คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 265 ความโกรธของใต้เท้ารุนแรงยิ่งนัก
ตอนที่ 265 ความโกรธของใต้เท้ารุนแรงยิ่งนัก
ฉินหลิวซีหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทำให้นายหญิงถูสามกลับเรือนไปปาชุดน้ำชาแสนแพงอีกครั้ง ตามหาคนไม่เจอ เช่นนั้นอวี้เสวี่ยจีนั่นก็คงจมลึกลงไปในมหาสมุทรแล้วจริงๆ การกระทำของร้านยาตำหนักอายุวัฒนะนั้นกำแหงเสียยิ่งกว่านางอีก ไม่เห็นแก่ฐานะของนางแล้วนำอวี้เสวี่ยจีออกมาขาย
เมื่อหาคนไม่เจอ นายหญิงถูสามโกรธไม่มีที่ระบาย ทำได้เพียงส่งคนไปทรมานคนตระกูลเกาเพื่อระบายความโกรธ ต้องการบีบบังคับให้ฉินหลิวซีปรากฏตัว นางจึงทรมานเด็กคนนั้น ให้คนในปกครองไปตักเตือนชี้นำแม่สามีเกาผู้นั้นเล็กๆ น้อยๆ สตรีผู้นั้นยิ่งโกรธมากขึ้น ทำได้เพียงไปดึงทึ้งแผลของหลานสาว กล่าวโทษสองแม่ลูกที่สร้างปัญหาให้กับครอบครัว
สะใภ้เกาโกรธไม่น้อยเผลอผลักแม่สามี แต่สุดท้ายกลับถูกทั้งเตะทั้งต่อยกลับมา นางรู้สึกสิ้นหวัง
เดิมทีคิดว่าจะต้องอยู่กับวันเวลาเช่นนี้ไปอีกสักระยะ แต่ไม่คิดว่าวันต่อมาทั่วเมืองชิงโจวก็มีข่าวลือ คุณชายเก้าตระกูลถูควบม้าทะยานออกไปจนทำให้เด็กหญิงบาดเจ็บ มีคนจิตใจดีช่วยเหลือเด็กเอาไว้ ใช้ยาอวี้เสวี่ยจีที่มีชื่อเสียงในการรักษา สุดท้ายนายหญิงถูสามมาแย่งชิงยา เพื่อนำไปมอบเป็นของขวัญวันเกิดให้กับกุ้ยเฟย เพราะแย่งชิงมาไม่ได้ความอายกลายเป็นความโกรธ อีกทั้งเพื่อตามหาอีกฝ่ายยังไปทำลายตระกูลเกา ใช้อำนาจบาตรใหญ่
ข่าวลือนี้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ตระกูลถูในเมืองชิงโจวก็ไม่ได้กุมฟ้าไว้เพียงมือเดียวได้ คนยิ่งใหญ่ที่มีอำนาจยิ่งกว่า รวมถึงศัตรูที่แน่นอนว่ามีอยู่ ต่างไม่ชอบพอต่อการกระทำของตระกูลถูมานาน เพื่อโจมตีเหมิงกุ้ยเฟยที่อยู่ในวังและจวนอันเฉิงโหว จึงรีบให้คนถวายฎีการายงานว่าตระกูลถูไม่เข้มงวดในการสั่งสอนลูกหลาน เหมิงซื่อใช้อำนาจบาตรใหญ่
เมื่อนายหญิงถูสามได้ยินข่าวนี้ จะไปสืบหาที่มาก็หาไม่เจอแล้ว และไม่นานนางก็ได้รับจดหมายตำหนิจากบ้านมารดา บอกว่าเพราะการกระทำของนางทำให้พระนางที่อยู่ในวังต้องลำบากโดนฝ่าบาทตำหนิไปด้วย เรื่องนี้ไว้ต้องคุยกันทีหลัง
ฉินหลิวซีเองใช่ว่าจะไม่ได้ยินข่าวนี้ นางถึงขั้นไม่ต้องไปสืบ ก็รู้ว่าผู้ใดเป็นผู้อยู่เบื้องหลังปล่อยข่าวลือในครั้งนี้
หวังเจิ้ง
น่าสนใจจริงๆ น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ นี้นางรับเอาไว้แล้ว
ผีน้อยนำข่าวที่ตนรู้แอบมากระซิบฉินหลิวซี ทั้งยังเอ่ยหยั่งเชิง “ไม่ชอบนายหญิงถูสามผู้นั้นตั้งนานแล้ว ใต้เท้า จะให้ผู้น้อยไปหลอกนางสักหน่อยหรือไม่ขอรับ”
