คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 17 คุณหนูใหญ่ตั้งชื่อให้ว่าผิงอาน ตอนที่ 18 คุณหนู ท่านต้องทำงานแล้ว!
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 17 คุณหนูใหญ่ตั้งชื่อให้ว่าผิงอาน ตอนที่ 18 คุณหนู ท่านต้องทำงานแล้ว!
ตอนที่ 17 คุณหนูใหญ่ตั้งชื่อให้ว่าผิงอาน / ตอนที่ 18 คุณหนู ท่านต้องทำงานแล้ว!
ตอนที่ 17 คุณหนูใหญ่ตั้งชื่อให้ว่าผิงอาน
ตอนที่นางฉินผู้เฒ่าและคนอื่นๆ รีบไปที่ห้องของสะใภ้กู้ เด็กๆ กำลังร้องไห้จ้า ฉินหลิวซีกำลังปั่นเข็มปักลงบนจุดต่างๆ ให้นาง อย่าได้พูดเลยว่าสีหน้าของนางนั้นย่ำแย่เพียงใด
“นางเป็นอะไรไปอีก” นางฉินผู้เฒ่าใจเต้นไม่เป็นส่ำโดยเฉพาะเมื่อนางได้เห็นสีหน้าหน้าซีดเผือดของสะใภ้กู้ มือไม้สั่นเทาไปหมด
สะใภ้หวังสั่งให้แม่นมแซ่โจวคนนั้นและจวี๋เอ๋อร์อุ้มเด็กสองคนออกไปปลอบข้างนอก ไม่เช่นนั้นเสียงร้องก็จะยิ่งทำให้ตื่นตระหนกลนลานมากยิ่งขึ้น
สะใภ้กู้ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น นางมองทุกคนที่อยู่ที่นั่นด้วยความงุนงงก่อนจะมองตามเสียงร้องของเด็กๆ ไป
“อาสะใภ้สาม ท่านอย่าได้โทษว่าข้าพูดจาไม่น่าฟังเลย สุขภาพร่างกายของท่านตอนนี้เหมาะแล้วหรือที่จะให้นมเด็ก ข้าเชื่อว่าฉีหวงจะต้องเตือนท่านแล้ว แต่ท่านก็ยังอยากจะลองดู ท่านกำลังทำร้ายร่างกายตัวเองให้พังไปเท่านั้น” ฉินหลิวซีดึงเข็มกลับและสบตาสะใภ้กู้ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เดิมทีท่านก็คลอดก่อนกำหนดอยู่แล้ว คลอดก็ยาก กว่าจะปลอดภัยกันทั้งแม่ทั้งลูกก็ไม่ใช่ง่ายๆ เลย ท่านไม่บำรุงดูแลตัวเองให้ดี แต่กลับทรมานตัวเอง ท่านกลัวจะอยู่นานไปหรือ”
สะใภ้หวังจนใจเล็กน้อยและเรียกเบาๆ “นังหนูซี…”
แม้ว่านางจะพูดจามีเหตุผล แต่จะอ้อมค้อมหน่อยไม่ได้หรือ
สะใภ้กู้ฝืนลุกขึ้นนั่ง พอเห็นแววตาของฉินหลิวซีนางก็รู้สึกผิดเล็กน้อย และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเสียใจ “ข้าเพียงเห็นว่าเด็กร้องไห้หนักมากจึงได้ป้อนนมเขาเล็กน้อยเท่านั้น ใครจะไปนึกว่าข้า…”
นางก้มหน้าลง น้ำตาไหลเป็นสายราวลูกปัด
นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ตนเองจะไม่มีน้ำนมเลี้ยงลูกเลยสักนิด นางได้แต่ดูเขาออกแรงสุดกำลัง แต่กลับดูดนมไม่ออกเลย จากนั้นเขาก็ร้องไห้อย่างหนักจนนางปวดใจไปหมด นางทั้งร้อนใจและตื่นตระหนก พอจิตใจว้าวุ่นขึ้นมาก็หายใจไม่ออกและหมดสติไป
“สุขภาพร่างกายของท่านไม่ดี ข้าจึงให้ยาลดการหลั่งน้ำนมแก่ท่าน ท่านไม่สามารถให้นมเขาได้” ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างเฉยเมย
