คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1223 สังหารเทพไม่ได้ ข้าก็จะเหยียดหยามเทพ!
ตอนที่ 1223 สังหารเทพไม่ได้ ข้าก็จะเหยียดหยามเทพ!
………………..
ฉินหลิวซีอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก ความกดอากาศต่ำราวกับท้องฟ้าจะถล่มลงมา เฟิงซิวไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นราษฎรจำนวนมากไปสักการะบูชาที่ศาลเทพเจ้าน้ำ เขาก็อดกล่าวขึ้นมาไม่ได้ว่า “เทพเจ้าน้ำเฟิงปั๋วทรยศหรือ ตอนนี้โชคลาภของคนเหล่านี้ลอยไปทางเขาหมดแล้ว เขาใช้กำลังยึดมาหรือ”
ฉินหลิวซีกล่าวด้วยใบหน้าเย็นชา “จะบอกว่าใช้กำลังก็ไม่ถูกทั้งหมด นั่นคือความศรัทธาของผู้ศรัทธาที่อุทิศให้โดยไม่รู้ตัว เทวรูปนั้นค่อนข้างชั่วร้าย ส่วนเฟิงปั๋ว ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในศาลอีกต่อไป”
“เขาไม่อยู่ แล้วเหตุใดพลังโชคลาภและศรัทธาเหล่านี้จึงได้ถูกดูดเข้าไปในศาลอย่างต่อเนื่อง”
“เพราะว่าพวกเขาตั้งเทวรูปขึ้นมา เทพเจ้าก็อยู่ในใจของพวกเขา” ฉินหลิวซีกล่าวว่า “เหตุผลที่เทพเจ้าดำรงอยู่ได้ก็เพราะมีคนศรัทธา แม้ว่าเขาจะไม่ได้ปรากฏตัวที่นี่ ก็สามารถได้รับความศรัทธา”
“เจ้าบอกว่ามีพลังชั่วร้าย เขากลายเป็นเทพชั่วร้ายจริงๆ หรือ”
ฉินหลิวซีส่ายหน้า “ยากที่จะบอกได้ ตอนนั้นที่เฟิงปั๋วสามารถเป็นกึ่งเทพได้ก็เพราะอาศัยพลังจากกระดูกพุทธะชิ้นนั้น เจ้าว่าเขาเป็นฝ่ายอธรรมหรือคุณธรรม”
เฟิงซิวเงียบไปสักพัก กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้บางทีเขาอาจเป็นฝ่ายคุณธรรม แต่ตอนนี้เพียงแค่การดึงโชคลาภและพลังชีวิตเหล่านี้ เขาก็ไม่ใช่เทพเจ้าน้ำเฟิงปั๋วในตอนนั้นอีกต่อไป”
ดวงตาของฉินหลิวซีเศร้าเล็กน้อย กล่าวว่า “เดิมทีเขาก็อาศัยความศรัทธาและพลังนั้นจึงได้กลายเป็นกึ่งเทพ ยังไม่ทันถึงหนึ่งร้อยปี พลังเทพย่อมไม่แข็งแกร่งมากนัก หากไม่สามารถควบคุมพลังของกระดูกพุทธะนั้นได้ เขาก็จะถูกมันควบคุม”
นางมองไปยังนิ้วชี้ กล่าวว่า “ตอนที่ข้ามีกระดูกพุทธะ ก็จะมีความคิดที่รุนแรงและเจตนาร้าย”
“การดูดซับ” เฟิงซิวกล่าวขึ้นมา
เฟิงปั๋วไม่สามารถปราบปรามพลังนั้นได้ ก็จะถูกมันควบคุมแทน สุดท้ายก็ถูกดูดซับกลายเป็นทาสของมัน
สิ่งนี้ก็เหมือนกับการสูบยา คนเราไม่สามารถควบคุมสิ่งล่อใจที่มาจากการสูบยาได้ และในที่สุดก็จะถูกมันควบคุม
“เมื่อได้พบไถ่ชิงในดินแดนแห่งความว่างเปล่า นางได้เตือนข้า คาดว่าตอนนั้นนางได้พบว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับเฟิงปั๋วแล้ว ไม่สามารถควบคุมกระดูกพุทธะได้ ต่อมาได้มีเหตุการณ์ของเหยียนฉีซาน เขาท่าทีเฉยเมยเป็นอย่างยิ่ง ข้าก็รู้ว่าเขาไม่สามารถควบคุมได้แล้ว เขากลัวว่าตัวเองจะทำอะไรลงไปบ้างก็ไม่รู้”
หนึ่งร่างสองดวงวิญญาณก็เป็นเช่นนี้ ฝ่ายที่อ่อนแอก็จะถูกปราบปรามโดยสิ้นเชิง
