คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1230 หล่อหลอมแผ่นชะตาชีวิต
ตอนที่ 1230 หล่อหลอมแผ่นชะตาชีวิต
………………..
มีการรบกวนจากโลกภายนอกมากมาย แต่ ณ ซากปรักหักพังอารามชิงผิงในภูเขาคุนหลุนกลับเงียบสงบ
เฟิงซิวมองดูฉินหลิวซีปรากฏตัวออกมาจากการกักตัวครั้งใหญ่ เห็นว่าพลังและความสง่างามทั่วทั้งร่างกายของนางล้ำลึกมากขึ้น ใบหน้าสงบและทรงพลัง รัศมีแข็งแกร่งจนทำให้ผู้คนยอมจำนน
เขามองไปยังสัตว์ตัวเล็กๆ ที่สั่นหมอบอยู่บนพื้นบริเวณโดยรอบ จากนั้นก็มองไปยังพลังอันน่าเกรงขามรอบตัวของฉินหลิวซี ยิ้มพลางเอ่ย “มีความมั่นใจมากขึ้นแล้วหรือไม่”
ฉินหลิวซีแสร้งทำเป็นกล่าวท้าทายเขา “ตอนนี้ข้าแข็งแกร่งจนน่ากลัว…”
“หวังว่าท่านจะทนต่อการโจมตีของสายฟ้าได้” เฟิงซิวเอ่ยประชดประชันโดยตาไม่กะพริบ “สร้างแผ่นอาคมกักเทพจะต้องถูกสายฟ้าฟาดเช่นเดียวกันกับการหล่อหลอมศาสตราวุธเทพ หึๆ !”
ฉินหลิวซีจ้องเขา จากนั้นก็มองไปยังทิศทางหนึ่ง “ข้าจะดูว่ายมบาลจะกล้ามาเอาวิญญาณข้าไปหรือไม่ อย่างไรเสียข้าก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว อย่างไรเสียก็ยังเหลืออีกหนึ่งชาติ”
ที่ไหนสักแห่งในความว่างเปล่า “!”
เข้าใจแล้ว ให้ข้าเป็นคนใจร้าย คิดจะข่มขู่กันหรือ!
เฟิงซิวส่ายหน้าเบาๆ
ฉินหลิวซีกล่าวว่า “ช่วยข้าวางค่ายอาคม”
ปากร้ายก็ส่วนปากร้าย นางเพียงแค่หล่อหลอมอาวุธ ไม่ได้จะไปตาย หากประสบความสำเร็จ ย่อมต้องเตรียมการบางอย่าง หากแผ่นค่ายอาคมนี้สำเร็จ ย่อมนำมาซึ่งด่านเคราะห์สวรรค์ มันเผชิญด่านเคราะห์สวรรค์ ก็เท่ากับตัวเองเผชิญด่านเคราะห์ หากผ่านไปไม่ได้ เช่นนั้นก็จบเห่
ก่อนหล่อหลอมเครื่องราง วางม่านอาคมป้องกันก่อน ภายในม่านอาคมต้องสามารถรวบรวมวิญญาณได้ หากไม่มีพลังวิญญาณที่เพียงพอ จิตก็ยากที่จะยืนหยัดได้ อย่างไรเสียการสร้างแผ่นค่ายอาคมระดับเทพใช่ว่าจะสำเร็จภายในวันเดียว
ฉินหลิวซีวางค่ายอาคมรวบรวมวิญญาณก่อน ใช้ตำแหน่งที่มีพลังวิญญาณมากที่สุดในปฐพีนี้เป็นดวงตาค่ายอาคม สิ่งที่บังเอิญก็คือมันอยู่ไม่ไกลจากรูปปั้นซานชิง และสิ่งที่นางนำมาวางค่ายอาคม ก็คือเส้นเลือดหยกเล็กที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณ
เฟิงซิวประหลาดใจเล็กน้อยที่นางมีของดีเช่นนี้
