คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1229 พายุฝนกำลังจะมา
ตอนที่ 1229 พายุฝนกำลังจะมา
………………..
ตั้งแต่เดือนหก ในวังได้มีราชโองการออกมา พระและนักพรตบางส่วนเดินเส้นทางสายมารโดยได้ยืมชื่อของเทพเจ้าน้ำทะเลสาบลวี่หูจัดตั้งและเผยแพร่นิกายเพื่อหลอกลวงราษฎรให้เคารพบูชา ความจริงแล้วเป็นฝีมือของเทพชั่วร้าย เทพชั่วร้ายจะล่อลวงจิตใจผู้คนให้ทำผิดศีลธรรม ไม่อนุญาตให้ราษฎรเคารพกราบไหว้เป็นการส่วนตัว หากพบจะถูกลงโทษปรับเงินและถูกส่งตัวไปใช้แรงงาน หากไปรายงานแก่ที่ว่าการว่าใครเคารพบูชาก็จะมอบเงินรางวัลให้สิบตำลึง
การกระทำนี้ได้สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเจียงหนาน ราษฎรย่อมไม่เชื่อ โดยเฉพาะอวี๋หัง ทั้งๆ ที่เป็นเทพผู้ปกป้องราษฎร จะกลายเป็นเทพชั่วร้ายได้อย่างไร
แต่ปรมาจารย์ไท่เฉิงแห่งอารามจินหัวกับอาจารย์ฮุ่ยเหนิงแห่งวัดอวี้ฝอได้ไปปรากฏตัวอธิบายที่เจียงหนานด้วยตัวเอง ซ้ำยังปราบสิ่งชั่วร้ายปกป้องคุณธรรม พิสูจน์อย่างชัดเจนว่าเทพเจ้าน้ำทะเลสาบลวี่หูให้กำเนิดสิ่งชั่วร้าย กราบไหว้บูชาสิ่งชั่วร้ายก็ไม่ต่างอะไรกันกับรับใช้คนชั่ว ไม่มีทางที่จะมีชีวิตที่ดีได้
ปราบสิ่งชั่วร้ายย่อมเป็นการปราบพระและนักพรตที่บูชาเทพเจ้าน้ำเหล่านั้น หากมีใครดึงดันที่จะเดินไปในทางที่ผิดก็จะถูกทำลายตบะ ถูกจำคุก ส่วนผู้ที่ต่อต้านอย่างไม่ลืมหูลืมตาก็จะถูกส่งไปในภพหน้าทันที
ใช่แล้ว เมื่อเข้าสู่นิกายเทพชั่วร้าย ผู้ที่ไม่สามารถดึงกลับมาสู่เส้นทางคุณธรรมได้ หากไม่ถูกทำลายตบะก็ต้องตาย ใช้วิธีปราบปรามที่โหดร้าย
นักพรตและพระภิกษุระดับสูงทั้งสองเป็นผู้นำร่วมปราบสิ่งชั่วร้ายปกป้องคุณธรรม และยังมีผู้ที่อยู่ในเส้นทางเดียวกันจำนวนมากให้ความร่วมมือ และในนั้นก็มีคนอายุน้อยจำนวนมาก อย่างเช่นนักพรตน้อยเสวียนอี เจ้าอาวาสน้อยอารามชิงผิงในเมืองหลีที่พึ่งได้รับพระราชทานตำราพระสูตรอันล้ำค่าและเครื่องรางมากมายจากฮ่องเต้องค์ใหม่
เขาเป็นลูกศิษย์คนโตของปรมาจารย์ปู้ฉิว ฉลาดหลักแหลม เข้าสู่ลัทธิเต๋าได้ยังไม่ถึงสิบปี แต่กลับแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่น่าทึ่ง อย่างที่ปรมาจารย์ไท่เฉิงกล่าว เขาเหมือนกับอาจารย์ของเขา เป็นต้นกล้าของลัทธิเต๋าแต่กำเนิด มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในศาสตร์ทั้งห้าของเสวียนเหมิน
