คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1224 ฮ่องเต้ กลับคืนสู่บัลลังก์
ตอนที่ 1224 ฮ่องเต้ กลับคืนสู่บัลลังก์
………………..
ข่าวลือว่าศาลเทพเจ้าน้ำในอวี๋หังถูกสวรรค์ลงโทษได้แพร่กระจายไปอย่างกว้างขวาง คนจำนวนมากที่เห็นฉากหน้าสังเวชนี้ต่างพากันอาเจียน รีบบอกต่อๆ กัน ก่อนที่พวกเขาจะได้ทำอะไรบางอย่างเพื่อเทพเจ้าน้ำ ก็มีข่าวลือแพร่กระจายอย่างเงียบๆ สาเหตุที่ศาลเทพเจ้าถูกสวรรค์ลงโทษ เป็นเพราะเทพเจ้าน้ำมีคุณธรรมที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง
และผู้ดำเนินการอย่างฉินหลิวซีก็วิ่งหนีไปหลังจากที่ทำสิ่งนี้แล้ว
ซื่อหลัวมองดูความสกปรกยุ่งเหยิงข้างล่าง รู้สึกถึงการหยุดชะงักของโชคลาภ หัวเราะด้วยความโกรธ เอ่ยว่า “สมแล้วที่เป็นคนที่สามารถทำสิ่งยิ่งใหญ่อย่างการทำลายล้างโลกได้ ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น นางฉลาดเสียจริง”
สังหารเทพไม่ได้ แต่เหยียดหยามได้ แม้ว่าก็จะได้รับผลกรรมเช่นกัน แต่บทลงโทษนั้น สำหรับนางแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ว่าแต่นางคิดเรื่องสกปรกหยาบคายเช่นนี้ได้อย่างไร
นำสายฟ้าฟาดลงมาไม่พอ ยังต้องสาดสิ่งปฏิกูลก่อนแล้วค่อยใช้สายฟ้าฟาด น่าขยะแขยงเกินไปแล้ว
ซื่อหลัวอดร่ายคาถาชำระสิ่งสกปรกไม่ได้ คนที่สงบนิ่งอย่างเขาก็ยังรู้สึกถึงกลิ่นเหม็นบนร่างกาย
คนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขา เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ก็ไม่เอ่ยอะไรสักคำ ราวกับไร้ตัวตน
ซื่อหลัวราวกับชินแล้วจึงไม่ได้ใส่ใจ หากเอาแต่รับมาไม่ตอบแทนก็จะไร้มารยาท นางเหยียดหยามเทพ เช่นนั้นเขาก็จะแย่งคนของนาง เทพต้องการขึ้นสู่สวรรค์ก็ต้องหาคนมาขวางสิ่งที่ไม่เป็นมิตรเหล่านั้น มดจำนวนมากเกินไปก็เป็นปัญหาได้
ฉินหลิวซีขโมยคลังสมบัติของเฟิงซิวมาก่อน ไม่ได้บอกกับใครก็มุ่งหน้าไปที่ซากปรักหักพังทางด้านเขาคุนหลุน ฝึกบำเพ็ญพลางสร้างแผนภาพค่ายอาคมขังเซียนของนางให้สมบูรณ์แบบ
สำหรับต้นกำเนิดชาติที่ผ่านมาของนาง นางไม่ได้ไปขอให้ใครตรวจสอบด้วยซ้ำ เพราะว่าไม่ได้ใส่ใจ
เมื่อฉินหลิวซีเข้าสู่การกักตัวในเขาคุนหลุนโดยไม่ออกไปไหน ทางฟ่านคงแห่งภูเขาเทียนก็กราบไหว้อยู่หน้าพระพุทธรูป จากนั้นก็เข้าไปในเจดีย์เทียนฉือ ส่วนอาจารย์จิ้งสือแห่งวัดอวี้ฝอก็ถอนหายใจเล็กน้อย แทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับเจดีย์ขาวที่อยู่ด้านหลัง บทสวดพระคัมภีร์ออกมาจากปาก กลายเป็นแสงพระสูตรสีทองเข้าสู่เจดีย์ขาว ระงับกระดูกชั่วร้ายที่พร้อมจะเคลื่อนไหว
