คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 345 แบ่งทหารไปหลายทาง
ตอนที่ 345 แบ่งทหารไปหลายทาง
ต้องทำอย่างไร ด้วยนิสัยมุทะลุของซ่งเยี่ย แน่นอนว่าต้องสืบให้ชัดเจน มีความแค้นแก้แค้น นี่ถึงจะเรียกว่าบุรุษ
ฉินหลิวซีไม่มีความคิดอยากยื่นมือเข้าไปแทรกแซงแม้เพียงนิด นางรักษาคนเพื่อช่วยชีวิต การแก้คำสาปที่ยังมองไม่เห็นนั้น ต้องสืบให้เจอว่าผู้ใดเป็นเป็นเทพเป็นผี นี่ไม่ได้อยู่ในแผนการของนาง
ทำอย่างไรได้ซ่งเยี่ยถามทุกประโยค ท่านอาจารย์ แบบนี้ได้หรือ
ฉินหลิวซีทนไม่ไหว มองไปยังพวกเขา เอ่ยถาม “จะว่าไป ท่านพาน้องสาวท่านออกมา เว่ยไฉโจวไม่สงสัยสักนิดเลยหรือ”
สาวใช้ใหญ่เอ่ยขึ้นในเวลานี้ “สองวันนี้ท่านเขยไม่อยู่บ้าน ไปจุดตะเกียงที่อารามเต๋าเจ้าค่ะ”
ใบหน้าของซ่งหลิ่วไม่น่ามองขึ้นมา กัดฟันพลางเอ่ย “ตั้งแต่ฉั่งเอ๋อร์จากไป เขามักจะโทษตนเอง บอกว่าเพราะเขาดูแลไม่ดีทำให้ลูกต้องตาย รู้สึกผิดในใจ จึงต้องไปจุดตะเกียงฟังเทศนาที่อารามน้ำขาวในอำเภอผู”
เมืองชังและเมืองหลีนั่งรถเพียงสองชั่วยามกว่า ทว่าอำเภอผูอยู่ห่างจากเมืองหลีสามสี่ชั่วยาม ทั้งหมดอยู่ภายใต้การปกครองหยาเหมินเดียวกัน
อารามน้ำขาวของอำเภอผู ฉินหลิวซีกลับไม่เคยได้ยิน เป็นอารามเต๋าหรือ ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“อารามเต๋า ท่านแม่ทัพนึกถึงสิ่งใด”
ซ่งเยี่ยสีหน้าทะมึน เอ่ย “หรือว่าอารามน้ำขาวจะมีคนช่วยเขาดำเนินการวิชามารนั่น”
“หรือไม่ครอบครัวใหม่ก็อยู่ที่อำเภอผู จึงอาศัยข้ออ้างว่าไปทำพิธีกรรม หรือไม่ก็เป็นดังที่ท่านว่า คนที่ช่วยเขาอยู่ที่อารามน้ำขาวนั่น” ฉินหลิวซีเคาะโต๊ะเบาๆ เอ่ย “รีบแก้ไขเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ท่านแม่ทัพแบ่งทหารออกเป็นหลายทางเถิด”
“ท่านอาจารย์หมายถึง”
“เรื่องสืบข่าวข้าไม่ยุ่ง ตอนนี้ยังไม่มืด ไม่รู้ว่าสุสานบรรพบุรุษของท่านแม่ทัพอยู่ที่ใด”
ซ่งเยี่ยเอ่ย “เดิมทีข้าเป็นคนหนิงโจว บังเอิญ สุสานบรรพบุรุษก็อยู่ที่หมู่บ้านไหวเซียงห่างจากค่ายหนิงโจวไม่ถึงห้าสิบกงหลี่[1] ควบม้าเร็วไป น่าจะไปถึงก่อนพระอาทิตย์ตกดิน” เขาชะงัก สีหน้าตกตะลึง ขมวดคิ้วแน่น ก่อนจะเอ่ยว่า “ท่านบอกว่ายากจะเอาชนะคาถาได้ ไยจึงเอ่ยถึงสุสานแล้วเล่า”
“แตะต้องสุสานบรรพบุรุษของตระกูลซ่ง เรียกได้ว่าทำให้ลูกหลานของตระกูลซ่งสิ้นสุดลง ไม่สะดวกหรือ”
ซ่งเยี่ย “!”