เขามีนิสัยเย็นชาและการกระทำที่เด็ดขาด เมื่อต่อสู้อาคมกับผู้อื่น กระบวนท่าที่ใช้ครั้งเดียวได้จะไม่มีทางใช้สองครั้ง คนอื่นใช้ยันต์อย่างประหยัด แต่เขากลับโปรยเล่นราวกับไม่ต้องใช้เงิน หมายความว่าอย่างไร
เพราะเมื่อเผชิญหน้ากับนักพรตมารที่เจ้าเล่ห์และรับมือได้อยาก เขาก็จะต่อสู้พลางแอบวางค่ายอาคม จากนั้นก็ขังคนไว้ข้างใน โปรยยันต์ห้าสายฟ้าลงไปสองสามแผ่น พายุฝนฟ้าคะนองโหมกระหน่ำ ไม่อาจหลบหนีได้
สิ่งที่สำคัญคือยันต์ห้าสายฟ้าที่มีค่าดั่งทองขนาดนั้นไม่เพียงแต่โปรยเป็นว่าเล่น เครื่องรางที่เขาหยิบออกมาล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าที่สามารถเก็บไว้ในหอสมบัติได้ แต่ละอย่างที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น เขาเอาออกมาตีรันฟันแทงราวกับถือมีดทำครัว
ได้ยินมาว่าเครื่องรางที่นักพรตน้อยใช้ ส่วนใหญ่เป็นเครื่องรางที่อาจารย์เขาหล่อหลอมให้แก่เขา ก็ไม่รู้ว่าท่านนั้นยังรับลูกศิษย์อยู่หรือไม่ พวกเขาก็อยากได้อาจารย์ที่ใจใหญ่เช่นนี้เหมือนกัน
แม้ว่าอาจารย์จะไม่รับลูกศิษย์ แต่นักพรตน้อยผู้นี้ก็ต้องรับลูกศิษย์เพื่อสืบทอดสำนักกระมัง ไม่รู้ว่าพวกเขาจะมีคุณสมบัติเพียงพอหรือไม่
การฝึกบำเพ็ญเต๋า จะฝึกที่ไหนก็ได้ แต่เจ้าลัทธิเต๋าอารามชิงผิงก็นับว่าเป็นนิกายใหญ่เช่นกัน พวกเขาอยากจะสืบทอดนิกายที่แท้จริง ไม่ใช่เพราะภูมิหลังอันมั่งคั่งของอีกฝ่ายอย่างแน่นอน
“เจาเจา เจ้ารู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ในลำคอหรือไม่” เจ้าโสมน้อยสะกิดเถิงเจา บุ้ยปากพลางกล่าวว่า “เจ้าดูคนเหล่านั้นสิ สายตาที่มองเจ้าราวกับเห็นเนื้อชิ้นโต แทบอยากจะกลืนเจ้าลงไปในคำเดียว”
เถิงเจามองไปตามสายตาของเขา เอ่ย “รู้สึกเหมือนมีอะไรติดอยู่ในลำคอ ประโยคนี้ไม่ได้ใช้เช่นนี้ ควรจะบอกว่ารู้สึกกระสับกระส่ายมากกว่า ในวันธรรมดาเจ้าก็อย่าเอาแต่เที่ยวเล่น ต้องอ่านตำราให้มากหน่อย”
เจ้าโสมน้อยสำลัก “เจ้ากำลังเยาะเย้ยที่ข้าไม่รู้ตำราหรือ”
“ข้ากลัวว่าเจ้าจะมีจุดอ่อนให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะต่างหาก ขายหน้า” เถิงเจากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “การอ่านหนังสือจะทำให้ฉลาดและมีไหวพริบ มีแต่ผลดีไม่มีผลเสีย”
เจ้าโสมน้อยเอ่ยพึมพำเสียงเบาว่า “เจ้าดูสิว่าใต้หล้านี้มีโสมตนไหนต้องศึกษาตำราบ้าง”
“โสมที่เป็นคนได้ จะมีสักกี่ตนเชียว” เถิงเจาย้อนกลับ
เจ้าโสมน้อย ‘ใช่ๆๆ เจ้าพูดถูกทุกอย่าง!’