“ไม่ต้องอิจฉา เป็นคนดี มีเส้นสาย ย่อมไม่ขาดแคลนของดี” ฉินหลิวซีสบถอย่างภาคภูมิใจ เส้นเลือดหยกเล็กมากมายเหล่านี้ได้มากจากซือเหลิงเย่ว์
นางฝังเส้นเลือดหยกไว้ที่ดวงตาค่ายอาคม จากนั้นก็นำไม้หนานทองพันปีหนึ่งท่อน อัญมณีเจ็ดสี ซ้ำยังมียันต์วิญญาณประกายแสงสีทองและอื่นๆ ฝังลงไปในค่ายอาคมที่สอดคล้องกันทีละอย่าง
ฉินหลิวซีไม่เคยเคร่งเครียดขนาดนี้มาก่อน สิ่งของที่เอาออกมาแต่ละอย่างล้วนเป็นของดีที่หาได้ยากจากภายนอก และนี่ก็เพียงเพื่อวางค่ายอาคมรวบรวมวิญญาณ
เฟิงซิวถอนหายใจ หากไม่ใช่เพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องยาก ไหนเลยจะเคร่งเครียดขนาดนี้
ทั้งสองคนวางค่ายอาคมรวบรวมพลังวิญญาณด้วยกัน ค่ายอาคมป้องกันเป็นผลงานที่ออกมาจากจิตวิญญาณเต๋ากับพลังปีศาจของทั้งสอง ตามที่เฟิงซิวกล่าว เขาสามารถสร้างค่ายอาคมเองได้
ฉินหลิวซีกลับส่ายหน้า “ด่านเคราะห์ที่ข้าต้องเผชิญ ต้องเผชิญด้วยตัวเองเท่านั้น ให้ผู้อื่นแบกรับแทนไม่ได้ อย่างไรเสียการฝึกบำเพ็ญก็ล้วนต้องฝึกบำเพ็ญด้วยตัวเอง”
เฟิงซิวไม่ได้ว่าอะไร ก่อนจะเอ่ย “ท่านวางใจเถิด ข้าจะคอยดูแลอยู่ข้างนอก”
การหล่อหลอมแผ่นค่ายอาคม หากผิดพลาดเพียงนิดเดียวก็จะสร้างความแตกต่างอย่างมหาศาล สมาธิในวังจิตจะต้องแน่วแน่ อย่างไรเสียค่ายอาคมแต่ละชั้นจะต้องตกอยู่ในตำแหน่งวังทั้งเก้าที่สอดคล้องกัน ต้องห้ามพลาดแม้แต่ขั้นตอนเดียว
ดังนั้นในช่วงเวลานี้ ไม่ควรปล่อยให้ใครมารบกวน เพื่อหลีกเลี่ยงการโดนสะท้อนกลับจนทำลายสมาธิ
“ตกลง”
ฉินหลิวซีนำสิ่งของที่ใช้ในการหล่อหลอมแผ่นค่ายอาคมออกมาอีก แผ่นค่ายอาคมใบนั้น รวมถึงสัตว์มงคลทองคำดำจากฟ่านคง ไม้ทองคำดำที่ซือเหลิ่งเย่ว์มอบให้ พระธาตุที่อาจารย์จิ้งสือมอบให้ หินศักดิ์สิทธิ์ที่เหมียวอูมอบให้และอื่นๆ สิ่งต่างๆ ถูกวางไว้ด้านข้าง รัศมีอันทรงพลังและบริสุทธิ์ต่างๆ นานาถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน
เฟิงซิวสีหน้าจริงจัง ปลดปล่อยกระแสจิต จดจ่อรัศมีระยะร้อยลี้อย่างระมัดระวัง พลังของราชาปีศาจพลันกระจายออกไป ทำเอาปีศาจและพืชที่มีวิญญาณเหล่านั้นสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
สิ่งของแต่ละอย่างนี้ล้วนใช้เป็นเครื่องรางได้ แต่วัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถทำให้ตัวเองมีพลังได้ เลี่ยงไม่ได้ที่นำพามาซึ่งความโลภ ย่อมต้องป้องกัน