กระดูกพุทธะเก้าชิ้น ถูกทำลายไปสองชิ้น เขาได้มาหกชิ้น นี่คือชิ้นสุดท้าย
มัน ห้ามเคลื่อนไหว
ฮ่องเต้คังอู่สิ้นพระชนม์ในคืนสุดท้ายของการครองราชย์ปีที่สามสิบสอง แม้ว่าจะมีความวุ่นวายเล็กน้อยจากการเปลี่ยนแปลงระหว่างสิ่งเก่ากับสิ่งใหม่ แต่เนื่องจากการเตรียมการแต่เนิ่นๆ จึงไม่ได้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ นับว่าการเปลี่ยนแปลงผ่านไปอย่างราบรื่น
องค์ชายใหญ่กับตระกูลโจวซึ่งเป็นตระกูลมารดาของเขาได้ถูกโทษประหารชีวิตและยึดทรัพย์ด้วยข้อหาสังหารอดีตฮ่องเต้ และจ้าวอ๋องก็ถูกตัดศีรษะเนื่องจากมีเจตนาก่อกบฏ คนอื่นๆ ในตระกูลถูกปลดให้เป็นสามัญชน หลังจากที่อดีตฮ่องเต้สิ้นพระชนม์เป็นเวลาสี่สิบเก้าวัน ก็มีขบวนแห่โลงศพของฮ่องเต้ไปยังสุสานของจักรพรรดิเพื่อฝัง
หลังจากการไว้ทุกข์ทั่วทั้งราชอาณาจักร บรรดาข้าราชบริพารได้ขอให้รัชทายาทขึ้นครองราชย์ เพราะบ้านเมืองไม่อาจอยู่ได้หากปราศจากผู้ปกครองแม้แต่วันเดียว
หลังจากบรรดาข้าราชบริพารร้องขอสองครั้ง รัชทายาทรุ่ยฉีเชียนจึงได้ขึ้นครองราชย์ในเดือนสาม เปลี่ยนชื่อเป็นคังผิง ซึ่งหมายถึงสันติภาพและความสงบ
หลังจากที่ฉีเชียนขึ้นครองบัลลังก์ ได้แต่งตั้งฮองเฮามู่เป็นไทเฮา แต่งตั้งพระชายาเอกผู้ล่วงลับไปแล้วเป็นอี้หมิ่นฮองเฮา แต่งตั้งบุตรชายคนโตเป็นรัชทายาท และแต่งตั้งบิดาของไทเฮามู่เป็นเฉิงเอินกง
ใช่แล้ว ทันทีที่ขึ้นครองราชย์ ฮ่องเต้คังผิงก็ได้แต่งตั้งรัชทายาทเป็นอันดับแรก นอกจากนี้เขายังได้ระบุว่าจะไม่มีการคัดเลือกพระสนมเป็นเวลาห้าปี เนื่องจากต้องไว้อาลัยอดีตฮ่องเต้เพื่อความกตัญญูและเพื่อไว้อาลัยฮองเฮาผู้ล่วงลับ ทำให้ความปรารถนาของขุนนางผู้มีอำนาจที่อยากจะเป็นเครือญาติของราชวงศ์ต้องจบลง
ตอนนี้รัชทายาทมีพระชนม์มายุห้าพรรษา ห้าปีต่อจากนี้ก็จะมีพระชนม์มายุสิบพรรษา เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้ต้องคัดเลือกพระสนม แล้วให้กำเนิดองค์ชาย ก็จะไม่เป็นอันตรายมากนัก
ด้วยเหตุนี้ฉีเชียนจึงได้แต่งตั้งเสนาบดีกรมมหาดไทอวี๋เหมี่ยวเป็นอาจารย์ของรัชทายาท
การไม่คัดเลือกพระสนมเป็นเวลาห้าปี ทำให้ผู้ที่จับจ้องตำแหน่งพระสนมไว้นานแล้วไม่พอใจเป็นอย่างมาก พากันยื่นฎีกาว่าหากวังหลังว่างเปล่าจะขัดต่อคำสอนของบรรพบุรุษ จึงจำเป็นต้องคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถมาแผ่กิ่งก้านใบของราชวงศ์
