คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 260 เจ้าเด็กกำเริบเสินสาน
ตอนที่ 260 เจ้าเด็กกำเริบเสินสาน
คนตระกูลเกาไม่คิดว่าเรื่องราวจะกลายมาเป็นเช่นนี้ พวกเขาวางแผนว่าหากอีกฝ่ายไม่ยอมให้นำตัวคนกลับจะโวยวายสักตั้ง อย่างไรก็เป็นคนในครอบครัวตนเอง ไหนเลยอีกฝ่ายจะไม่มีเหตุผลให้รับกลับ
แต่ไม่คิดว่ายานั้นต้องหาเงินมาแลก นี่ไม่ใช่ให้ไปแล้วหรือ
“เอ่อ ไม่ใช่ให้ไปแล้วหรือ” แม่สามีเกาชี้ไปยังใบหน้าของหลานสาว
ฉินหลิวซีเอ่ย “ยาที่ทานี้ ข้าแบ่งครึ่งขาย ไม่อาจเรียกว่าให้ได้ อ้อ เมื่อครู่เจ้าจ่ายเงินมาเท่าใด”
วาจาข้างหลัง เอ่ยกับสะใภ้เกา
สะใภ้เกาใบหน้าร้อน เอ่ย “ยี่สิบเก้าอีแปะเจ้าค่ะ”
ครึ่งตำลึงยังไม่ถึง ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเงินทาหน้าหนึ่งครั้งพันตำลึงนั้นแล้ว
รู้ว่าเป็นเช่นนี้ แม่สามีเกาก็ปวดใจไม่น้อย ด่าโดยไม่คิดแม้เพียงนิด “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ยี่สิบเก้าเหวินเจ้าคิดอยากใช้ก็ใช้…”
วาจาเอ่ยออกไปแล้วก่อนนางจะรู้สึกตัวว่าไม่ถูก นางหันกลับมาหาเหล่าฉินหลิวซี เห็นว่าพวกเขาคล้ายจะยิ้มทว่าไม่ยิ้ม ใบหน้าพลันเห่อร้อน
นางเองก็หน้าหนา ยิ้มประจบ เอ่ย “ได้ยินว่าท่านเดินทางผ่านมาเห็นหลานสาวข้าบาดเจ็บจึงช่วยรักษา ท่านผู้สูงศักดิ์ท่านช่วยแล้วก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด เอายาให้พวกเราเถิด พระโพธิสัตว์จะคุ้มครองท่าน”
ผู้จัดการเยี่ยโกรธจนหัวเราะออกมา “ยาราคากว่าหมื่นตำลึงบอกให้เอาให้ท่าน ท่านนี่นะ ยอมขายหน้าจนกล้าเอ่ยออกมาเช่นนี้เลยหรือ”
“เช่นนั้นไยเขาต้องช่วยรักษาหลานของข้าเล่า ยุ่งไม่เข้าเรื่องจริงๆ” แม่สามีเกาบ่นพึมพำ “พวกเราก็ไม่มีเงินนี่ นี่ไม่ใช่การช่วยครึ่งไม่ช่วยครึ่ง ช่วยคนอาบน้ำแต่ไม่เช็ดผมหรือ”
ซือเหลิ่งเย่ว์เย็นยะเยือกอยู่ในใจ เอ่ย “คนไยจึงหน้าด้านได้เพียงนี้”
ไม่รู้จักขอบคุณก็ช่างเถิด ยังเอ่ยต่อผู้มีพระคุณว่ายุ่งเรื่องชาวบ้านอย่างนั้นหรือ
ฉินหลิวซียืนเอามือไพล่หลัง ใบหน้าไร้ความรู้สึก ราวกับไม่ได้รับผลกระทบจากคนหน้าด้านนี้
“หากนางอยู่ที่นี่ก็จะรักษานาง ในเมื่อพวกเจ้าจะรับกลับ เช่นนั้นนางจะเป็นหรือจะตาย ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับร้านยาตำหนักอายุวัฒนะและข้า” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเย็น
“แต่ว่า…”
ฉินหลิวซีมองไปยังแม่สามีเกาผู้นั้น เอ่ย “ท่านป้า ข้าเห็นว่าหน้าผากท่านดำ ช่วงนี้ดูจะมีเคราะห์ร้ายเลือดตกยางออก หากระวังก็จะไม่เจอ กลับกันกลายเป็นภัย อีกทั้งหัวคิ้วของท่านเล็กแหลมบาง ปากมีลม มีความโลภ ทั้งยังเจ้าคิดเจ้าแค้น ระวังจะไร้ความสุขยามแก่เฒ่า ยากจนไปชั่วชีวิต”
