คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 284 หากพูดถึงความร้ายกาจ นับว่านายท่านร้ายกาจที่สุด
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 284 หากพูดถึงความร้ายกาจ นับว่านายท่านร้ายกาจที่สุด
ตอนที่ 284 หากพูดถึงความร้ายกาจ นับว่านายท่านร้ายกาจที่สุด
เมื่อสะใภ้หวังเอ่ยปากขอยันต์แคล้วคลาด ฉินหลิวซีย่อมไม่ปฏิเสธ วาดยันต์ด้วยตัวเองสองสามแผ่นแล้ววางซ้อนกันไว้เป็นระเบียบ ซ้ำยังร่ายคาถากันน้ำเป็นพิเศษ เมื่อเจอน้ำยันต์ก็จะไม่ละลายหายไป สามารถรักษาความศักดิ์สิทธิ์ไว้ได้
ยันต์หลายแผ่นวางเรียงอยู่ตรงหน้า ฉินหลิวซีนั่งเหม่อลอย จนกระทั่งฉีหวงเดินเข้ามา ถามว่า “ท่านกำลังเหม่ออะไรอยู่หรือเจ้าคะ”
ฉินหลิวซีชี้ไปที่ยันต์ “เจ้าว่าทำไม่ข้าถึงได้ทำเป็นไปซะทุกอย่าง”
ฉีหวง “?”
“สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนว่าข้าเรียนรู้เพียงแค่คราวเดียวก็ทำเป็นแล้ว เจ้าว่าข้าฉลาดเช่นนี้ หรือว่าจะเป็นเทพเซียนจุติลงมาเกิด” ฉินหลิวซีเอ่ยพลางขยิบตา
น้ำเสียงอย่าได้หยิ่งผยองและภาคภูมิใจมากเกินไป หากอยู่ข้างนอกจะต้องเป็นผู้ที่ถูกตีอย่างแน่นอน
หางตาฉีหวงกระตุกเล็กน้อย เอ่ย “ท่านเป็นเทพเซียนลงมาเกิดหรือไม่ บ่าวไม่รู้ แม้ว่าจะเป็นเทพเซียน แต่ตอนนี้ท่านอยู่ในโลกมนุษย์ เป็นคนธรรมดา ดังนั้นท่านยังต้องจัดการกับเรื่องในโลกมนุษย์ บ่าวคำนวณมาแล้ว เงินแปดร้อยตำลึงที่นายหญิงให้ เกรงว่าจะไม่พอไปปรับปรุงร้านเจ้าค่ะ”
ฉินหลิวซีสีหน้าตกใจ “อะไรนะ ไม่พอหรือ กิจการจับผีไล่วิญญาณชั่วร้ายนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ต้นทุน ทั้งหมดล้วนเป็นความสามารถของข้า แม้ว่าข้าจะรักษาคนป่วย ก็เพียงแค่เขียนใบสั่งยาแล้วให้พวกเขาไปรับยาที่ตำหนักอายุวัฒนะเอง เงินจำนวนเท่านี้ยังไม่พออีกหรือ”
ร้านโลงศพของตาเฒ่ากวนก่อนหน้านี้ ต่อให้นำวัสดุเก่าๆ ทั้งหมดแกะไปขายด้วย รวมกับแปดร้อยตำลึงก็ยังไม่พอเลยกระมัง
“บ่าวจะบอกให้ว่าการรักษาโรค ไม่ต้องพูดถึงผู้ที่ต้องสั่งยาที่ต้มกินระยะยาว เพียงแค่สำหรับกรณีฉุกเฉิน ท่านจะไม่เตรียมวัตถุดิบยาสามัญทั่วไปไว้สักหน่อยหรือ ร้านค้าในตรอกโซ่วสี่นั้น อยู่ห่างจากตำหนักอายุวัฒนะไม่น้อย หากต้องต้มยากินเลยในทันที เช่นนั้นก็จะยิ่งลำบาก ข้าคิดว่าอย่างไรเสียก็ต้องจัดเตรียมยาสามัญทั่วไปไว้บ้าง อย่างเช่นหากมีคนมารักษาอาการบาดเจ็บ อาจต้องใช้ยาแก้ปวด ยาชา ไหมและเข็มเย็บ สิ่งเหล่านั้นก็ต้องจัดเตรียมไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
