คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 25 ไหนว่าหมอก็เหมือนพ่อแม่อย่างไรเล่า ตอนที่ 26 ใช่ปู้ฉิวหรือไม่
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 25 ไหนว่าหมอก็เหมือนพ่อแม่อย่างไรเล่า ตอนที่ 26 ใช่ปู้ฉิวหรือไม่
ตอนที่ 25 ไหนว่าหมอก็เหมือนพ่อแม่อย่างไรเล่า / ตอนที่ 26 ใช่ปู้ฉิวหรือไม่
ตอนที่ 25 ไหนว่าหมอก็เหมือนพ่อแม่อย่างไรเล่า
ค่าปรึกษาหนึ่งร้อยตำลึง!
อย่าว่าแต่หมอชราที่เตรียมจะเผ่นเลย แม้แต่ชาวบ้านที่มุงดูอยู่ยังตกใจจนอ้าปากค้าง นี่มันแพงเกินไปหรือไม่!
เด็กหนุ่มคนนี้แค่จับชีพจร ฝังเข็ม สั่งยาให้ ใช้เวลาทั้งหมดไม่ถึงชั่วเวลาจิบชาเสียด้วยซ้ำ แต่กลับเรียกร้องค่าปรึกษาถึงหนึ่งร้อยตำลึง
นี่มันเรียกเกินเหตุ ปล้นกันชัดๆ!
แม้แต่หมอในเมืองที่ค่าตัวแพงที่สุดจากเซิ่งหยวนถังก็ยังไม่แพงเท่านี้ แต่เด็กหนุ่มคนนี้กลับกล้าเรียกเงินขนาดนั้น
เฉียนหยวนไว่เองก็ถึงกับตื่นตระหนกไปเช่นกัน เขามีเงินมากมายก็จริงแต่ก็ได้มาจากการค้าขาย หาใช่ลอยมาตามลมไม่ หรือว่าเด็กหนุ่มคนนี้จงใจจะเรียกค่าตัวเกินเหตุเอากับเขาจริงๆ?
แต่คนที่เอ่ยเรื่องรางวัลอย่างงามก่อนก็เป็นเขา คนทำการค้าให้ความสำคัญกับความจริงใจที่สุด แม้เฉียนหยวนไว่จะรู้สึกว่าตนเองถูกโกง แต่ก็ไม่อยากจะเสียสัจจะเพราะแค่เงินหนึ่งร้อยตำลึงนี้เท่านั้น
นอกจากนี้เขาก็ยังมีคำถามอื่นที่ยังอยากจะถามอยู่อีก
เฉียนหยวนไว่หยิบตั๋วเงินสองใบออกมาจากถุงเงินที่เขาพกติดตัวมายื่นให้ฉินหลิวซี เอ่ย “คุณชายช่วยมารดาของข้าไว้ ค่าตอบแทนนี้ก็สมควรแล้ว เพียงแต่โบราณว่าไว้ทำการใดแล้วก็ควรทำให้แล้วเสร็จ ไม่ควรไปรบกวนคนอื่น หวังว่าคุณชายจะช่วยวินิจฉัยเรื่องการปรับสภาพร่ายกายของท่านแม่ให้ละเอียดด้วย”
ฉินหลิวซีรับตั๋วเงินมาโดยไม่มองและส่งให้กับเฉินผีที่อยู่ข้างๆ ทันที “เฉียนหยวนไว่ตรงไปตรงมาก็พูดกันง่าย แต่ท่านคงไม่ได้กังวลเพียงเรื่องสุขภาพของฮูหยินผู้เฒ่าเฉียนหรอกกระมัง”
เฉียนหยวนไว่ใจเต้นกระตุกขึ้นมาทันที นึกถึงคำที่อีกฝ่ายเอ่ยถามอย่างไม่ตั้งใจแล้วก็หันไปมองสีหน้ามารดาที่ดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จึงเม้มริมฝีปากก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางจริงจัง “ข้าไม่ขอปิดบัง ภรรยาของข้ากำลังตั้งครรภ์ แต่สุขภาพร่างกายของนางกลับไม่ค่อยดี หาหมอมาเดือนกว่าๆ ก็ยังไม่หาย จึงคิดจะมาทำบุญขอยันต์คุ้มครองให้ปลอดภัยที่อารามเต๋าแห่งนี้ แต่ก็มาเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน”