“เจ้า เจ้าเอ่ยอะไร…”
“อยากได้ยาไปด้วย ไม่ใช่เพราะตระกูลถูให้บางสิ่งกับพวกเจ้าหรือ” ฉินหลิวซีก้าวขึ้นมาด้านหน้า บรรยากาศกดดันไปทั่ว ดวงตาคมร้ายกาจ “ทำไมหรือ คิดว่าข้าผู้นี้เป็นคนดี จะโง่ให้พวกเจ้าเอายาไป ให้พวกเจ้าไปขายต่อได้เงินหรือ”
เมื่อนางเอ่ยปาก แม่สามีผู้นั้นก็ตัวหดเกร็ง ใบหน้าซีดขาวร่างกายสั่นเทา
นี่ คุณชายผู้นี้เป็นคนโหดเหี้ยมคนหนึ่ง
สมองของแม่สามีเกาคิดขึ้นมาเช่นนั้น
ฉินหลิวซีมองพวกเขา น้ำเสียงกดต่ำทว่ากลับมีพลัง “กลับไปบอกคนตระกูลถู ยานี้ ไม่ว่าพวกเขาจะจ่ายเงินมากเพียงใด ก็ไม่อาจได้ครอบครอง อย่าได้เสียเวลาอีกเลย”
นางหันหน้ามามองสะใภ้เกา เอ่ย “ยังเป็นคำเดิม เด็กพักอยู่ที่นี่ ข้ารักษานางได้ อย่างอื่น ไม่ได้”
สะใภ้เกาพยักหน้า คุกเข่าโขกศีรษะให้กับนาง เอ่ย “คุณชาย ข้าเข้าใจ ข้าไม่โทษท่าน ท่านมีเมตตายิ่งแล้ว พวกเราแม่ลูกจะจดจำเอาไว้เจ้าค่ะ”
ฉินหลิวซีเอ่ยกับผู้จัดการเยี่ย “ให้พวกเขาไป”
ผู้จัดการเยี่ยเรียกผู้ช่วยสองคน เริ่มไล่คนออกไป
แม่สามีเกาเห็นว่าคนร้านยาตำหนักอายุวัฒนะนั้นก้าวเข้ามาจึงไม่กล้าดึงดัน เพียงใบหน้ามีแววไม่พอใจ ปากบ่นด่าไม่หยุด
ซือเหลิ่งเย่ว์ตามฉินหลิวซีกลับมายังห้องโถงด้านหลัง เอ่ยถาม “ท่านจะไม่สนใจแล้วจริงหรือเจ้าคะ ให้พวกเขาเอาเด็กไปอย่างนั้นหรือ”
“เจ้าก็บอกแล้ว ข้ากับร้านยาตำหนักอายุวัฒนะไม่มีเหตุผลที่จะรั้งเด็กเอาไว้” ฉินหลิวซีเอ่ย “วางใจเถิด ในเมื่อข้ารับปากแล้ว ทำได้อย่างแน่นอน เยี่ยนเอ๋อร์ไม่อยู่ ข้าก็มีวิธีเปลี่ยนยาให้นาง”
ซือเหลิ่งเย่ว์นึกถึงฝีมือและความสามารถของนางจึงใจเย็นลง
ฉินหลิวซีกลับชายตามองนาง “ดูเจ้าที่เหมือนหญิงงามผู้แสนเย็นชา ไม่คิดว่าจะใจร้อนเพียงนี้”
ซือเหลิ่งเย่ว์ชะงักกลับมามีสีหน้าเรียบนิ่ง เอ่ย “ห้าสิบปีก่อนตระกูลซือเสียบุรุษคนสุดท้ายของตระกูลไป จากนั้นผู้ที่มีชีวิตเหลืออยู่ล้วนเป็นสตรี จึงต้องให้สตรีครองเรือน รับลูกเขยเข้ามา สืบทอดกันมา จนมาถึงข้าก็เช่นกัน แน่นอนว่าทนเห็นสตรีได้รับความทุกข์ไม่ได้”
ฉินหลิวซีเห็นว่าน้ำเสียงของนางแฝงไปด้วยความจนปัญญา จึงไม่เอ่ยเรื่องนี้แล้ว “เด็กถูกพวกเขาพาตัวไปแล้วก็ดี แม้จะเจอกันได้ยาก แต่ที่นี่ไอแห่งความตายมีมากไปสักหน่อย”
“กลัวก็กลัวว่านายหญิงถูสามจะโกรธจนพาลไปลงกับพวกนาง ทำให้พวกนางยิ่งลำบากไปอีก” ซือเหลิ่งเย่ว์เอ่ยเสียงเย็น
ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว เอ่ย “รอดูปฏิกิริยาของนายหญิงถูสาม”
“ได้ กลับบ้านเจ้ากันเถิด คิดว่าเจ้าอาวาสและบิดาของเจ้าคงรอจนร้อนใจแล้ว” ฉินหลิวซีลุกขึ้นมา