นี่กำลังประจบฉินหลิวซีอยู่นะ
ฉินหลิวซีปรายตามองเขา เอ่ย “หากทำร้ายคน เป็นเจ้าเองที่สูญเสียบุญกุศล ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ รักษาบุญกุศลเอาไว้ เก็บสะสมคุณงามความดีของตน ต่อไปเมื่อไปเกิดจะได้ไปเกิดในครอบครัวที่ดี”
ผีน้อยรู้สึกซาบซึ้ง เอ่ย “ใต้เท้ามีเมตตา ข้าเพียงไม่ชอบใจ ไยคนดีๆ ต้องมาทุกข์ลำบาก คนชั่วนั่นกลับสูงศักดิ์มีความร่ำรวยหรูหราโอบล้อม เพียงออกคำสั่ง ก็ทำให้คนต้องตกลงไปในน้ำในไฟ”
“อย่างคำกล่าวที่ว่า สะสมคุณงามความดี อนาคตเมื่ออยู่ต่อหน้าพญายม แน่นอนมีการตัดสินโทษเป็นรายคนไป” ฉินหลิวซีมองใบหน้าคาดหวังของเขา เอ่ย “หลอกเบาๆ อย่าได้ทำร้ายนาง”
ดวงตาผีน้อยวาววับ “ผู้น้อยรู้ว่าควรทำอย่างไรขอรับ” เขาชี้ไปยังเรือนเตี้ยหลังเล็ก เอ่ย “ใต้เท้า นี่คือตระกูลเกานั่น ตอนนี้สองแม่ลูกตระกูลเกาถูกขับไล่ไปอยู่โรงเก็บฟืน แม่สามีผู้นั้นก็ใจร้ายเกินไปแล้ว เกาเสี่ยวเฉวียนผู้นั้นก็ไม่เหมาะที่จะเป็นบิดาและสามี”
ดวงตาของฉินหลิวซีหรี่ลงไปกว่าครึ่ง “ก็ใช่น่ะสิ เขาไม่เหมาะ”
ดวงตาของผีน้อยกลอกไปมา รู้สึกว่าตนเองได้รับความหมายบางอย่าง
กลางดึกที่สรรพสิ่งเงียบสงัด
ฉินหลิวซีย่องเบาเข้าไปในบ้านตระกูลเกา ตวัดนิ้วมือดีดออกไป คนตระกูลเกาก็หลับลึกขึ้นไปอีก
นางตรงดิ่งไปยังโรงเก็บฟืน สะใภ้เกากำลังกอดบุตรสาวเอนหลังพิงกองฟืน ใบหน้ามีรอยบวมช้ำ บนร่างกายมีเพียงเสื้อขาดเก่าๆ
แววตาฉินหลิวซีมีความโกรธปรากฏขึ้น ไม่นานก็กลับมาสงบ
ผีน้อยเฝ้าอยู่หน้าประตู เกือบสาวเท้าวิ่งหนีเพราะสัมผัสได้ถึงรังสีความโกรธของฉินหลิวซี ย่อตัวแข็งทื่ออยู่หน้าประตู
ความโกรธของใต้เท้ารุนแรงยิ่งนัก
ฉินหลิวซีมาบ้านตระกูลเกา เพราะต้องมาเปลี่ยนยาให้เยี่ยนเอ๋อร์ เห็นใบหน้าเล็กของนาง มีรอยเล็บหลายรอย ยาที่แปะเอาไว้บิดเบี้ยว คล้ายเพิ่งถูกติดเข้าไปใหม่ รู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างไม่อาจเลี่ยงได้
ผีน้อยขยับถอยออกมาด้านนอกอีกเล็กน้อย หนาวมาก
ฉินหลิวซีเช็ดทำความสะอาดบาดแผลบนใบหน้าของเยี่ยนเอ๋อร์เสร็จ นำยาที่นำมาด้วยแปะลงไปพันแผลใหม่ให้ดี
เยี่ยนเอ๋อร์ลืมตาสะลึมสะลือ มองเห็นนาง “พี่ชาย”
“ชู่” ฉินหลิวซีลูบศีรษะนาง เอ่ย “เด็กดี เดี๋ยวก็หายแล้ว”
“เยี่ยนเอ๋อร์เป็นเด็กดี”
ฉินหลิวซียิ้มออกมา เคาะใบหน้านางเบาๆ เด็กน้อยหลับไปอีกครั้ง มุมปากยิ้มหวาน
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น นางจึงเดินออกมาจากโรงเก็บฟื้น
“ใต้เท้า เสร็จแล้วหรือขอรับ” ผีน้อยลุกขึ้นยืน
“อืม” ฉินหลิวซีเอ่ยถามเขา “เจ้ามีนามว่าอย่างไร”
ผีน้อยรีบเอ่ยตอบ “ข้าน้อยมีนามว่าโจวเอ้อร์โก่วขอรับ ตายมาสิบกว่าปีแล้ว”