ฉีเชียนได้ปฏิเสธกลับไปโดยอ้างว่ามีการแต่งตั้งรัชทายาทขึ้นแล้ว กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือใช่ว่าราชวงศ์จะไร้ผู้สืบทอด นอกจากนี้เขายังมีพระสนมอีกสองคน วังหลังไม่ได้ว่างเปล่า
และตอนนี้ราชวงศ์ใหม่พึ่งได้รับการสถาปนา ไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้มีภัยพิบัติเกิดขึ้นติดต่อกัน คลังสมบัติหลวงว่างเปล่า ตอนนี้ก็ประสบกับการจากไปของอดีตฮ่องเต้ ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ คลังสมบัติหลวงก็ยิ่งวางเปล่าจนแทบจะได้ยินเสียงเข็มหล่น หากคัดเลือกพระสนมแล้วใครจะเป็นคนออกเงิน
พระสนมของอดีตฮ่องเต้ ผู้ที่มีบุตรก็ออกจากวังไปใช้ชีวิตกับบุตร ผู้ที่ไม่มีบุตรก็ย้ายไปเลี้ยงดูที่วังประทับชั่วคราวทั้งหมด สิ่งเหล่านี้ล้วนต้องใช้เงิน หากเพิ่มคนในวังหลัง เงินสำหรับเลี้ยงดูคนเหล่านี้พวกเขาจะออกเองหรือไม่
ในทางกลับกัน คนในกรมคลังที่รับหน้าที่ทวงเงินก็ไม่กลัวความตายเสนอความคิดชั่วร้ายกับรองเจ้ากรมคลังชุยเป็นการส่วนตัว ใช่ว่าจะไม่สามารถรับพระสนมเพิ่มได้ หากตระกูลไหนสามารถออกเงินให้จำนวนมากได้ก็จะอำนวยความสะดวกสำหรับทางเข้าวัง
ขาดเพียงไม่ได้บอกว่าให้ฉีเชียนขายตัว
เขาเองก็หมดปัญญา ดั่งที่ฮ่องเต้องค์ใหม่กล่าว คลังสมบัติหลวงว่างเปล่า ต้องฟื้นฟูครั้งใหญ่หลังจากเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ไหนเลยจะไม่ต้องใช้เงิน
ใช้ตำแหน่งพระสนมมาหาเงินก็ไม่เลวเลย หากใครให้มาก ตำแหน่งก็จะสูงหน่อย ไม่ใช่ปัญหาอะไร
ทำเอารองเจ้ากรมคลังชุยโกรธจนคนผู้นั้นแทบจะถูกลดตำแหน่งในทันที หากเขาทำได้ก็ให้เขาเป็นคนทำ ตัวเองยังอยากมีชีวิตอยู่ไปอีกหลายปี
ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ได้ออกนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อราษฎร อย่างเช่นการอภัยโทษ ลดหย่อนภาษี เปิดรับข้าราชการ การสรรหาผู้มีความสามารถจากทั่วทุกมุม สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือเขาได้แต่งตั้งแม่ทัพในราชสำนัก กำจัดโจร ปราบกบฏ คืนความสงบสุข
เมื่อกฎเกณฑ์จากฮ่องเต้องค์ใหม่แพร่ออกไปนอกวัง ทุกคนจึงได้มีความรู้สึกที่แท้จริงว่าราชวงศ์ได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
แต่นี่มันเร็วเกินไปแล้ว
ใครจะไปคิดว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อนฮ่องเต้องค์ปัจจุบันยังเป็นเพียงจวิ้นอ๋อง ตอนนั้นยังไม่ใช่โอรสมังกร เพียงระยะเวลาสั้นๆ สองสามปีก็เปลี่ยนสถานะกลายเป็นฮ่องเต้
ราวกับเนื้อก้อนโตตกลงมาจากท้องฟ้า ร่วงลงมาใส่เขาพอดี แม้ว่าเนื้อจะไหม้ไปหน่อย แต่มันก็คือเนื้อ!