“พวกท่านมาถูกที่แล้ว บังเอิญมาพบข้าเข้าพอดี ฮูหยินของท่านนอนไม่ค่อยหลับใช่หรือไม่” ชีพจรของฮูหยินผู้เฒ่าบอกว่านางเป็นหม้ายตั้งแต่ยังสาว จะเจ็บป่วยโรครุมเร้าตอนบั้นปลาย สูญเสียลูกสะใภ้ หลานชายตัวน้อยอ่อนแอ ลำบากตั้งแต่ยังเล็ก หากนางแก้เคราะห์ครั้งนี้ได้ ดวงชะตาของทายาทก็จะเปลี่ยนไปด้วย
เฉียนหยวนไว่เบิกตากว้าง “คุณชายรู้ได้อย่างไร” เขาถามขึ้นอย่างกระวนกระวายโดยไม่รอคำตอบจากฉินหลิวซี “ไม่ทราบว่าคุณชายจะไปรักษาภรรยาข้าที่บ้านได้หรือไม่”
“เรื่องนั้นหรือ…” ฉินหลิวซีถูนิ้วโป้งเข้ากับนิ้วชี้
เฉียนหยวนไว่เป็นคนมีมารยาทมาก รีบเอ่ยทันที “หากคุณชายสามารถรักษาโรคของภรรยาข้าได้ อย่าว่าแต่ร้อยตำลึงเลย พันตำลึงข้าก็ยอมจ่ายสำหรับคำปรึกษา”
เขาอยากมีลูกมาตั้งนานหลายปีแล้วกว่าจะได้ลูกคนนี้มา จะปล่อยให้เกิดความผิดพลาดขึ้นไม่ได้ หนึ่งพันตำลึงยังน้อยไป หากพวกเขาปลอดภัยทั้งแม่และลูก ต่อให้ต้องสูญเสียทรัพย์สินทั้งหมดเขาก็ยอม
ฉินหลิวซียิ้ม “จวนของท่านอยู่ที่ใด”
เฉียนหยวนไว่รีบบอกสถานที่ตั้งจวนของเขาทันที
ฉินหลิวซีพยักหน้าจำไว้ “พรุ่งนี้ยามเฉินข้าจะไป”
เฉียนหยวนไว่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบโค้งคำนับอย่างเร็ว “ข้าจะรอต้อนรับท่านด้วยตัวเอง”
ฉินหลิวซีโบกมือ “ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ควรอยู่ข้างนอกนานๆ ดื่มยาแล้วก็รีบกลับเข้าเมืองไปเสียเถิด”
เฉียนหยวนไว่โค้งคำนับส่งอีกครั้ง
ฉินหลิวซีหมุนกายเดินกลับไปที่รถม้าท่ามกลางชาวบ้านที่กำลังชี้นิ้ววิพากษ์วิจารณ์
แต่ยังไม่ทันเดินไปถึงรถม้า จู่ๆ ก็มีคนผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาและล้มกระแทกตรงหน้านางอย่างแรงจนฝุ่นคลุ้งไปหมด นางคันจมูกแทบจาม
ชายคนนั้นเพิ่งจะยกมือขึ้น “หมอ ช่วยด้วย…”
ฉินหลิวซีก้าวข้ามมือของเขาโดยไม่หันไปมองแม้แต่น้อย
เล่นใหญ่ เสียเวลานางจริงๆ!
อิงหนาน “!”
ไหนว่าหมอก็เหมือนพ่อแม่ของคนไข้อย่างไรเล่า
เลือดเย็น!
