คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1236 ทุกคนในอารามชิงผิงล้วนหัวรั้น
ตอนที่ 1236 ทุกคนในอารามชิงผิงล้วนหัวรั้น
………………..
กลางดึก
เถิงเจาซ่อนตัวอยู่มุมชายคา มองดูฉินหลิวซีกับเฟิงซิวก้าวเข้าสู่ความว่างเปล่า น้ำตาไหลออกมาอย่างเงียบๆ จนกระทั่งมีผ้าเช็ดหน้าปรากฏขึ้นตรงหน้า
เขาหันศีรษะไปเล็กน้อย ไม่ได้รับมา
“รีบเช็ดเถิด เดี๋ยวมีคนมาเห็นเข้าจะขายหน้า” เจ้าโสมน้อยกล่าวดุๆ “อย่าทำตัวเหมือนเด็กน่าสงสาร จำสิ่งที่พวกเราเอ่ยไว้ก่อนหน้านี้ไม่ได้หรือ”
เถิงเจาหันมามอง เอ่ยด้วยใบหน้าเย็นชาว่า “ข้าจะไปอย่างแน่นอน”
“แน่นอนอยู่แล้ว” เจ้าโสมน้อยเช็ดใบหน้าตัวเองจากนั้นจึงเอ่ย “อย่าว่าแต่เจ้าเลย ผู้ฝึกบำเพ็ญทุกคนในใต้หล้านี้ล้วนไปทั้งหมด”
เถิงเจามองไปยังวิหารหลักของอารามชิงผิง กล่าวว่า “แต่อาจารย์คงไม่อยากจะเห็นข้าปรากฏตัวในสถานการณ์เช่นนั้นหรอกกระมัง นางอยากจะเห็นอารามชิงผิงสืบทอดต่อไปมากกว่า”
“เจ้าโง่หรืออย่างไร ศัตรูสาธารณะของฝ่ายคุณธรรมคือใคร คือปีศาจร้ายผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถกลืนราชาผีพันปีได้ เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุดในใต้หล้า หากเขาทำลายล้างโลก พวกเราทั้งหมดล้วนต้องตาย ยังจะมีการสืบทอดใดอีก” เจ้าโสมน้อยเอ่ย “อีกอย่าง แม้ว่าพวกเราจะไปกันหมดแล้ว อารามเต๋าแห่งนี้ก็จะไม่เสื่อมถอยและกลายเป็นอารามผุพังเหมือนตอนที่อาจารย์ของเจ้าพึ่งมาเมื่อสิบกว่าปีก่อน”
เถิงเจามองไปที่เขา
เจ้าโสมน้อยเอ่ย “ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเป็นซีซีของพวกเราที่ผลักดันพระองค์ พระคุณน้ำหนึ่งหยด ไม่ได้ขอให้เขาตอบแทนด้วยน้ำในมหาสมุทร แต่การที่ช่วยปกป้องอารามชิงผิงของพวกเราคงไม่เป็นปัญหาหรอกกระมัง ส่วนเรื่องควันธูปก็ยังมีคนแซ่อวี้ผู้นั้นอยู่ไม่ใช่หรือ”
เถิงเจามองไปตามนิ้วมือของเขา เห็นอวี้ฉังคงยืนอยู่ที่ลานหน้าวิหารใหญ่
“ตราบใดที่ควันธูปยังคงอยู่ อารามชิงผิงก็จะไม่เสื่อมถอย มีควันธูปก็จะมีความศรัทธา มีพลังปรารถนา” เจ้าโสมน้อยเอ่ยต่อไป “คนผู้นั้นมีไหวพริบชาญฉลาด ย่อมทำให้ควันธูปของอารามชิงผิงรุ่งเรืองมากกว่าอารามจินหัวอะไรนั่น ซ้ำยังมีชื่อเสียง เจาเจา บางครั้งพลังศรัทธามหาศาลสามารถทำให้ก่อกำเนิดเทพได้ เทพเจ้าน้ำทะเลสาบลวี่หูผู้นั้นก็มีที่มาเช่นนี้ไม่ใช่หรือ”
“และพลังศรัทธาเหล่านี้ก็เป็นแรงหนุนช่วยได้เช่นกัน แม้ว่าพวกเราจะเป็นผู้โชคร้ายขึ้นมาจริงๆ ตายจากไป หากมีพลังปรารถนานี้ ไม่แน่อาจจะสามารถหลอมรวมขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง”
เจ้าโสมน้อยเอ่ย “เจ้าอย่าดูถูกข้าไปหน่อยเลย พี่โสมของเจ้าอย่างน้อยก็เป็นปีศาจโสมที่ฝึกบำเพ็ญมาพันปี เห็นดวงอาทิตย์ดวงจันทร์สลับสับเปลี่ยนกันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ย่อมเข้าใจมากกว่าเจ้า”