หนึ่งคืนผ่านไป ท้องฟ้ากลายเป็นสีขาว ฉินหลิวซีตั้งแท่นบูชา จุดธูปศักดิ์สิทธิ์สามดอกเพื่อบูชาเทพเจ้าและบอกกล่าวแก่ฟ้าดิน นางต้องการยืมพลังของฟ้าดินมาหล่อหลอมแผ่นกักเทพ ปราบสิ่งชั่วร้ายปกป้องคุณธรรม ช่วยเหลือผู้คน คาดหวังคำสัญญาจากองค์เทพ
ค่ายอาคมกักเทพจะต้องมีพลังกฎเกณฑ์แห่งฟ้าดิน เช่นนี้จึงจะสามารถปราบปรามค่ายอาคมใหญ่ กลายเป็นเทพเจ้าได้ เพียงแค่การปราบปรามนั้นไม่พอ ต้องการกักเทพ ไม่ให้เขาออกมาได้ ก็ต้องมีค่ายอาคมสังหาร ฆ่าเขาให้ตายในค่ายอาคม
ฉินหลิวซีเหลือบมองเฟิงซิว มือทั้งสองข้างร่ายคาถา จิตวิญญาณเต๋ากระจายไปบริเวณโดยรอบ เอาแผ่นค่ายอาคมออกมา
แผ่นค่ายอาคมนี้ทำมาจากไม้อู นางกะจะนำเอาวิญญาณออกจากแผ่นค่ายอาคมนี้ ใช้ของเหลวที่หล่อหลอมออกมาจากสัตว์เทพศักดิ์สิทธิ์ทองคำดำมาหล่อหลอมแผ่นค่ายอาคมอีกครั้ง แกะสลักอาคมฉีเหมิน[1] และจานทั้งสี่แห่งฟ้า ดิน คน เทพ ใช้พระธาตุกับหินศักดิ์สิทธิ์และสิ่งของอื่นๆ ปลุกเสกลงไป ทำให้กลายเป็นแผ่นค่ายอาคมฉีเหมินอย่างแท้จริง ในค่ายอาคมกักเทพ นางวางหมากสี่สิบเก้าขั้น
เส้นทางอันยิ่งใหญ่ห้าสิบ สวรรค์กำหนดสี่สิบเก้า นางจะแย่งชิงฟางเส้นสุดท้าย
หมากสังหาร
เฟิงซิวรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย มีความรู้สึกอยู่ไม่สุข ก็ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร อดมองขึ้นไปบนท้องฟ้าไม่ได้ ท้องฟ้าสดใสและเงียบสงบ
ฉินหลิวซีอยู่ในม่านอาคม ลืมตัวเองไปโดยสิ้นเชิง
หากคนเราตรัสรู้ การตระหนักรู้ก็จะยิ่งเบ่งบาน ไฟนรกหล่อหลอมของเหลวของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทองคำดำ หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันกับแผ่นค่ายอาคม พลังวิญญาณห่อหุ้มแผ่นค่ายอาคม หล่อหลอมรูปร่างใหม่ ในไม่ช้าก็กลับคืนสู่ขนาดเท่าฝ่ามืออย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงได้เริ่มใช้กระแสจิตแกะสลักลวดลายค่ายอาคม
การแกะสลักเริ่มต้นขึ้น ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการวางโครง กระบวนการนี้ไม่สามารถหยุดลงได้ ต้องใช้กระแสจิตและสมาธิที่แข็งแกร่งจึงจะสามารถแกะสลักลงไปด้านบนได้ทีละขั้น