แม้แต่ตัวฉีเชียนเองก็ยังคิดว่าฝันไป
ไม่ถึงสามปีหลังจากที่ฉินหลิวซีมาหาเขาเพื่อมอบความมั่งคั่งอันเหลือเชื่อนี้ให้กับเขา เขาก็ได้นั่งบนบังลังก์มังกรแล้ว รวดเร็วและราบรื่น ราวกับไม่ใช่เรื่องจริง
แต่ในความเป็นจริง เขาได้เป็นฮ่องเต้จริงๆ แล้ว
ฉีเชียนสวมชุดคลุมมังกร มองไปยังอวี้ฉังคงที่อยู่ตรงข้าม เอ่ย “เจ้าจะไปจริงๆ หรือ หากเจ้าเต็มใจอยู่ต่อ ตำแหน่งราชครูก็จะเป็นของเจ้า”
อวี้ฉังคงยิ้มเล็กน้อย “หน้าที่ของข้าเสร็จสิ้นแล้ว เส้นทางของฮ่องเต้นั้นอีกยาวไกล บททดสอบที่แท้จริงของท่านพึ่งจะเริ่มต้นขึ้น การจะเป็นฮ่องเต้ผู้ชาญฉลาด เป็นผู้รับช่วงต่อที่ไม่ทำให้นางผิดหวัง ก็ต้องพึ่งพาตัวของท่านเอง”
“ดังนั้น อยู่ต่อไม่ได้หรือ” ฉีเชียนเอ่ย“ฉังคง เรายังมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องปรึกษาเจ้า อีกอย่าง โลกในปัจจุบันนี้ก็ไม่ได้สงบสุขอย่างที่นางต้องการ เจ้าช่วยอยู่ต่ออีกสักหน่อยได้หรือไม่”
อวี้ฉังคงส่ายหน้า “ท่านมีบรรดาขุนนางหลายร้อยคนคอยช่วยเหลือ จะควบคุมพวกเขาได้อย่างไร ตั้งแต่ที่ข้ามาอยู่ข้างกายท่านก็ได้สอนท่านไปแล้ว ท่านมีอำนาจของฮ่องเต้แล้ว”
ภูมิหลังที่แท้จริงของฉีเชียนเป็นอย่างไร ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง เขาคือลูกหลานมังกร สิ่งนี้เป็นเรื่องจริง ดังนั้นอุปนิสัยของเขาจึงเป็นไปตามธรรมชาติ
เขาได้กลายเป็นฮ่องเต้อย่างรวดเร็วก็จริง แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ จากการฝึกฝนประสบการณ์ของเขา ก็ได้เติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกัน ตอนนี้ได้สวมชุดคลุมมังกร ความสง่างามของฮ่องเต้ได้ปรากฏแล้ว
เมื่อฉีเชียนเห็นว่าเขาได้ตัดสินใจจะไปแล้ว จึงเอ่ย “เจ้าจะไปไหน”
อวี้ฉังคงกล่าวว่า “ไปในที่ที่ข้าควรจะไป”
เขาหันหลังขึ้นรถม้า โบกมือให้อีกฝ่าย จากไปโดยไม่อาลัยอาวรณ์
ฉีเชียนเม้มริมฝีปาก ขึ้นไปบนที่สูงของกำแพงเมือง สายลมในเดือนสามยังคงหนาวเหน็บ ลมพัดชายเสื้อส่งเสียงดัง
ที่สูงนั้นหนาวเหน็บ
เขาได้กลายเป็นคนที่โดดเดี่ยวอย่างแท้จริง
ท้องฟ้ายามค่ำคืนค่อยๆ มืดลง ดวงดาวจักรพรรดิส่องแสงสว่างพร่างพราว
ซื่อหลัวยืนอยู่บนจุดสูงสุดของยอดเขามองดูดาวดวงนั้น สายตารู้สึกสนุก
ฮ่องเต้ กลับคืนสู่บัลลังก์แล้ว