เถิงเจาเอ่ยตอบ “แต่ข้าคิดว่าท่านอาจารย์ไม่ได้ตั้งใจจะให้พวกเราไปด้วย”
“ไม่พาไปก็จะไม่ไปหรือ” ไม่รู้ว่าชิงหย่วนโผล่มาจากไหน คว้าผ้าเช็ดหน้ามาจากเจ้าโสมน้อย ปาดน้ำตาอย่างแรง ซ้ำยังสั่งน้ำมูก กล่าวว่า “ได้ยินมาว่าเมื่อหลายพันปีก่อนเจ้านั่นอยากจะทำลายสวรรค์ แต่ศาสนาพุทธกับลัทธิเต๋ารวมตัวกันดึงเขาลงมาจากแท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าตอนนี้ก็เป็นศาสนาพุทธและลัทธิเต๋าสองสำนักที่ต้องต่อสู้ หลบอยู่ข้างหลังนับว่าเป็นผู้ฝึกบำเพ็ญเต๋าแบบใดกัน ให้ผู้อาวุโสเห็นว่าคนรุ่นเรารักตัวกลัวตาย พวกเรายังจะมีศักดิ์ศรีอยู่หรือ”
ซานหยวนก็พยักหน้าอยู่ข้างหลังเขา
หากเอาชนะปีศาจร้ายไม่ได้ แต่พวกเราสามารถช่วยทำลายยันต์อักขระเหล่านั้นได้
“ท่านเจ้าอาวาสน้อย คนอื่นไม่ไปเราไม่ว่าอะไร แต่อารามชิงผิงจะต้องทุ่มสุดตัว ช่วยท่านเจ้าอาวาสอย่างสุดกำลังของทุกคนในอาราม คนอื่นไม่ต้องยืนข้างหลังนางก็ได้ แต่พวกเราต้องยืนอยู่ข้างหลังนาง”
เจ้าโสมน้อยเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “พูดกลับกันแล้ว ต้องยืนอยู่ข้างหน้าเป็นปืนใหญ่ให้นางไม่ใช่หรือ ต่อสู้ไม่ได้ ก็ต้องเป็นโล่เนื้อแทน”
ชิงหย่วน “เจ้าคิดว่าการเป็นโล่เนื้อไม่มีความพิถีพิถันหรืออย่างไร ร่างกายเล็กๆ ของพวกเราไหนเลยจะมีคุณสมบัติมากพอ ไม่สู้อยู่ข้างหลัง ไม่ว่าจะโบกธง ร้องตะโกน หรือลอบวางแผน ก็สามารถทำให้อีกฝ่ายสับสนได้เสมอ”
หนูทองส่ายหัว เป็นพวกเดียวกันก็จริง แต่คนในอารามชิงผิงนี้พึ่งพาไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่ต้องเผชิญกับสิ่งที่มีความน่ากลัว แต่สิ่งที่พูดออกมาราวกลับเด็กกำลังทะเลาะกัน เหอะๆ ลอบวางแผน?
ซานหยวนเอ่ยอยู่ด้านข้างว่า “ท่านเจ้าอาวาสไปแล้ว ไปหาคนผู้นั้นแล้วหรือ พวกเราจะตามไปอย่างไร”
เจ้าโสมน้อยกล่าวว่า “ไม่ต้องตาม ข้ารู้ว่าอยู่ที่ไหน”
ทุกคนหันไปมองเขาพร้อมกัน
“อยู่ที่ถ้ำ…ไม่สิ บ้านของเหล่าเฮย”
ชิงหย่วนเงยหน้าขึ้นมองดูท้องฟ้ายามค่ำคืน เอ่ย “แม้ว่าจะเป็นทหารออกรบ ยังไม่ทำการศึกก็ต้องเคลื่อนย้ายเสบียงอาหารก่อน พวกเราก็ต้องทำการเตรียมพร้อม เอาเครื่องรางปราบปีศาจสังหารสิ่งชั่วร้ายที่สะสมไว้ออกมา จัดการมัน”
หนูทองไหลลงไปแล้วกระโดดขึ้นไปบนไหล่ของเจ้าโสมน้อย ค้นสมบัติ เรื่องนี้มันถนัดกว่าใคร!
เพื่อเป็นการป้องกัน เขาต้องกำชับกับผู้ศรัทธาอวี้ ควันธูปของอารามชิงผิงจะหยุดลงไม่ได้
อำเภอหนาน
เฟิงซิวเอ่ยกับฉินหลิวซีว่า “ท่านทำราวกับสั่งเสีย ต้องการจะปิดกั้นทุกคนออกไปหรือ แต่ข้าว่าคนในอารามชิงผิงแต่ละคนล้วนเป็นกบฏ หัวรั้นมาแต่กำเนิด สีหน้าแสร้งทำเป็นโง่ แต่ในใจกลับรู้อย่างชัดเจน ยิ่งท่านห้าม พวกเขาก็จะยิ่งไปข้างหน้า ดังนั้นการกำชับของท่านเปล่าประโยชน์อย่างแน่นอน”
ฉินหลิวซีกลอกตาใส่เขา “ไม่รู้จักพูดก็หุบปาก สั่งเสียอะไรกัน ไม่เคยได้ยินหรือว่าคนชั่วตายช้า คนดีตายเร็ว ฝ่ายคุณธรรมต้องชนะ!”