“ต่อมาข้าก็ได้หยั่งเชิงเขา ตอนนั้นจิตสำนึกของซื่อหลัวได้อยู่ในร่างของเขาแล้ว มิเช่นนั้นเขาไม่มีทางตั้งใจชี้นำให้ข้าสังหารเทพ” ฉินหลิวซีนึกถึงสิ่งที่นางเคยพูดคุยกับเฟิงปั๋ว ความตั้งใจที่น่ากลัวนั้น
ตอนนั้นเขาให้นางสังหารเทพ
สังหารเทพ พูดเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่กลับไม่ได้ง่ายเช่นนั้น โดยเฉพาะการสังหารเทพที่มีคุณธรรม ผลกรรมและผลสะท้อนกลับมหาศาล หากตอนนั้นนางสังหารเทพ แม้ว่าจะกำจัดเฟิงปั๋วได้ แต่ซื่อหลัวมีเพียงจิตสำนึกในร่างของเขาเพียงเล็กน้อย ความเสียหายไม่มากนัก อย่างมากก็แค่มีผลสะท้อนกลับเล็กน้อย
ส่วนนางซึ่งเป็นผู้สังหารเทพ แม้ว่าจะไม่ตายก็ต้องพิการอย่างรุนแรง หากนางถดถอยลงด้วยเหตุนี้ เช่นนั้นเมื่อได้เผชิญหน้ากับซื่อหลัวในสงครามใหญ่ เกรงว่าฝ่ายคุณธรรมจะไม่มีโอกาสชนะแล้วจริงๆ
นางไม่กลัวผลสะท้อนกลับจากการสังหารเทพ แต่สิ่งที่กลัวคือกองกำลังของฝ่ายคุณธรรมที่ไม่เคยเต็มจะล้มลง
ตอนนี้ก็เหมือนกัน
เฟิงซิวขมวดคิ้ว เอ่ย “เช่นนั้นตอนนี้เฟิงปั๋วถูกหลอมรวมอย่างสมบูรณ์แบบแล้วหรือ”
“ข้าหวังว่าเขาจะยังมีสติหลงเหลืออยู่บ้าง” ฉินหลิวซีสูดลมหายใจ หลับตาลงเล็กน้อย ตั้งแต่แรกเริ่มนางเคยเสกผนึกลงบนดวงวิญญาณของเขา แต่กลับไม่เคยถูกแตะต้อง ไม่รู้ว่าเขาหลบซ่อนอย่างไรจึงไม่ถูกค้นพบ
เฟิงปั๋ว เฟิงปั๋ว เจ้าต้องเป็นเฟิงปั๋วที่ช่วยข้าต่อสู้กับปีศาจ!
เฟิงซิวมองไปยังราษฎรที่มาบูชาเทพเจ้าน้ำอย่างไม่ขาดสาย เอ่ยพึมพำว่า “ความศรัทธาในเทพเจ้าผู้มีคุณธรรม สิ่งนี้มีประโยชน์มากกว่าวิธีชั่วร้ายที่เขาเคยใช้ส่งเสริมพวกนักพรตมารหรือเทพชั่วร้ายเหล่านั้นเสียอีกไม่ใช่หรือ”
“ไม่เพียงเท่านี้”
เฟิงซิวหันไปมองนาง
ฉินหลิวซีเอ่ย “เจ้าว่าเหตุใดเฟิงปั๋วจึงเป็นได้เพียงกึ่งเทพ เป็นเทพในระยะเวลาอันสั้น อาศัยพลังมหาศาลของกระดูกพุทธะชิ้นนั้นจึงสามารถช่วยเหลือคน สั่งสมบุญกุศล จากนั้นจึงได้มีความศรัทธา แต่กึ่งเทพก็นับว่าเป็นเทพ หากเจ้าเป็นซื่อหลัวจะใช้ประโยชน์อย่างไร”
เฟิงซิวขนลุกซู่
ใช่แล้ว หากใช้ความเป็นเทพของเฟิงปั๋วแล้วค่อยสังเวยสวรรค์ในช่วงพิธีใหญ่ของการกลายเป็นเทพ ไม่เพียงแต่การลงโทษของสวรรค์จะเบาลง การฝ่าด่านเคราะห์กรรมก็จะง่ายขึ้น เพราะเดิมทีเขาก็เป็นเทพอยู่แล้ว
ใบหน้าของเฟิงซิวดูย่ำแย่เป็นอย่างมาก สมองของคนผู้นั้นทำจากอะไร แผนการนี้ หรือว่าจะเป็นตอนที่เหงาไม่มีอะไรทำในมหานรกอเวจี ดังนั้นจึงได้คิดหมากใหญ่นี้ขึ้นมา
“หากข้าเป็นเขา ก็จะใช้มัน อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเส้นทางลัดขึ้นสู่สวรรค์ที่รวดเร็วราบรื่นที่สุด” ฉินหลิวซีใบหน้าเย็นชา
เฟิงซิวสูดหายใจเข้าลึกๆ ชี้ไปยังราษฎรเหล่านั้น กล่าวว่า “เช่นนั้นหากพวกเขายังจุดธูปบูชากราบไหว้ จะไม่เป็นของบำรุงเขาหรือ เขา เขาคำนวณเก่งเกินไปแล้วกระมัง”