“ไม่ทราบคุณชายใช่หมอนักพรตปู้ฉิวหรือไม่”
ขณะที่ฉินหลิวซีกำลังจะย่างเท้าขึ้นรถม้าก็ได้ยินคำถามลอยเข้าหู จึงหันไปมองและเห็นดวงตาลุ่มลึกคู่หนึ่ง
ตอนที่ 26 ใช่ปู้ฉิวหรือไม่
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านางอายุแค่ยี่สิบต้นๆ เครื่องหน้าเขาดูเคร่งขรึมและเย็นชา เขาสวมกวานทอง มีรูปร่างสูงเพรียวหลังตั้งตรงราวกับลำไผ่เขียว สวมชุดผ้าแพรดำปักดิ้นทอง รองเท้าผ้าสีเดียวกันปักลายเมฆมงคล แขนข้างหนึ่งไพล่หลัง รัศมีสูงส่งทรงอำนาจ
รูปลักษณ์ท่าทางล้วนโดดเด่น แต่เมื่อมองโหงวเฮ้งดีๆ แล้วกลับให้ความรู้สึกแปลกอยู่บ้าง มองไม่ออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ ทั้งรู้สึกสูงส่งและให้ความรู้สึกโชคร้ายด้วย มีความขัดแย้งบางอย่างที่ทำให้นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็น
อา ความสงสัยฆ่าคนตายได้ เพราะฉะนั้นนางจะสงสัยไม่ได้!
ฉินหลิวซีรีบกดข่มความอยากรู้อยากเห็นที่เพิ่มขึ้นกลับลงไปอย่างรวดเร็ว
ยามที่นางมองประเมินฉีเชียน อีกฝ่ายเองก็มองประเมินนางอย่างเงียบๆ เช่นกัน
เมื่อครู่นี้เขาได้เห็นขั้นตอนการวินิจฉัยและการรักษาหญิงชราของฉินหลิวซี รวมถึงเฝ้าสังเกตเด็กคนนี้อย่างระมัดระวัง รูปร่างของอีกฝ่ายผอม ยังอายุไม่ถึงวัยสวมหมวก มัดผมไว้ด้วยแถบผ้าแพรเส้นหนึ่ง ท่าทางสง่างามไม่ต่างจากในม้วนภาพ คิ้วยาว ดวงตาเรียวชี้ขึ้น อวัยวะทั้งห้าบนใบหน้าชัดเจนคมคาย ผิวขาวเนียนละเอียดแยกไม่ออกว่าเป็นบุรุษหรือสตรี
ครู่หนึ่งฉีเชียนรู้สึกว่าคนตรงหน้าเป็นสตรี แต่เมื่อเขาเห็นท่าทางไม่สนใจโลกของนางแล้วก็ตระหนักได้ในทันทีว่าท่าทางเย็นชาและเหยียดหยามเช่นนั้นดูไม่เหมือนสตรีเลยสักนิด อย่างไรก็ไม่มีความงดงามและความอ่อนโยนแบบสตรีเลย โดยเฉพาะกิริยาท่าทางยามเดิน ช่างห้าวหาญและเสรียิ่งนัก
เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่สนใจอิงหนานที่ล้มลงต่อหน้าเมื่อครู่นี้ ท่าทีราวกับข้าไม่สนว่าเจ้าจะตายหรือไม่ก็ยิ่งหยิ่งผยองถึงขีดสุด
ไม่น่าจะมีสตรีแบบนี้กระมัง
เย็นชาและไม่แยแสเพียงนั้น
“คุณชายท่านนี้คือหมอนักพรตปู้ฉิวหรือไม่” ฉีเชียนประสานมือทักทาย
“ไม่ใช่”
ฉินหลิวซีขึ้นรถม้าก่อนจะตบตัวรถสั่งให้หลี่เฉิงขับรถม้าขึ้นเขา
ทิศทางมุ่งหน้าไปยังอาราม
นัยน์ตาของฉีเชียนวาบแสงเบาๆ เขาไม่ได้หยุดอีกฝ่ายไว้ เพียงแต่มองอีกฝ่ายขึ้นเขาไป
“นายท่าน พวกเราไม่หยุดไว้หรือขอรับ” หั่วหลางไม่เข้าใจความคิดของนายท่านไปชั่วขณะ
อิงหนานลุกขึ้นพลางปัดฝุ่นออกจากตัว “นายท่าน พวกเราตามหาผิดคนแล้วกระมัง ท่านดูเขาสิ มีท่าทางใจดีมีเมตตาอย่างหมอที่ไหน”
ไม่ใช่ เขามีอยู่ ไม่อย่างนั้นคงไม่ก้าวข้ามไป แต่คงเหยียบมือทันที!