น้ำนมแม่เปรียบเสมือนเลือดของสตรี มันมีค่ามาก แต่ร่างกายของสะใภ้กู้ไม่สามารถทนต่อการให้นมบุตรได้ มิฉะนั้นต่อให้บำรุงนางมากเพียงไหนก็ไม่พอให้นางผลาญหรอก
เด็กก็สำคัญ แต่มารดาก็สำคัญกว่า ถ้ามารดาจากไป เด็กจะดีได้อย่างไร
สะใภ้กู้อึ้งงันไป
นางฉินผู้เฒ่าได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว พอเห็นสถานการณ์เช่นนั้นนางก็เอ่ยโน้มน้าวด้วย “สะใภ้กู้ สิ่งสำคัญอันดับแรกของเจ้าคือการบำรุงตัวเองให้ดี ปล่อยให้แม่นมป้อนนมเด็กๆ ไปเถิด หากคนเดียวไม่พอก็ไปหามาอีกคน แต่ถ้าเจ้าเป็นอะไรไป เด็กๆ จะทำเช่นไร เจ้าสามเล่าจะทำเช่นไร”
“ท่านแม่ ข้ากลัว!” ฉินหมิงเป่าคุกเข่าลงข้างเตียงและจับมือนางพลางร้องไห้ออกมา
สะใภ้กู้ปวดใจเหลือแสน น้ำตาก็ยิ่งไหลพราก
“ไม่ต้องร้องแล้ว เจ้ากำลังอยู่ไฟจะร้องไห้ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นต่อไปดวงตาเจ้าจะมีปัญหานะ” สะใภ้หวังเช็ดน้ำตาให้นาง “พวกเรารู้ว่าเจ้าสงสารลูกๆ เพราะฉะนั้นแล้วจะต้องดูแลตัวเองให้ดีสิ มิใช่หรือ”
สะใภ้กู้พยักหน้า “ข้าคิดน้อยเกินไป”
นางเพียงรู้สึกสงสารลูก แต่ไม่ได้นึกถึงว่าสุขภาพร่างกายของตนเองไม่เอื้ออำนวย
สะใภ้กู้หันไปมองฉินหลิวซีก่อนจะเอ่ย “ ข้าจะเรียกเจ้าว่าซีเอ๋อร์เหมือนพี่สะใภ้ใหญ่ก็แล้วกันนะ ซีเอ๋อร์ เด็กทั้งคู่เกิดมาได้อย่างราบรื่นด้วยความช่วยเหลือจากเจ้า ขอพึ่งใบบุญของเจ้าสักครั้ง จะช่วยตั้งชื่อให้พวกเขาหน่อยได้หรือไม่”
ฉินหลิวซีขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางมองไปที่นางฉินผู้เฒ่าแล้วเอ่ยว่า “เรื่องนี้ให้ผู้อาวุโสที่บ้านจัดการเถิด”
“ท่านแม่…” สะใภ้กู้หันไปหานางฉินผู้เฒ่าด้วยสายตาอ้อนวอนทันที
นางฉินผู้เฒ่าจึงเอ่ย “อาสะใภ้สามของเจ้าเอ่ยถูกแล้ว เจ้าก็ตั้งชื่อให้พวกเขาสักชื่อเถิด ตั้งเป็นชื่อเล่นไปก่อน แล้วค่อยเขียนจดหมายไปให้ท่านปู่และอาสามของเจ้าขอให้พวกเขาตั้งชื่อให้ทีหลัง รอเด็กๆ สามขวบแล้วค่อยใช้ชื่อจริงก็ได้”
เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ฉินหลิวซีก็ไม่ได้อิดออดอีกต่อไป นางรู้วันเกิดเวลาตกฟากของเด็กๆ เป็นอย่างดี กระทั่งจับชีพจรให้ก็ทำมาแล้ว เพียงแต่เด็กยังเล็กเกินไป ถึงอย่างไรก็ไม่อาจตัดสินทำนายทุกอย่างได้ นางจึงไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
“ผิงอาน” ฉินหลิวซีมองไปยังทารกทั้งสองที่อยู่กับแม่นมและจวี๋เอ๋อร์กำลังอุ้มอยู่ก่อนจะเอ่ย “ถ้าเช่นนั้นก็ให้ชื่อผิงอาน[1]เถิด ไม่สูงส่ง ไม่ต่ำต้อย เลี้ยงง่าย”
ตอนที่ 18 คุณหนู ท่านต้องทำงานแล้ว!