เขามองไปยังคนตรงข้าม กล่าวว่า “พวกเราไปกันเถิด หากยังไม่ไปอีกข้าว่าพวกเขาจะอยากเรียกพวกเราว่าท่านพ่อแล้ว!”
เถิงเจาพยักหน้า เขาก็ยังต้องฆ่านักพรตมารอีกหลายคน เช่นนี้จึงจะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว สามารถเข้าใจข้อบกพร่องของตัวเองได้จากการต่อสู้ จึงจะสามารถปรับปรุงตนเองได้
“ก็ไม่รู้ว่าจอมมารซีซีตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ข้ามักจะรู้สึกเหมือนพายุฝนกำลังจะมา” เจ้าโสมน้อยเหลือบมองดวงอาทิตย์ที่แผดเผาพลางถอนหายใจ
เถิงเจาเม้มริมฝีปากเล็กน้อย กล่าวว่า “ทำสิ่งที่พวกเราควรทำก็พอแล้ว”
วันเวลาผ่านไป เนื่องจากความเคลื่อนไหวในการปราบสิ่งชั่วร้าย สถานการณ์ในเจียงหนานจึงตึงเครียดเป็นอย่างมาก ราชสำนักได้เข้าแทรกแซงการปกป้องคุณธรรมครั้งนี้ด้วยท่าทีที่เข้มงวด ปรับเปลี่ยนระบบราชการขุนนางในเจียงหนานครั้งใหญ่ อาศัยโอกาสนี้ยึดทรัพย์ตระกูลเก่าแก่และขุนนางระดับสูงที่มีอำนาจราวกับพญาเสือและกองกำลังที่ซับซ้อนภายใต้อำนาจของพวกเขา ทำให้คลังหลวงได้รับการเติมเต็มอย่างมหาศาล และอำนาจทางการเมืองของฮ่องเต้องค์ใหม่ก็เข้มงวดมากขึ้นเช่นกัน
มีหลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่าคลังหลวงยากจนไม่เหลืออะไรแล้วหรือไม่ ดังนั้นฮ่องเต้จึงได้จงใจปราบสิ่งชั่วร้ายและนักพรตมาร ซึ่งความจริงแล้วมันเป็นการทำลายระบบราชการเก่าในเจียงหนานซึ่งเป็นสิ่งที่ยากที่สุด เพื่อมาสะสมเงินในคลังหลวง ส่วนทางด้านเจียงหนานนั้นก็ได้ถูกแทนที่ด้วยขุนนางที่เขาไว้วางใจ ยืมโอกาสนี้รวบรวมพระราชอำนาจของฮ่องเต้
หากเป็นเช่นนี้จริงๆ ฮ่องเต้อายุยังน้อยแต่กลับมีความคิดที่คาดเดาไม่ได้เลย
ฉีเชียน ‘ข้าเพียงแค่อยากจะกำจัดสิ่งชั่วร้ายปราบนักพรตมารจริงๆ!’
แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าจะมีผลเช่นนี้ เป็นดั่งที่เฟิงซิวกล่าวจริงๆ หลังจากจัดการสิ่งที่รับมือได้ยากแล้วดึงเสี้ยนหนามเหล่านั้น ก็จะสามารถเติมเต็มคลังหลวงได้ เขาก็จะไม่ต้องรู้สึกอึดอัดเวลาเจอเสนาบดีเฒ่าเฉียนกลัวว่าจะมาทวงเงินกับตัวเองแล้ว
เพียงแต่แม้ว่าจะพอหายใจได้บ้างแต่ก็ยังไม่เพียงพอ ยังมีสิ่งที่ต้องใช้เงินอีกมากมาย
ในชั่วพริบตาก็มาถึงเดือนเก้า ด้วยความร่วมมือกันของราชสำนักกับเหล่าพระนักพรต ราษฎรที่นับถือเทพเจ้าน้ำค่อยๆ น้อยลงแล้ว และได้ทำลายเทวรูปไปจำนวนไม่น้อย แม้แต่ศาลเทพทางด้านทะเลสาบลวี่หูก็ถูกถล่ม อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่กล้าบูชาอย่างเปิดเผย มิเช่นนั้นหากมีคนนำเรื่องพวกเขาไปรายงานก็จะจบเห่กันทั้งตระกูล
โดยเฉพาะพวกอันธพาลในหมู่บ้านเหล่านั้น ให้ความสนใจสิ่งนี้โดยเฉพาะ อย่างไรเสียทันทีที่รายงานก็จะได้เงินรางวัล สิ่งนี้ดีกว่าการไปลักขโมยหลอกลวงมาไม่ใช่หรือ
แน่นอนว่าก็ยังมีคนที่จงใจสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อหลอกเอาเงินรางวัล แต่ที่ว่าการที่ต้องจัดการเรื่องนี้ก็ไม่ใช่คนโง่ เมื่อตรวจสอบพบก็จะลงโทษรุนแรงยิ่งกว่าผู้ที่บูชาเทพชั่วร้ายเสียอีก จึงไม่มีใครกล้าลองแล้ว
วิธีการเข้มงวดพอ แม้ว่าราษฎรจะมีความขุ่นเคือง แต่ก็ไม่กล้าเอาชีวิตไปแลกกับทางการ หากมีคนทำเช่นนี้ก็จะถูกทางการเอามาเป็นตัวอย่าง หากไม่ใช่เพราะถูกสิ่งชั่วร้ายครอบงำจะเป็นบ้าเช่นนี้ได้อย่างไร
แน่นอนว่าทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสีย การทำเช่นนี้ไม่ดีต่อความประทับใจที่ราษฎรมีต่อฮ่องเต้องค์ใหม่ คิดว่าเขาใช้อำนาจมากเกินไปและไร้มนุษยธรรม แม้แต่เรื่องการกราบไหว้บูชาเทพก็ยังใช้ประโยชน์และเข้ามาแทรกแซง เบ่งอำนาจเกินไปแล้ว
เสียงเหล่านี้ได้ถูกสะท้อนกลับไปยังฉีเชียน เขาไม่สนใจ ชื่อเสียงไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตราบใดที่สามารถจัดการความยุ่งเหยิงนี้ได้ เขาสามารถเบ่งอำนาจได้มากกว่านี้อีก
อีกอย่างราษฎรไม่รู้ถึงความอันตรายที่มีอยู่ เขาเองก็ไม่รู้ด้วยหรือ
ตราบใดที่เขาไม่ทำผิดต่อการฝากฝังของฉินหลิวซี ไม่ได้ทำผิดต่อราษฎร ไม่รู้สึกผิดในใจก็พอแล้ว
บรรดาข้าราชบริพารขุนนางชั้นสูงที่ฉลาดพอๆ กันกลับชื่นชมฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่น้อยเลยทีเดียว พวกเขาไม่กลัวว่าฮ่องเต้จะไม่ฉลาด แต่สิ่งที่กลัวที่สุดคือไม้ผุจะไม่อาจแกะสลักได้ หากฮ่องเต้มีความเด็ดขาดไม่เป็นตัวถ่วง กระทำการอย่างเคร่งครัดมากพอ เช่นนั้นพวกเขาจึงจะสามารถขับเคลื่อนเรือออกไปได้ไม่ใช่หรือ
เสนาบดีลิ่นรู้สึกทอดถอนใจเป็นที่สุด นี่อาจเป็นสิ่งที่ทำให้คนผู้นั้นเห็นชอบในตัวของฉีเชียน
………………..