ฉีหวงคิดคำนวณด้วยลูกคิดอย่างละเอียด เนื่องจากต้องรักษาโรค ยาจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะในกรณีฉุกเฉิน
“จำนวนนี้เป็นเงินที่ใช้สำหรับการรักษา นอกจากนี้การปัดเป่าวิญญาณชั่วร้ายและจับผี ท่านก็ต้องจัดเตรียมกระดาษเหลือง ผงชาด และพู่กันด้วยใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“ต่อให้ไม่ใช้ยันต์ ข้าก็ตีมันจนน่วมได้!” ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างห้าวหาญ
ผีสองตัวบนกำแพงที่อยู่ไม่ไกลเงี่ยหูฟังเสียงลอยมาตามลม เมื่อได้ยินดังนั้น ผีหนุ่มตนนั้นส่ายหัวพลางเอ่ยอย่างเวทนา “หากพูดถึงความร้ายกาจ นับว่านายท่านร้ายกาจที่สุด!”
ผีสาวนั่งขัดสมาธิพลางสูดลมหายใจ ไม่แม้แต่ลืมตา เอ่ย “เช่นนั้นจะมีคำว่าผีเป็นทุกข์ได้อย่างไร”
ภายในห้อง ฉีหวงอดกลั้น เอ่ยว่า “ท่านตีมันได้ แต่ก็คงไม่ตีทุกครั้งไปหลอกกระมัง ไม่กลัวเจ็บมือหรือ เหตุใดไม่วาดยันต์แคล้วคลาดอะไรทำนองนั่นล่ะเจ้าคะ”
“ของแบบนั้น คงไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากหรอกกระมัง”
ฉีหวงยิ้มอย่างเย็นชา “ท่านเคยบอกไว้ว่ายิ่งคุณภาพของกระดาษเหลืองและผงชาดสูงเท่าไหร่ก็ยิ่งศักดิ์สิทธิ์ อีกอย่างหากลูกค้าขอเครื่องรางวิเศษเพื่อคุ้มครองให้ตัวเองปลอดภัย ท่านจะไม่ต้องเตรียมไว้ล่วงหน้าหรือ วัสดุเหล่านี้ก็ต้องใช้เงินนะเจ้าคะ”โนเวลพีดีเอฟ
“ข้าไม่เคยพูด!” ฉินหลิวซีแก้ตัว “ต่อให้ของเหล่านั้นดีแค่ไหน ก็ไม่ทรงพลังไปมากกว่าจิตวิญญาณของข้าหรอก”
ฉีหวงขี้เกียจฟังนางแก้ตัว เอ่ยต่อไปว่า “นอกจากนี้แล้วยังมีของตกแต่งร้านอีก หากท่านต้องการตกแต่งห้องเต๋าที่ลานด้านหลัง จะต้องใช้วัสดุอย่างดี แล้วไหนจะห้องสำหรับรักษาคนไข้อีก…จริงสิ เมื่อเปิดร้านก็ต้องไปลงทะเบียนที่ศาลปกครอง เช่นนี้ก็ต้องยัดเงินด้วยสักหน่อย คนในศาลปกครองจะได้จัดการสะดวกยิ่งขึ้น และต่อไปก็ต้องจ่ายค่าภาษี…”
“หยุดพูดได้แล้ว เหตุใดการเปิดร้านจึงยุ่งยากเช่นนี้ ไม่ใช่เรื่องที่ข้าทำได้จริงๆ ด้วย!” ฉินหลิวซีเอ่ยตัดบทนางอย่างอดไม่ได้
ฉีหวงเหลือบมองนาง “เช่นนั้นไม่เปิดแล้วหรือเจ้าคะ”
ฉินหลิวซีตาเป็นประกาย “ได้หรือ”
