฟิงซิวใบหน้าเย็นชา ไฟปีศาจระเบิดลงไป ลอยขึ้นมากลางอากาศ มองดูพลังชั่วร้ายและความขุ่นเคืองเหล่านั้นหายไปท่ามกลางแสงไฟอย่างเย็นชา
ได้ยินเสียงร้องคำรามของผีอย่างไม่สิ้นสุด จากนั้นก็ค่อยๆ จางหายไป
หลังจากความเงียบสงบเกิดขึ้น
เมื่อไฟปีศาจดับลง ทั้งเมืองราวกับถูกไฟจากสวรรค์ชำระล้าง พังทลายไปเสียทุกที่ มีควันดำลอยอบอวล
ฉินหลิวซีเดินเข้ามา เมื่อเห็นหลุมยักษ์ที่ถูกระเบิดก็ขมวดคิ้ว
ปรมาจารย์ไท่เฉิงก็เห็นเช่นกัน อุทานด้วยความตกใจว่า “เหตุใดจึงได้มีกระดูกคนตายมากมายขนาดนี้”
“ปีศาจตนนั้นถือตรีศูลอยู่ในมือ ทำให้ข้านึกถึงคนผู้หนึ่ง เทพสังหารเหมิงเจียง เขาเกิดในลัทธิเต๋า เนื่องจากสงครามที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในยุคของเขา เขาจึงได้กลับไปใช้ชีวิตแบบฆราวาสและเข้าร่วมกองทัพ อาวุธที่เขาใช้คือตรีศูล เป็นคนดุร้ายมาก” ฉินหลิวซีเอ่ยต่อ “สถานที่แห่งนี้คงจะเป็นป้อมปราการชายแดน เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นบนหลุมศพ”
ปรมาจารย์ไท่เฉิงเอ่ย “หลุมศพนี้พลังชั่วร้ายรุนแรงมาก พวกเขากลับยังมีชีวิตอยู่ โชคดีเกินไปแล้วกระมัง”
“ก็ไม่ได้เป็นโชคดีทั้งหมด แต่เป็นเพราะการปราบปรามของปีศาจผีตนนั้น โลงศพหินของเขาก็ถูกซ่อนอยู่ในถ้ำ คิดว่าตอนที่เขาตายคงจะถูกคนที่รู้วิชาเต๋าทำอะไรบางอย่าง มิเช่นนั้นไม่มีทางที่ร่างกายจะไม่เน่าเปื่อยมานานนับพันปี ถูกหล่อเลี้ยงกลายเป็นปีศาจผี พลังชั่วร้ายในหลุมศพนี้ย่อมหวาดกลัวเขาอยู่บ้าง”
ปรมาจารย์ไท่เฉิงกล่าวว่า “แล้วซื่อหลัวรู้ได้อย่างไรว่าที่นี่มีหลุมศพ”
ฉินหลิวซีเหลือบมองไป กล่าวว่า “เขาอยู่มานานกว่าท่านและข้า ย่อมมีบางเรื่องที่เขารู้ดีกว่าท่านและข้า”
เอาล่ะ นี่เป็นการเตือนข้า อยากจะหูหนวกหรือไม่
ปรมาจารย์ไท่เฉิงรีบกล่าวว่า “เจ้าอย่าคิดว่าข้าได้เข้าสู่ขั้นสร้างรากฐานแล้ว ดูเหมือนจะมีชีวิตอยู่ได้นาน ความจริงแล้วหูของข้าไม่ค่อยดีมาตลอด ก่อนหน้านี้เขาพูดอะไรกับเจ้าหรือ ข้าฟังไม่ค่อยชัด”
ฉินหลิวซีหัวเราะพลางเอ่ย“พลังชั่วร้ายในเมืองได้ถูกกำจัดแล้ว แต่ดวงวิญญาณขุ่นเคืองเหล่านี้ยังอยู่ รบกวนท่านปรมาจารย์ช่วยสวดส่งพวกเขาด้วย”
“ได้ ข้าเองๆ เจ้าไปพักผ่อนเถิด” ปรมาจารย์ไท่เฉิงตอบรับอย่างมีความสุข
ฉินหลิวซีพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นจึงได้เข้าสู่แดนปีศาจของเฟิงซิว ผู้คนเต็มไปหมด ทุกคนล้วนเหม่อลอยเล็กน้อย พลังหยินบนร่างกายของพวกเขายังไม่สลายไปจนหมด
“ยังเหลืออีกกี่คน”
เฟิงซิวชำเลืองมองผ่านทางกระแสจิต ตอบว่า “ไม่ถึงห้าร้อยคน”
หมายความว่าแม้ว่านางจะวางค่ายอาคมธาตุทั้งห้า ใช้พลังธาตุทั้งห้ากำจัดพลังชั่วร้ายเพื่อช่วยคน แต่เวลากระชั้นชิดมากเกินไป ไม่สามารถช่วยกลับมาได้ทั้งหมด
นี่ล้วนเป็นชะตากรรม
ฉินหลิวซีเอ่ย “ข้าจะทำพิธีกำจัดพลังชั่วร้ายที่เหลืออยู่ให้พวกเขา อีกสักครู่เจ้าลบความทรงจำเหล่านั้นให้พวกเขา แล้วใส่ความรู้สึกว่าเมืองได้ถูกไฟเผาไหม้ไปแล้วค่อยปล่อยพวกเขาออกไปก็พอ”
เมืองดีๆ กลายเป็นเช่นนี้ ซ้ำยังมีคนตายไปจำนวนไม่น้อย ย่อมต้องสร้างคำอธิบายขึ้นมา สิ่งที่เหมาะสมที่สุดคือไฟที่ลงมาจากฟ้าอย่างกะทันหัน อย่างไรเสียเมื่อสองปีมานี้ต้าเฟิงก็เกิดภัยพิบัติขึ้นบ่อยครั้ง ชาวเมืองประสบภัย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกจนเกินไป
“ท่านอย่าฝืนจนเกินไป”
ฉินหลิวซีอัญเชิญไม้จินกังออกมา ยกริมฝีปากยิ้ม “ฮ่องเต้เฒ่าตายแล้ว บุญกุศลและความศรัทธาบนตัวเขาถูกข้าขโมยมาไม่น้อย ได้รับการบำรุงครั้งใหญ่ วางใจเถิด ไม่ตายหรอก”
เฟิงซิวขมวดคิ้ว เลิกยิ้มได้แล้ว รอยยิ้มดูฝืนเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าพยายามซ่อนอะไรไว้