“ไม่ มันกลับตรงกับข่าวลือเรื่องนิสัยของเขาพอดี” ฉีเชียนหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง
นิสัยดื้อรั้น ทำตัวลึกลับ ยามลงมือไม่ธรรมดา และที่เขาถามไปเมื่อครู่ก็ได้คำตอบกลับมาอย่างตรงไปตรงมามาก แต่กลับไม่ถามว่าใครคือปู้ฉิวเลย ไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย
หากตัวเขาเองเป็นนักพรตคนนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องสงสัย แค่ปฏิเสธเท่านั้น
“เช่นนั้นแล้วเราจะรออะไรหรือขอรับนายท่าน ไม่ตามไปหรือ”
ฉีเชียนเอ่ย “เราไม่รีบร้อน กลับไปที่อารามก่อน ทิ้งหั่วหลางไว้จับตาดูความเคลื่อนไหวของตระกูลเฉียน และดูว่าหญิงชราผู้นั้นเป็นอย่างไรบ้าง”
แม้ว่าเขาจะมาที่นี่เพื่อขอให้หมอไปรักษา แต่ในเมื่อได้พบกันโดยบังเอิญก็ถือโอกาสดูเสียเลยว่าทักษะทางการแพทย์ของอีกฝ่ายนั้นสูงสมกับคำเล่าลือหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้เห็นการสนทนาระหว่างอีกฝ่ายกับเฉียนหยวนไว่ เขาก็ยิ่งสงสัยใคร่รู้ยิ่งขึ้น
จู่ๆ หั่วหลางก็เข้าใจ คนผู้นั้นตอบรับคำเชิญของเฉียนหยวนไว่ และจะไปตรวจอาการที่บ้านตระกูลเฉียนพรุ่งนี้ พวกเขายังสามารถจะดักเจอได้และยังมีโอกาสดูด้วยว่าหญิงชราฟื้นตัวเป็นอย่างไรบ้าง
ถึงอย่างไรก็เป็นการรักษาพระสนมผู้เฒ่า จะประเมทเลินเล่อมิได้
“ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้ขอรับ”
ส่วนทางด้านของฉินหลิวซี เฉินผีก็กำลังถามนายท่านของเขาเช่นกัน “คนพวกนี้มาหาหมอไปรักษาคนกระมัง ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่พวกที่ทำให้ขุ่นเคืองได้เลย”
“สถานะไม่ธรรมดา กระดูกหน้าผากตั้งตรง รูม่านตาสองชั้น มีลักษณะของจักรพรรดิ ชายผู้นี้อาจเป็นขุนนางสูงศักดิ์ องค์ชาย หรือพระราชนัดดาก็ได้” ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างเกียจคร้าน
เฉินผีพูดไม่ออก “แล้วท่านก็ยังปฏิเสธเขา?”
“ปฏิเสธอะไร เดี๋ยวก็ได้พบกันอีก” ฉินหลิวซีแตะนิ้วทำนาย “ไม่แน่พวกเราอาจจะได้เดินทางทำงานต่างเมืองในอีกไม่กี่วันก็ได้”
เฮ้อ น่ารำคาญจริงๆ วิ่งไปวิ่งมาก็เหนื่อยเหมือนกันนะ
แต่หากเขาเป็นองค์ชายขึ้นมาจริงๆ นางทำงานหน่อยก็ได้ ใครใช้ให้นางต้องเลี้ยงคนทั้งตระกูลที่อยู่ข้างหลังด้วยเล่า อีกอย่างคนสำคัญพวกนั้นก็ยังลำบากลำบนระหว่างทางไปซีเป่ยอยู่เลย