“มีอะไรไม่ได้ด้วยหรือเจ้าคะ นี่ก็ไม่ใช่ทรัพย์สินส่วนตัวของท่าน เป็นเงินที่นายหญิงมอบให้ท่าน เป็นเงินเก็บเล็กๆ ของบ้านใหญ่ ให้ท่านนำไปทำเงิน ในเมื่อท่านรับมาแล้ว ตอนนี้คิดจะล้มเลิกก็ต้องไปบอกกับนายหญิงสักหน่อย คงไม่สามารถปล่อยไว้เช่นนี้ได้หรอกกระมัง อย่างไรเสียก็มีทั้งร้านและเงินแล้วนะเจ้าคะ”
ฉินหลิวซีรู้สึกท้อแท้ เอ่ย “เช่นนั้นก็ใช้ให้หมดไปเลย ไม่ต้องตกแต่งอะไร ข้าว่าทาสีให้หมดก็พอแล้ว ร้านจับผีของเรายังต้องตกแต่งอะไรอีก ไม่ได้มีไว้ให้ผีอาศัยเสียหน่อย เพียงแค่ปัดกวาดให้สะอาดก็พอ พวกเราต้องยึดหลักความเรียบง่าย”
“เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ จริงๆ แล้วเปิดร้านก็มีข้อดีเช่นกัน ติดต่อกับอารามเต๋า แบ่งเงินค่าน้ำมันตะเกียงให้ทางด้านนั้นส่วนหนึ่ง ก็นับว่าเป็นบุญนะเจ้าคะ หากมีผู้ศรัทธาต้องการพบท่าน ก็ไม่จำเป็นต้องไปหาที่อารามชิงผิงอย่างเดียว สามารถไปที่ร้านได้ ก็อยู่ใกล้กันไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
“หากเป็นเช่นนั้น งานคงเพิ่มเยอะขึ้นกว่าเดิม” ฉินหลิวซีขมวดคิ้ว
ฉีหวงเห็นร่องรอยความเบื่อหน่ายบนคิ้วของนาง ก็รู้ว่าเดิมทีนิสัยนางเป็นคนอย่างไร เอ่ย “กิจการร้านค้าที่ทำเดิมทีก็ไม่เหมือนผู้อื่น การเป็นหมอ บางทีอาจรักษาเฉพาะโรคที่ยากซับซ้อนได้ หากเป็นเช่นนั้น คนจนก็คงไม่มีวาสนานี้แล้ว และอาจสะสมบุญได้ไม่มากนะเจ้าคะ”
“เดี๋ยวนะ ความจริงแล้วที่เจ้าเอ่ยมาก็ถูก เดิมทีร้านของเราก็ไม่ใช่กิจการธรรมดาทั่วไป เรื่องการรักษาคน หากรักษาเพียงโรคที่ยากซับซ้อนอะไรทำนองนั้นจึงจะทำให้ร้านของเราแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด และยังทำให้ร้านของเรามีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น ก็จะไม่เป็นการไปแย่งกิจการของโรงหมออื่นๆ เช่นนั้นก็เอาตามนี้”
ส่วนเรื่องสะสมบุญก็ค่อยๆ ทำไป หากเหนื่อยเกินไปจะไม่ดี
ฉีหวง “…”
ช่างเถิด อย่าเปิดเผยสาเหตุความเกียจคร้านของนางเลย
วันต่อมา ฉินหลิวซีหยิบยาแก้ปวดหนึ่งขวด ยารักษาไข้หวัดหนึ่งขวด แล้วยังมียันต์แคล้วคลาดสองสามแผ่นที่วาดไว้เมื่อคืน นำไปส่งให้กับมือสะใภ้หวังด้วยตัวเอง และบอกว่าตัวเองจะไม่อยู่สองสามวัน
สะใภ้หวังถามว่า “ใช่ที่เจ้าบอกว่าจะไปเมืองฝู่ที่หนิงโจวเมื่อก่อนหน้านี้หรือไม่”