นายหญิงถูสามมีปฏิกิริยาเยี่ยงไรน่ะหรือ เมื่อยามได้รับรายงานจากผู้ดูแล นางก็ขว้างชุดน้ำชาลายครามงดงามทิ้งด้วยความโกรธในทันใด ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มบิดเบี้ยว
“ไอ้เด็กกำเริบเสิบสาน” นางตบโต๊ะด่าสบถเสียงดัง โนเวลพีดีเอฟ
ผู้ดูแลวัยกลางคนเอ่ย “นายหญิงสาม สตรีแซ่เกาผู้นั้นยังคุกเข่าอยู่ข้างนอกอยู่เลยขอรับ บอกว่าหากมีเงิน คนผู้นั้นจะเอายาให้พวกเขา”
นายหญิงถูสามหัวเราะด้วยความโกรธ “ชาวบ้านโง่เขลาช่างโง่เขลาเสียจริง เจ้าเด็กบ้านั้นรู้แล้วว่าข้าส่งคนไป ไหนเลยจะยกยาให้ง่ายเพียงนั้น นางกินดินจนโง่ไปแล้วหรือไม่ ยังไม่เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายอีก คือปรุงยาเสร็จแล้วค่อยไป อะไรที่เรียกว่าปรุงเรียบร้อย ก็คือที่เป็นแป้งข้นๆ นั่นอย่างไรเล่า สิ่งที่ข้าต้องการคืออวี้เสวี่ยจี ข้าจะเอาแป้งข้นนั่นมากินหรือ ยังต้องจ่ายครั้งละหนึ่งพันตำลึง คิดว่าเงินข้าพัดมากับลมหรืออย่างไร”
นายหญิงถูสามเห็นมากับตาตนเองว่าฉินหลิวซีผสมยาทาใบหน้าของเด็กต่ำช้านั่นอย่างไร ในเมื่อฉินหลิวซีรู้ว่าคนที่นางส่งไปเป็นคนตระกูลเกา แน่นอนรู้ว่าตนกำลังหาทางเพื่อให้ได้อวี้เสวี่ยจีนั้นมา
ฉินหลิวซีไม่ใช่คนโง่ จะเอายาให้ง่ายๆ เยี่ยงนี้ได้เช่นไร
“ให้นางไสหัวไป ชาวบ้านโง่เขลาก็คือโง่เขลา ความสามารถแม้เพียงนิดก็ยังไม่มี” นายหญิงถูสามโกรธไม่ไหว
ตระกูลเกาไม่เพียงเอายากลับมาไม่ได้ ยังถูกฉินหลิวซีอาศัยพวกเขาทำนางขายหน้าไปด้วย
น่าหงุดหงิดจริงๆ
นายหญิงถูสามยิ่งคิดยิ่งโกรธ เอ่ยเสียงดัง “สั่งสอนพวกนางให้ข้า มิเช่นนั้นความโกรธนี้ของข้าคงยากจะกลืน”
“ขอรับ”
ผู้ดูแลวัยกลางคนรีบไปจัดการ
ไม่นานครอบครัวตระกูลเกาก็ถูกทุบตี หญิงชราเกาถูกฝ่ามือฟาดไปสองครั้งหนักๆ ฟันหักไปสองซี่ ใบหน้าของแม่สามีเกาบวมแดง ทั้งร้องไห้ทั้งกรีดร้อง ด่าทอว่าสะใภ้เกาสองแม่ลูกเป็นตัวกาลกิณี ให้บุตรชายหย่ากับภรรยาเสีย
สะใภ้เกากอดบุตรสาวเอาไว้ ไม่สนใจกำปั้นที่ทุบลงมา เพียงปกป้องลูกในอ้อมแขนเอาไว้ให้ดีที่สุด หัวใจนั้นตายด้านไปแล้ว
นางไม่เข้าใจ ความลำบากของสตรี ได้รับก็ได้รับแล้ว ได้รับความช่วยเหลือจากผู้สูงศักดิ์ก็นับว่าโชคดี ความลำบากนี้ไยจึงถูกคนในครอบครัวเพิ่มมันขึ้นมาอีกเล่า สวรรค์ไยจึงไม่เปิดตา เลือกทรมานคนที่มีชีวิตอาภัพอย่างนั้นหรือ
อีกด้าน ฉินหลิวซีและซือเหลิ่งเย่ว์พบว่าถูกคนของนายหญิงถูสามตามติด สีหน้าเย็นยะเยือกขึ้น
“ข้าจะไม่ทำให้เขาตกใจตาย” ซือเหลิ่งเย่ว์ลอยไป ปิดตาขององครักษ์ผู้นั้นไว้
องครักษ์ขยี้ดวงตา คนเล่า
ลมหยินลอยผ่านข้างหูมา เขาร้องตกใจเสียงดัง กระโดดหนีออกไปจากตรอกน่ากลัวโดยไว