เฟิงซิวสบถ “เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้ฝึกบำเพ็ญรุ่นเราทั้งหมดควรเข้าร่วม แม้ว่าพวกเขาจะไม่สู้ท่านและข้า แต่การปิดกั้นออกไป เป็นการดูถูกพวกเขา แม้ว่าจะเป็นตอนที่เขาอยากขึ้นสู่สวรรค์เป็นครั้งแรก ศาสนาพุทธและลัทธิเต๋าได้พยายามอย่างเต็มที่ ตอนนี้ก็ควรจะเป็นเช่นนั้น”
“ข้าเพียงแค่คิดว่าการมีอยู่ของซื่อหลัวเช่นนี้ คนที่มีตบะอย่างเจ้าและข้าก็ยังต้องตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะไปไม่มีวันกลับ แต่เจาเจา เขายังไม่ครบสิบห้าปีเลย มันเป็นความเห็นแก่ตัวของข้าที่อยากจะให้สายเลือดอารามชิงผิงเหลืออยู่”
“ความคิดนี้ของท่านข้าไม่อาจเห็นด้วยได้ สิบห้าปีแล้วอย่างไร ตอนนั้นท่านก็เพียงแค่สิบห้าปี ก็สามารถเลื่อนขั้นและขวางภัยพิบัติให้ข้าได้แล้ว ซ้ำเขายังเป็นคนมีพรสวรรค์ ตบะอยู่เหนือกว่าผู้ฝึกบำเพ็ญทั่วไป ท่านดูถูกเขาก็เท่ากับดูถูกตัวท่านเอง ดูถูกสายตาของตัวเอง” เฟิงซิวส่ายหน้าพลางเอ่ย “อีกอย่าง หากพวกเราแพ้แล้ว ซื่อหลัวเป็นฝ่ายชนะ ใต้หล้ายังจะเหลืออะไรอีก ล้วนถูกเขาสังเวยสวรรค์ไปหมดแล้ว!” เฟิงซิวมองนาง ยังคงเอ่ย “การที่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ หากชนะ ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ก็คู่ควรที่จะได้อยู่ในศาลบรรพชน แต่หากท่านขวางเขา ไม่ให้เขาไปข้างหน้า เช่นนั้นเขาก็จะเสียใจไปตลอดชีวิต หัวใจเต๋าถูกปิดกั้น คาดว่าเส้นทางการฝึกบำเพ็ญนี้ก็จะสิ้นสุดลง ท่านลองคิดดู หากอาจารย์ของท่านห้ามไม่ให้ท่านไปตาย ไม่ใช่สิ ทั้งๆ ที่รู้ว่าที่นั่นมีปีศาจร้าย แต่เป็นเพราะกลัวว่าท่านจะตายจึงไม่ให้ท่านไปสังหารปีศาจร้าย ท่านทนได้หรือ”
ฉินหลิวซีสะดุ้ง
“เข้าสู่ลัทธิเต๋า เรียนรู้ศาสตร์ทั้งห้าของเสวียนเหมินก็เพื่อปราบสิ่งชั่วร้ายปกป้องเต๋าไม่ใช่หรือ หากรักตัวกลัวตาย เช่นนั้นการฝึกบำเพ็ญเต๋าจะมีความหมายอะไร”
เฟิงซิวแตะศีรษะนาง “ไม่ผิดที่ท่านจะรักเขา แต่ก็ไม่ควรวางลำดับความสำคัญผิด การทำเช่นนั้นมีแต่จะได้ไม่คุ้มเสีย ตัดเส้นทางการฝึกบำเพ็ญของเขา”
เขาเชื่อว่าเจ้าเด็กเถิงเจาผู้นั้นยอมตายมากกว่าที่จะเป็นเต่าหดหัวอยู่ในกระดองหลบอยู่ข้างหลัง
สู้ไม่ได้ก็หนี พูดดูเหมือนง่าย แต่กลับทำได้ยาก
เห็นสิ่งชั่วร้ายไม่สังหาร เป็นอุปสรรคต่อหัวใจเต๋า ไม่เป็นผลดีต่อการก้าวหน้า นี่คือหลักการที่ถูกต้อง!
ฉินหลิวซีเม้มริมฝีปาก เอ่ย “เจ้าพูดถูก เป็นข้าที่คิดผิดไป”
สังหาร ‘เทพเจ้า’ แห่งการรู้แจ้ง จึงจะเป็นจุดหมายปลายทางของพวกเขา!
………………..