คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 413 กลัวจะฟ้าผ่า
ตอนที่ 413 กลัวจะฟ้าผ่า
คำว่าช่วยไม่ได้แล้วคำเดียว ก็ทำให้หม่าฮูหยินและบ่าวรับใช้ต่างสับสนมึนงง
บ่าวรับใช้จิตใจมีความมึนงงเล็กน้อย รอบที่แล้วจะดีจะร้ายก็ยังได้เข้าไป แต่วันนี้ยังไม่ทันที่จะได้เข้าไป ก็ถูกไล่กลับบ้านกลับเมืองแล้วหรือ
“ไม่ใช่ ท่านอาจารย์ ท่านยังไม่ได้พบกับนายน้อยของเราเลย เหตุใดถึงบอกช่วยไม่ได้หรือ” บ่าวรับใช้เอ่ยขึ้นด้วยความเป็นกังวล
ฉินหลิวซีพยักพเยิดคางไปทางนายน้อยหม่าทางนั้น “นี่ก็ไม่ใช่เจอแล้วหรือ”
หม่าฮูหยินที่โมโหอยู่ไม่น้อย เอ่ยขึ้น “หรือว่าร้านของพวกเจ้าต้องการที่จะทะเลาะกับผู้อื่นเล่น พวกเราเผชิญกับลมกับหิมะผ่านมาไกลแสนไกล แม้แต่คำเดียวเจ้าก็ไม่ถาม ก็บอกว่าช่วยไม่ได้แล้ว กำลังล้อพวกเราเล่นอยู่หรือ ไม่ใช่เจ้าหรือที่บอกว่าให้พวกเรามาที่นี่ด้วยตัวเอง ตอนนี้กลับมาบอกว่าช่วยไม่ได้ หลอกลวงกันเห็นๆ! ไม่มีความสามารถหรือว่าไม่อยากจะช่วยกันแน่!”
ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นอย่างเรียบๆ “ข้าอธิบายไปแล้ว แล้วยังจะมาอีก ก็อาจจะไม่สามารถช่วยได้ หรือว่าเจ้าฟังไม่เข้าใจ”
ประโยคหลัง นางเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองไปที่บ่าวรับใช้
สีหน้าของบ่าวรับใช้พลันซีดเผือด เขานึกว่าฉินหลิวซีแค่พูดๆ ไปอย่างนั้น แค่ตอนนี้นางไม่สามารถช่วยได้จริงๆ
“อา อาจารย์ ข้า…”
หม่าฮูหยินเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธ “เช่นนั้นก็เป็นการหลอกพวกเรา ร้านค้าเล็กๆ ของเจ้ากล้าดียังไงมาทำให้ข้ากลายเป็นตัวตลก รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นผู้ใด”
ดูแล้ว มีเจ้านายอย่างไร ก็มีบ่าวรับใช้อย่างนั้น ท่าทางการพูดล้วนเป็นเช่นเดียวกัน
ฉินหลิวซีมองไปที่บ่าวรับใช้ดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
บ่าวรับใช้ที่ใบหน้าเริ่มแดง ก้มหน้าลง
องครักษ์ของตงหยางโหวที่เฝ้าอยู่หน้าประตูที่เห็นหม่าฮูหยินกำเริบเสิบสานเช่นนี้ จึงเดินขึ้นไปสองก้าว เอ่ยขึ้น “ท่านอาจารย์ ต้องการให้ไล่คนเหล่านี้ไปหรือไม่ขอรับ”
ฮูหยินถึงได้สังเกตเห็นคนเหล่านั้น เมื่อเห็นพวกเขาที่ท่าทางหน้าตาดุร้าย แค่มองดูก็ไม่อยากจะมีเรื่องด้วย ทันใดนั้นสมองก็พลันได้สติขึ้นมา คิดถึงคำพูดของบ่าวรับใช้ในตอนแรก ร้านค้าร้านนี้มีคนหนุนหลังอยู่เช่นนั้นหรือ
หรือว่าจะเป็นคนเหล่านี้
โทสะของนางเหือดหายไปบ้างเล็กน้อย นางกลั้นอารมณ์เอาไว้และเอ่ยขึ้น “พวกเรามาจากเมืองหลิงเซี่ยน เจ้าไม่ควรปฏิเสธพวกเราทั้งที่ยังไม่ได้เข้าไปข้างในเลยเช่นนี้ ถึงอย่างไรจะดีหรือร้ายก็ต้องรักษาเขา กี่ตำลึงข้าก็สามารถจ่ายได้”
“นายน้อยของจวนท่านเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ ฮูหยินท่านไม่รู้แก่ใจจริงๆ หรือ” ฉินหลิวซีจ้องไปที่นาง เอ่ยขึ้น “มีเหตุก็ย่อมมีผล ทำเรื่องเลวร้าย ก็ต้องได้รับคืน”