สองพี่น้องสีหน้าไม่น่ามองราวกับกลืนอุจจาระ
ฉินหลิวซีคิดถึงเรื่องที่ต้องนัดกับซือเหลิ่งเย่ว์ไปพื้นที่ของตระกูลนาง ไม่อยากติดเรื่องของซ่งเยี่ย จึงตัดสินใจไปที่สุสานบรรพบุรุษตระกูลซ่งในตอนนี้
เฉินผีเกลี้ยกล่อมไปหนึ่งประโยค “นายท่าน อาการบาดเจ็บที่เท้าของท่านยังไม่หายดี ขี่ม้าเกรงว่าคงไม่เหมาะ”
“ไม่เป็นไร ไม่ได้เดิน ใกล้จะหายแล้วด้วย จัดการเรื่องนี้ให้จบโดยเร็ว ข้ายังมีเรื่องอื่นต้องจัดการ” ฉินหลิวซีมองไปยังซ่งเยี่ย “ท่านแม่ทัพ ออกเดินทางเถิด”
ซ่งเยี่ยสะอึก เห็นนางไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตนจะช่วยเหลือก่อน ก็รู้สึกละอายอยู่ในใจ เอ่ย “ให้ข้าขี่ม้าพาท่านไปหรือไม่”
“ไม่ต้อง”
ซ่งเยี่ยเห็นอีกฝ่ายยืนกรานก็ทำอะไรไม่ได้ ให้ซ่งหลิ่วไปหาโรงเตี๊ยมในเมืองหลีพักก่อน คงยังไม่ได้กลับเมืองชัง และเขายังเลือกทหารคนสนิทมาสั่งการก่อนหนึ่งรอบ แบ่งทหารออกเป็นหลายทาง มีไปล้อมอารามน้ำขาว มีส่งคนไปตามหาเว่ยไฉโจวแบบลับๆ ส่วนอย่างอื่น จับคนเอาไว้ให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน โนเวลพีดีเอฟ
ฉินหลิวซีกลับให้เฉินผีพาลูกน้องสองคนที่ฝึกฝนอยู่ที่ร้านกลับจวนก่อนพระอาทิตย์ตก จากนั้นจึงรีบออกเดินทางพร้อมกับซ่งเยี่ย
โต้ลมเย็นตลอดการเดินทางกับม้าเร็ว นางรู้สึกหงุดหงิดอย่างเลี่ยงไม่ได้ ร้านเปิดแล้ว ยุ่งมากยิ่งขึ้น รู้สึกเสียใจเล็กน้อย
รีบเร่งให้ทันก่อนพระอาทิตย์ตก ซ่งเยี่ยพาฉินหลิวซีมาถึงเขาหลังหมู่บ้านไหวเซียงแล้ว กระโดดลงจากม้าก่อน นวดสองมือที่เริ่มแข็งเกร็ง หันกลับไปหาฉินหลิวซี เห็นอีกฝ่ายยังนั่งอยู่บนหลังม้า จึงเดินเข้าไปหา
“ไม่คิดว่าแม้แต่การขี่ม้าท่านอาจารย์ยังเก่งกาจเพียงนี้” ดวงตาของซ่งเยี่ยมีความชื่นชมปรากฏให้เห็น นับถือยิ่งนัก
คนหนุ่มอายุสิบห้าสิบหก วิชาการแพทย์ดี วิชาเต๋าก็ดี การควบม้าก็ไม่ได้ลำบาก ช่างน่านับถือยิ่งนัก
“อย่าพูดมาก ประคองข้าลงไป” ฉินหลิวซีเหลือบมองเขา จุ๊ปาก “ขาเป็นตะคริวแล้ว”
เห็นอีกฝ่ายแสดงสีหน้าห่อเหี่ยว เมื่อสบตากับคนหนุ่มตรงหน้า ซ่งเยี่ยเกือบกลั้นขำเอาไว้ไม่ได้ รีบประคองเขาลงจากหลังม้า
ฉินหลิวซีขยับมือขยับเท้าผ่อนคลาย เอ่ย “นำทางเถิด”
ซ่งเยี่ยเห็นนางเดินขากะเพลก จึงเอ่ยถาม “ท่านอาจารย์ เท้าของท่านเดินไม่สะดวกนัก ยามขึ้นเขาให้ข้าแบกท่านขึ้นหลังดีหรือไม่”
“ท่านแม่ทัพ ให้ข้าเถิดขอรับ” ทหารคนสนิทที่ติดตามมาขยับห่อผ้าของเซ่นไหว้ไปไว้ด้านหลัง รีบเดินเข้ามา
“เจ้าไม่ต้อง” ซ่งเยี่ยโบกปัดมือ เดินมาหยุดตรงหน้าฉินหลิวซี เอ่ย “ทางขึ้นเขาก็ไม่ได้ดีนัก”
ฉินหลิวซีเห็นว่าดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับ ยามนี้มองเห็นได้ดีที่สุด จึงเอ่ย “ก็ดีเช่นกัน”
นางขึ้นหลังของซ่งเยี่ย ยืดตัวตรง ตบไหล่เขา “ไป”