ฉินหลิวซีนำฉีหวงออกจากห้องของสะใภ้กู้กลับมาถึงห้องของตน ทันทีที่เข้าไปข้างใน สีหน้าของนางก็เคร่งเครียดทันที นี่เพิ่งจะผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ชีวิตก็มีเรื่องน่ารำคาญใจมากมายเพียงนี้แล้ว
“ข้าเห็นว่าในเรือนก็ไม่ได้มีบ่าวรับใช้เยอะขึ้นสักเท่าไร ลุงหลี่ไม่ได้ไปหานายหน้ามาหรือ” ฉินหลิวซีรินชาให้ตนเองแล้วดื่มให้ชุ่มคอ จากนั้นจึงเอ่ยถามฉีหวง
ฉีหวงเอ่ย “ท่านสั่งแล้ว พวกเราจะไม่ทำได้หรือเจ้าคะ นายหน้ามาแล้วเจ้าค่ะ นายหญิงใหญ่เป็นคนจัดการทำสัญญาแค่แม่นมคนหนึ่งกับแม่บ้านทำงานทั่วไปสองคนเท่านั้นเจ้าค่ะ”
ฉินหลิวซีตะลึงไปทันที “สองคนหรือ”
ฉีหวงพยักหน้าก่อนจะเอ่ย “ป้าหลี่ยังดูแลเรื่องในครัวอยู่เหมือนเดิม ส่วนหญิงที่หน่วยก้านดีสองคนนั้นมีหน้าที่ทำงานทั่วไปและซักผ้า ส่วนเสวี่ยเอ๋อร์ นายหญิงได้ย้ายนางไปในเรือน เตรียมจะให้เป็นสาวใช้ แต่ไม่ได้ให้รับใช้เจ้านายคนไหนเป็นพิเศษ”
พอนางเห็นว่าฉินหลิวซีนิ่วหน้าจึงเอ่ยเตือน “คุณหนูไม่เหมือนในอดีต ไม่ได้เป็นตระกูลขุนนางเหมือนแต่ก่อน ถูกยึดทรัพย์ค้นบ้าน ทั้งไม่สามารถนำทรัพย์สินอะไรติดตัวมาด้วยได้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องใช้เงินทั้งนั้น ไหนเลยนายหญิงใหญ่จะกล้าซื้อหาบ่าวรับใช้มาห้อมล้อมมากมายเช่นก่อนหน้านี้อีก จากอาหารในวันนี้ท่านก็น่าจะเห็นแล้ว ถ้าไม่มีเงินก็ต้องประหยัดกินประหยัดใช้ ไม่อย่างนั้นนายหญิงรองจะเอะอะโวยวายเช่นนี้หรือเจ้าคะ”
ฉินหลิวซีหันไปมองด้วยความสงสัย “เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเจ้ากำลังเตือนอะไรข้า”
ฉีหวงตอบโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยน “ไม่มีเงินในบัญชีแล้ว ลุงหลี่คงมาหาท่านด้วยเรื่องนี้ในอีกไม่ช้า”
มันหมายความว่าถึงเวลาที่ท่านต้องทำงานแล้ว!