ฉินหลิวซีพยักหน้า เอ่ยว่า “ร้านผลไม้แช่อิ่ม หากไม่มีคนงานที่เหมาะสม ข้าจะหาผู้ที่ชำนาญด้านนี้จากเมืองฝู่ในเมืองหนิงโจวมาสักหนึ่งถึงสองคนดีหรือไม่”
สะใภ้หวังตาเป็นประกาย “หากมีฝีมือในด้านนี้ เช่นนั้นก็ย่อมได้ แต่จะเป็นการทำให้เจ้าเหนื่อยหรือไม่”
“เพียงแค่พยายามหาสักหน่อยก็พอแล้ว” ฉินหลิวซีเหลือบมองใบหน้าของนาง ลดสายตาลงเล็กน้อยพลางเอ่ยว่า “ท่านแม่ สองวันนี้หากเจรจากิจการกับใคร ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนตัดสินใจ ทำความเข้าใจให้มากกว่านี้จะดีกว่า”
สะใภ้หวังตกตะลึง “เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”
“เมื่อก่อนท่านแม่มีคนที่ช่วยงานได้มากมาย ส่วนใหญ่ไม่ต้องจัดการกิจการเครื่องมงคลสมรสด้วยตัวเอง ย่อมมีคนคำนวณดีแล้วค่อยมาให้ท่านดู ตอนนี้เหลือเพียงแค่เสิ่นหมัวหมัวอยู่ข้างกาย ท่านขาดคนที่สามารถเป็นธุระไปคอยฟังข่าวสารให้ท่านได้ ก็เท่ากับมีหูตาน้อยลง ข้าไม่เข้าใจสิ่งนี้ แต่รู้ว่าผู้ที่เจ้าเล่ห์มากที่สุดคือผู้ที่ทำกิจการค้าขาย และเป็นเรื่องยากที่สตรีจะทำกิจการ บางทีอาจจะมาโกงท่าน”
สะใภ้หวังเม้มริมฝีปาก ลองถามดูว่า “เจ้าหมายความว่าข้าจะสูญเสียเช่นนั้นหรือ”
ฉินหลิวซียิ้มเล็กน้อย “หากขับอย่างระมัดระวังเรือจะแล่นได้ไปอีกหมื่นปี การระมัดระวังไม่ใช่เรื่องลำบากเกินไป อย่างไรเสีย ก็ไม่ควรรีบเปิดร้านเพราะความใจร้อน ยิ่งใจร้อนก็ยิ่งง่ายที่จะเกิดความผิดพลาด”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ฉินหลิวซีจึงได้ลุกขึ้นคารวะนางแล้วเดินออกไป เมื่อเดินออกมาจากเรือนก็เห็นว่าท่านป้าใหญ่ฉินอิงเหนียงมา ย่อเข่าคารวะนาง ถามสารทุกข์สุกดิบสองสามประโยคแล้วจากไป
ฉินอิงเหนียงเดินเข้าไปในห้องของสะใภ้หวัง เมื่อเห็นว่านางกำลังเหม่อลอย จึงก้าวเข้าไปแล้วส่งเสียงเรียกเบาๆดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“หา อิงเหนียงมาแล้วหรือ” สะใภ้หวังระงับความตกใจเมื่อครู่ ยิ้มพลางเอ่ย “มีจดหมายมาจากท่านพ่อ เจ้าคงรู้แล้วกระมัง ยังต้องจัดเตรียมสิ่งของบางอย่างส่งไป วันนี้เจ้าออกไปซื้อของกับข้า จะได้ไปดูด้วยว่าร้านคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว”
“เอาตามที่พี่สะใภ้ใหญ่เอ่ยเถิด” ฉินอิงเหนียงเชื่อฟังเป็นอย่างมาก
สะใภ้หวังให้เสิ่นหมัวหมัวเก็บของที่ฉินหลิวซีนำมามอบให้ สูดหายใจเข้าลึกๆ กระตุ้นตัวเองให้มีชีวิตชีวา