ค่ายอาคมสังหารทั่วไปทำอะไรซื่อหลัวไม่ได้ ตั้งแต่แรกเริ่มฉินหลิวซีก็ได้ทำการตัดสินใจแล้ว หากต้องการจะสังหารเทพเจ้าในกับดักกักเทพ จะต้องไม่เหลือทางรอด เมื่อกักขังไว้แล้วก็จะเป็นทางตัน ดังนั้นนางจึงไม่ต้องการวางทางรอดไว้ในดวงตาค่ายอาคม ซึ่งเป็นแผ่นค่ายอาคมมนุษย์สังหารแปดทิศ และแผ่นค่ายอาคมมนุษย์นี้นางจะเป็นคนรับผิดชอบ
ดวงตาค่ายอาคมคือทางรอด
นี่คือเหตุผลที่นางบอกว่าเมื่อแผ่นค่ายอาคมฝ่าด่านเคราะห์สวรรค์ นางก็ต้องฝ่าด่านเคราะห์สวรรค์ เนื่องจากนางต้องการจะหล่อหลอมแผ่นค่ายอาคมนี้เป็นแผ่นชะตาชีวิต ตราบใดที่นางยังมีชีวิตอยู่ ก็จะไม่มีทางรอด หากนางตาย ทางรอดถูกทำลาย เขาก็ต้องตาย
ดวงอาทิตย์ขึ้นแล้วตก ตกแล้วขึ้น ผ่านไปเป็นเวลาสิบวันแล้ว
หมากขั้นที่สี่สิบเก้า ฉินหลิวซีไม่เคยหยุดลงเลยแม้แต่นิด จิตวิญญาณค่อยๆ อ่อนแอลง กระแสจิตเหนื่อยล้า แต่นางกลับไม่กล้าผ่อนคลาย เนื่องจากเมื่อผ่อนคลาย ทุกอย่างที่พยายามมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า
เมื่อพลังวิญญาณในค่ายวิญญาณค่อยๆ จางลง สีหน้าของนางก็ขาวราวกับผี อ่อนแอเป็นอย่างมาก
เฟิงซิวอยู่ข้างนอก เดิมทียังคงมองเห็นสถานการณ์ภายในค่ายอาคม แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป เขามองเห็นเพียงชั้นหมอกบางๆ เท่านั้น คนในหมอกราวกับอยู่ในภาพลวงตา กระทั่งไม่เหมือนของจริง ราวกับหายไปตามกาลเวลา
เวลาผ่านไปอีกสิบวัน เฟิงซิวสังเกตเห็นความหนาวเย็นบนใบหน้า เขาเงยหน้าขึ้น ไม่รู้ว่าท้องฟ้ามืดลงตั้งแต่เมื่อไหร่ มีเกล็ดหิมะตกลงมา
เขามองไปรอบๆ ป่าที่แต่เดิมมีสีเหลืองอ่อนได้กลายเป็นสีเหลืองเหี่ยวเฉา ใบไม้ร่วงหล่น และพลังวิญญาณ…
พลังวิญญาณหลั่งไหลเข้าไปในม่านอาคมไม่ขาดสาย
เฟิงซิวนั่งตัวตรง สีหน้าเคร่งขรึม ทั้งมีความสุขและเป็นกังวลในเวลาเดียวกัน
สวบ สวบ สวบ
ทันทีที่กระแสจิตของเขาเคลื่อนไหว ระยะนอกหนึ่งร้อยลี้ มีบางอย่างกำลังพุ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็ว
พลังปีศาจของเฟิงซิวพุ่งทะยาน “ไสหัวไป!”
สิ่งนั้นหยุดชะงักไม่กล้าก้าวไปข้างหน้า แต่ยังคงมีกลุ่มเงาสีดำเข้ามาอย่างเงียบๆ
[1]ฉีเหมิน หนึ่งในโหราศาสตร์จีนโบราณ ที่เป็นตัวกลางในการอธิบาย ลักษณะพลังงานของจักรวาล ที่ส่งผลต่อทุกสรรพสิ่ง ณ ขณะเวลานั้นๆ
………………..