ฉินหลิวซีแสยะยิ้ม “นั่นเป็นถึงปีศาจเฒ่าที่มีชีวิตอยู่มาหลายพันปี ซ้ำยังหนีรอดออกมาได้ ข้าไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อยว่าในยุคสมัยของเขานั้น เขาอยู่ห่างจากการเป็นเทพเพียงก้าวเดียว เจ้าลองคิดดู กระดูกพุทธะของเขายังคงมีพลังหลังจากที่เวลาผ่านไปนานมากขนาดนี้ แสดงให้เห็นว่าในยุคของพวกเขานั้นมีพลังวิญญาณมากมาย และศาสนาพุทธกับลัทธิเต๋าสองสำนักนี้ก็มีบุคคลเก่งกาจที่สามารถโบยบินขึ้นสู่สวรรค์ได้มากมายแค่ไหน”
หากกล่าวอย่างไม่น่าฟัง ถ้าเขายังเป็นเขาในตอนนั้น หากไม่ใช่เพราะพลังวิญญาณในตอนนี้ขาดแคลน เขาไม่ใช่พุทธะที่ฝึกบำเพ็ญอย่างพุทธะอีกต่อไป อีกทั้งถูกกักขังเป็นเวลาหลายพันปี ซ้ำยังมีการปราบปรามของสวรรค์ ในโลกนี้เดิมทีไม่มีอะไรให้เขาทำด้วยซ้ำ
ถึงกระนั้นฉินหลิวซีก็ไม่กล้าดูถูกเขา เพราะเรือที่ผุพังยังคงมีตะปู ยิ่งไปกว่านั้นนั่นไม่ใช่เรือที่ผุพังมากนัก
เฟิงซิวเหลือบมองนางอย่างระมัดระวัง กล่าวอย่างไม่มั่นใจว่า “เช่นนี้ดูเหมือนจะมีความเหลื่อมล้ำในความแข็งแกร่งของศัตรูกับข้า ทำอย่างไรดี”
“ช่างมัน” ฉินหลิวซีลดสายตาลง “หากทำอะไรไม่ได้จริงๆ เช่นนั้นก็ปล่อยไปตามธรรมชาติเถิด!”
เฟิงซิวรีบกล่าวทันทีว่า “ไม่เป็นไร ดั่งคำกล่าวที่ว่าธรรมะย่อมชนะอธรรม พวกเราจะต้องเป็นฝ่ายที่ชนะอย่างแน่นอน ท่านเป็นถึงผู้กอบกู้โลกที่สวรรค์ส่งมาเชียวนะ”
ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว “หากที่เขากล่าวมาเป็นเรื่องจริง เจ้าคิดว่าเหตุใดข้าจึงต้องกลับชาติมาเกิดสิบชาติเพื่อกอบกู้โลก”
รอยยิ้มของเฟิงซิวแข็งทื่อ
ฉินหลิวซีไม่ได้กล่าวถึงหัวข้อนี้อีก กล่าวว่า “ข้าจะกักตัวสร้างแผนภาพค่ายอาคม ดวงตาค่ายอาคมที่เหลือ หากทำลายได้เจ้าก็ทำลาย ทำลายไม่ได้ก็ปล่อยไว้ก่อน รักษาพลังไว้”
“แล้วทางด้านนี้ล่ะ ก็แค่ดูอยู่เฉยๆ หรือ”
“ได้อย่างไร!” ฉินหลิวซีสบถ “ตอนนี้สังหารเทพไม่ได้ แต่ไม่ได้บอกว่าเหยียดหยามไม่ได้”
เฟิงซิวเหลือบมองนาง บอกมาซิว่าจะเหยียดหยามเทพอย่างไร
เมื่อพระจันทร์มืดลมแรง เกล็ดหิมะลอยอยู่บนท้องฟ้า ไม่มีใครเดินอยู่ริมทะเลสาบลวี่หูได้ เฟิงซิวก็รู้ว่านางกำลังจะทำเรื่องดีอะไร
นางทำตุ๊กตากระดาษขึ้นมาจำนวนมาก จากนั้นก็ทำลายอาณาเขตพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ เอาถังสิ่งปฏิกูลสีเหลืองสาดใส่เทวรูปในศาล รวมถึงทั้งศาล ซ้ำยังสาดไปทั่วทั้งบริเวณของศาล
กลิ่นเหม็นพุ่งทะยานขึ้นฟ้า
เท่านั้นยังไม่พอ หลังจากทำสิ่งเหล่านี้แล้ว นางก็นำสายฟ้าผ่าลงบนศาล ไอที่กระจายออกมาจากสิ่งปฏิกูลสีเหลือง ทำให้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้ง ทำเอาได้ยินกันทั้งอวี๋หัง
เมื่อมองดูศาลเทพเจ้าที่ผุพัง ฉินหลิวซีก็รู้สึกพึงพอใจ นางปรบมือแล้ววิ่งหนีไป ตอนนี้สังหารเจ้าไม่ได้ ทำให้เจ้ารู้สึกขยะแขยงจะเป็นไรไป
เฟิงซิว “…”
นางคิดสิ่งที่คนอื่นไม่กล้าคิดจริงๆ
………………..