หนังศีรษะของฉินหลิวซีตึงเครียดขึ้นทันที เมื่อไม่มีเงินก็ทำตัวลอยๆ ปล่อยไปตามยถากรรมไม่ได้อีกแล้วสิ
“เป็นไปไม่ได้ เงินที่ข้าสะสมไว้ก่อนหน้านี้เล่า เจ้าจำได้ใช่หรือไม่” ก่อนหน้านี้นางก็อดออมสะสมเงินเล็กๆ น้อยๆ ไว้อยู่ตลอด จะหมดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร
ฉีหวงไม่รู้ขุดสมุดบัญชีและลูกคิดเล็กๆ มาจากไหนและเริ่มคำนวณทันที “ขออภัยที่ข้าต้องเตือนท่าน ท่านเกียจคร้าน ไม่รับงาน แถมยังเก็บตัว แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพียงแต่ท่านมักจะซื้อยาจากตำหนักอายุวัฒนะอยู่บ่อยๆ ข้าจำได้ว่าเมื่อเดือนที่แล้วท่านซื้อโสมอายุร้อยปีมาหนึ่งต้น อ้อ เอามาปรุงยาแล้วมอบให้นายท่านจงจากถนนตะวันตก ท่านเก็บเงินเขามาแค่ห้าตำลึง แต่โสมต้นนั้นราคาสองพันตำลึง”
มุมปากของฉินหลิวซีแข็งค้าง เอ่ยด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย “มีเรื่องที่ข้าทำให้เปล่าๆ ด้วยหรือ”
ฉีหวงหัวเราะเบาๆ รอยยิ้มนั้นบ่งบอกว่าไม่เพียงแต่นางจะทำเช่นนั้นเท่านั้น แต่ยังทำบ่อยเสียด้วย!
คุณหนูของนางบอกว่าเบื่อโลกและไม่แยแส แต่กลับมีจิตใจที่อ่อนโยนที่สุด นางจะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็จะไม่ช่วย แถมยังบอกคนผู้นั้นด้วยว่าให้รีบตายและไปเกิดใหม่ไวๆ แต่ถ้าเป็นคนที่ลำบากและจิตใจดี นางไม่เพียงแต่จะช่วยเท่านั้นแต่ยังช่วยโดยไม่คิดเงินด้วย
ดังนั้นแม้ว่าเมื่อก่อนพวกนางจะประหยัดเงินแค่ไหน ก็ไม่สามารถทนต่อการผลาญเงินของนางได้ เป็นเพราะนางใช้เงินง่ายจริงๆ
เมื่อรายจ่ายมากกว่ารายรับเช่นนี้ นางยังเกิดมาขี้เกียจอีก มีแต่ชักออกไม่มีหาเข้า ต่อให้มีทรัพย์สมบัติมากก็ถูกผลาญจนหมดได้อยู่ดี
ฉินหลิวซีลูบจมูกตนเองก่อนจะถาม “เช่นนั้นแล้วในบัญชียังมีเงินเหลืออีกเท่าไรหรือ”
ฉีหวงพลิกสมุดบัญชีดูทันที “ยังมีอีกหนึ่งพันตำลึงเจ้าค่ะ จริงสิ เฉินผีบอกว่าที่ตำหนักอายุวัฒนะมียาเข้ามาใหม่ ได้ยินมาว่ามีดอกเฟิงหลิงที่คุณหนูอยากได้มานานแล้วด้วยเจ้าค่ะ”
ดวงตาของฉินหลิวซีเป็นประกายขึ้นมาทันที
เมื่อฉีหวงเห็นดวงตาสดใสเป็นประกายของนาง จึงเอ่ยเรียกสติอย่างไร้ความปรานี “คุณหนู เราไม่มีเงินแล้วเจ้าค่ะ”
ฉินหลิวซีโบกมือ “รู้แล้วๆ พรุ่งนี้หลังจากพิธีสรงสาม[2]ของลูกแฝดอาสะใภ้สาม เราจะไปที่อารามกัน แล้วก็เจ้าให้เฉินผีไปบอกผู้ดูแลร้านที่ตำหนักอายุวัฒนะไว้ด้วยว่าให้เก็บดอกเฟิงหลิงไว้ข้าสักหน่อย”
ฉีหวงพยักหน้าและกำลังจะเอ่ยอะไรต่อ แต่กลับได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของสะใภ้หวังดังขึ้นข้างนอก
“ซีเอ๋อร์อยู่ข้างในหรือไม่”
[1]ผิงอาน มีความหมายว่า สงบสุขปลอดภัย
[2]พิธีสรงสาม พิธีกรรมดั้งเดิมของชาวจีนโบราณ จะมีการอาบน้ำเด็กทารกหลังจากคลอดสามวัน จุดประสงค์เพื่อชำระล้างสิ่งไม่ดีออกไป แล้วขอพรให้เด็กทารกโชคดีด้วย