“เฝ้าเด็กคนนี้เอาไว้ อย่าให้คนตระกูลเกาแตะต้องใบหน้าของนาง ทำได้หรือไม่” ฉินหลิวซีเอ่ย โนเวลพีดีเอฟ
โจวเอ้อร์โก่วพยักหน้าถี่ๆ ราวกับไก่จิกข้าวสาร “คำสั่งของใต้เท้า ผู้น้อยจะปฏิบัติตามอย่างจริงใจ ทำได้ดีแน่นอนขอรับ”
ฉินหลิวซีเอ่ย “อย่าเข้าใกล้นางมากเกินไป เด็กอายุน้อยยังอ่อนแอ พลังหยินของเจ้าอาจส่งผลต่อนางเอาไว้ เช่นนั้นจะยิ่งอันตราย”
“ท่านวางใจขอรับ”
“เช่นนั้นเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าต้องไปแล้ว”
โจวเอ้อร์โก่วคารวะนางอย่างนอบน้อม ตนเองลอยไปนั่งบนกำแพงบ้านตระกูลเกา ที่นี่สามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวในบ้านได้ ทั้งยังไม่เข้าไปใกล้จนเกินไป
เขาเฝ้ารอได้ไม่นาน ก็ได้รับการเซ่นไหว้ที่ฉินหลิวซีเซ่นไหว้มาให้ เป็นเงินหยวนเป่าอย่างดีหลายก้อน ทั้งยังมีเทียนหอม กระทั่งเหล้าหนึ่งกา ไก่หนึ่งตัว
โอ้ เขาเพียงอยากเสนอหน้าต่อหน้าฉินหลิวซี ไม่คิดว่าจะดีเพียงนี้
โจวเอ้อร์โก่วชอบจนไม่รู้จะชอบอย่างไรแล้ว วันต่อมาเห็นแม่สามีเกาจะรังแกสองแม่ลูกนั่นอีก จึงลอยเข้าไป ทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ไม่ปิดตาก็เป่าลม หรือไม่ก็ส่งเสียงหัวเราะ ทั้งยังส่งของดีไปตรงหน้าแม่สามีเกา จนแม่สามีเการ้องตะโกนว่ามีผี
เป็นเช่นนี้มาสองวัน ทุกครั้งที่แม่สามีเกาจะทรมานหลานสาว ก็จะ ‘เจอผี’ ในที่สุดก็ทนไม่ไหว เชิญแม่เฒ่าที่ทำตัวบ้าๆ บอๆ มารำทวยเทพ ได้ยินแม่เฒ่าบอกว่าลูกสะใภ้ของนางคือเทพแห่งโรคระบาดจึงเอาชนะตัวนางได้ โชคดีที่ตระกูลถูนำเงินมามอบให้เพื่อกอบกู้ชื่อเสียง นางจึงมีเงินอยู่บ้าง แม่สามีเการ้องห่มร้องไห้จะให้เกาเสี่ยวเฉวียนเขียนใบหย่า
สะใภ้เกาจูงมือบุตรสาว นำเพียงห่อผ้าเล็กๆ ติดตัวออกจากบ้านตระกูลเกาไป เพิ่งออกมาจากบริเวณบ้านตระกูลเกาก็ถูกรถม้าคันหนึ่งรับตัวไปแล้ว
สะใภ้เกามองสตรีงดงามดุจเทพเซียนตรงหน้า ไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน
“คุณชายน้อยผู้นั้นให้ท่านมารับพวกเราจริงหรือเจ้าคะ”
ซือเหลิ่งเย่ว์พยักหน้า “ผู้นั้นคือนักพรตเต๋าแห่งอารามชิงผิงเมืองหลี เป็นคนมีเมตตา ข้าคือหัวหน้าตระกูลซือ โรงปักเย็บหรงซิ่วในเมืองชิงโจวเป็นกิจการตระกูลซือของข้า ตอนนี้ข้ามีความคิดอยากเปิดสาขาที่เมืองหลีสักร้าน เจ้าจะยินดีไปช่วยดูแลร้านให้ข้าได้หรือไม่” นางมองไปยังเยี่ยนเอ๋อร์ เผยรอยยิ้มออกมา “เจ้าพาลูกสาวของเจ้าไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้”
พวกนางคงกลายเป็นผู้ศรัทธาของฉินหลิวซีกระมัง
สะใภ้เกากุมมือบุตรสาวเอาไว้ น้ำตาไหลออกมา
พวกเราสองแม่ลูกศรัทธาต่อท่านอาจารย์ปู้ฉิว