ซ่งเยี่ยเป็นคนฝึกการต่อสู้ แบกฉินหลิวซีนับว่าเป็นเรื่องง่าย มุ่งหน้าตรงไปยังสุสานบรรพบุรุษ ฉินหลิวซีที่อยู่บนหลังของเขา กำลังมองสำรวจบริเวณโดยรอบ
ที่นี่เป็นพื้นที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขา ด้านล่างเขาคือหมู่บ้านไหวเซียง บนเขามีสายน้ำเล็กๆ ไหลลงมา กลายเป็นลำธารไหลผ่านหมู่บ้าน ค่อยไหลลงสู่แปลงนา เบื้องหลังมีภูเขามีแม่น้ำ หมู่บ้านไหวเซียงแห่งนี้ฮวงจุ้ยไม่เลว
ด้วยการสาวเท้าเร็วไวของซ่งเยี่ย ใช้เวลาไม่เกินหนึ่งเค่อ ก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าสุสานบนเขา
“ถึงแล้ว”
ฉินหลิวซีลงมาจากบนหลังของเขา มองสุสานตรงหน้าก่อน สิ่งที่เห็นอันดับแรกคือภูเขา เดินอ้อมไปยังด้านหลังสุสาน ยืนอยู่บนที่สูงมองออกไป คิ้วเลิกขึ้นเบาๆ
“สุสานบรรพบุรุษของท่านแม่ทัพนี้ เชิญนักพรตมาชี้ตำแหน่งโดยเฉพาะหรือ”
ซ่งเยี่ยพยักหน้า “เดิมทีสุสานบรรพบุรษของเราอยู่ที่หมู่บ้านฟังถุนข้างๆ ต่อมาข้าพอมีเงินแล้ว จึงได้เชิญท่านปรมาจารย์ฮวงจุ้ยมาชี้ตำแหน่งให้ เป็นที่นี่ จึงได้สร้างสุสานอยู่ที่หมู่บ้านไหวเซียง นับว่าตั้งถิ่นฐานบรรพบุรุษเอาไว้ที่ไหวเซียงอย่างเป็นทางการ ท่านอาจารย์ พื้นที่ตรงนี้มีสิ่งใดไม่เหมาะสมหรือไม่”
ฉินหลิวซีส่ายศีรษะ เอ่ย “ก็ไม่ใช่ ด้านหลังมีเขา ซ้ายมีมังกรเขียว ขวามีเสือขาว ตรงหน้ามีศาลเจ้าที่ สายธารล้อมรอบ เลือกได้ดีนัก นี่นับว่าเป็นสถานที่ล้ำค่าตามหลักฮวงจุ้ย เลือกได้ไม่เลว”
ซ่งเยี่ยผ่อนลมหายใจ “เช่นนั้นไม่มีปัญหาใดใช่หรือไม่”
ฉินหลิวซีไม่เอ่ยสิ่งใด ทว่าดูต่อไป มองไกลออกไป มองใกล้เข้ามา ต้นไม้อึมครึม สายลมก่อตัว แม้จะมีแสงสาดส่อง ยืนอยู่ตรงนี้แล้วไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็น
นางเดินอ้อมสุสานหนึ่งรอบ มองจากหลากหลายมุม ไม่เจอปัญหาใหญ่อะไร
ดูผิดแล้วอย่างนั้นหรือ
ซ่งเยี่ยเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เอ่ยปากแม้เพียงคำเดียว หัวใจกระตุกขึ้นมา แต่เห็นท่าทางครุ่นคิดของเขา กลับไม่กล้าเอ่ยถามแม้เพียงประโยคเดียว
เห็นว่าดูไม่ออก ฉินหลิวซีหยิบเข็มทิศสีทองออกมาจากห่อผ้าเครื่องเซ่นไหว้ด้านหลัง ถือเข็มทิศพร้อมเดินอีกหนึ่งรอบ มองทิศทางของเข็มทิศอยู่เรื่อยๆ สนามแม่เหล็กใดๆ ทุกอย่างปกติ
ดูผิดหรือ
ฉินหลิวซีไม่เชื่อความผิดปกตินี้ หรี่ตามองไปยังทิศตะวันตก แสงอาทิตย์กำลังจะลาลับ จึงเอ่ย “พวกเรารอก่อน”
ซ่งเยี่ยเห็นเช่นนั้น เพียงจัดการทำความสะอาดหญ้าด้านข้าง เช็ดป้ายสลักนามผู้ตาย เห็นว่าด้านล่างแผ่นป้ายไม่ตรง จึงจัดให้เข้าที่เข้าทาง กดลงไป
กึก
คล้ายมีอะไรแตกหัก
ซ่งเยี่ยชะงัก ด้านล้างป้ายสลักชื่อผู้ตายมีอะไรหรือ
เขามองไปยังฉินหลิวซี ฉินหลิวซีเดินเข้าไป “เอาออกมา”
ซ่งเยี่ยขุดด้านล่างแผ่นป้ายแล้วออกแรงดึง เผยให้เห็นของที่ซ่อนอยู่ด้านล่าง กลิ่นเน่าเปื่อยปะทุออกมา หลายคนก้าวถอยหลังออกไป
[1] กงหลี่ กิโลเมตร