รูม่านตาของหม่าฮูหยินหดลง ถอยหลังไปสองก้าว หัวใจเต้นเร็วรัว
สายตาของนางวูบไหว กลืนน้ำลายฝืดๆ ต้องการที่จะหลบหลีกดวงตาดำสนิทเงียบสงัดทั้งสองข้างของฉินหลิวซี สายตาของฝ่ายตรงข้ามนั้น ราวกับเป็นเงาติดตามตัว
เหล่าองครักษ์ที่อยู่หน้าประตูได้แต่มองหน้ากัน ปากก็เอ่ยถาม เจ้าเห็นอะไรหรือไม่
แม่ทัพหนุ่มนามว่าจางจ้าวที่นำหน้ามา สายตาแหลมคมของเขามองไปที่ฉินหลิวซี มือที่อยู่ด้านหลังของนางกำหมัดขึ้น เขามองหน้านางอีกครั้ง เขาไม่เคยความเย็นชาและเกลียดชังได้ขนาดนี้
จางจ้าวจึงอดไม่ได้ที่จะมองตามสายตาของนางไป คนที่อยู่ในเสื้อคลุมต้าฉ่างสีดำนั้น คนคนนี้ทำอะไรไว้
หม่าฮูหยินกัดฟันกรอด ตึก นางคุกเข่าลงไป “ท่านอาจารย์ ข้ามีตาหามีแววไม่ ข้าพูดจาไร้มารยาท โปรดท่านเมตตาด้วย อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับข้า ได้โปรดช่วยข้าเถิด พวกท่านศึกษาเต๋ามา ไม่ใช่ว่าล้วนให้ความสำคัญกับจัดการกับสิ่งชั่วร้ายอัปมงคลเป็นหนทางที่ถูกหรือ ตอนนี้บุตรชายของข้ากำลังดวงตก หรือว่าท่านไม่ควรจัดการกับสิ่งชั่วร้ายเหล่านั้นไป”
ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้น “กำจัดความชั่วร้ายหนทางที่ถูกต้อง ผู้ใดเป็นความชั่วร้าย ผู้ใดเป็นหนทางที่ถูกต้อง ในสายตาของข้า เขาบาปหนาก่อกรรมทำชั่ว ยิ่งกว่าสิ่งชั่วร้าย เพราะว่าสตรีที่ตายด้วยความชอกช้ำใจเพราะเขา และแม้กระทั่งเด็กที่ยังไม่ทันได้ออกมาดูโลก ก็มาเพื่อแก้แค้น กรรมที่ฆ่าคน กรรมที่หนักเช่นนี้ ข้าช่วยเขาไม่ได้ เพราะข้ากลัวว่าฟ้าจะผ่าเอา!”
ทันทีที่นางพูดจบก็โบกมือขึ้น เสื้อคลุมต้าฉ่างที่คลุมอยู่บนร่างของคนผู้นั้นก็ถูกดึงออกโดยมือที่มองไม่เห็น เผยให้เห็นชายหนุ่มผอมแห้งหนังหุ้มกระดูก
ดวงตาทั้งสองข้างของชายผู้นั้นตอบลึก เปลือกตาดำคล้ำ แก้มไม่มีเนื้อเลยแม้แต่น้อย จนโหนกแก้มโผล่ขึ้นมา สีหน้าไร้สีเลือดฝาด สารจิงและเลือดในร่างกายหายไปหมด ราวกับกำลังใกล้จะตาย
และที่น่าแปลกที่สุด ถึงแม้ว่าเขาจะผอมเช่นนี้ แต่ว่าช่วงท้องของเขา กลับบวมป่องขึ้นมา ราวกับหญิงตั้งครรภ์
ฉับพลันนั้นผู้คนต่างก็ตกใจ
ด้วยรูปลักษณ์นี้ มันช่างน่ากลัวมาก
หม่าฮูหยินกรีดร้องออกมา รีบให้คนนำผ้าคลุมต้าฉ่างคลุมให้เขาทันที
ใบหน้าของฉินหลิวซีไร้ความรู้สึก สายตาหลุบลง ที่มุมกำแพงที่คนอื่นมองไม่เห็น มีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ ร้องไห้อย่างเป็นทุกข์กับเคราะห์ร้ายที่ตนได้ประสบพบเจอ
นางอายุได้เพียงสิบเจ็ดปี แต่งงานได้ยังไม่ทันถึงปีก็ตั้งครรภ์แล้ว นางกับสามีรักกันมาก แต่ในตอนที่นางตั้งครรภ์ได้หกเดือน สุดท้ายก็ถูกหม่าเซี่ยวเว่ยไอ้ชั่วนั่นเห็นนางบนถนนเข้า มันใช้อำนาจบีบบังคับดึงนางเข้ามาในจวนของมัน และข่มเหงรังแกนาง จนนางตาย
“…หม่าเซี่ยวเว่ยก็เป็นแค่ไอ้ชั่วที่บาปหนา มันเล่นชู้มั่วโสเภณี ก่อกรรมทำชั่วทุกอย่าง มันยังชอบสตรีที่กำลังตั้งครรภ์เป็นพิเศษ ข้าและพี่สาวสองคนนั้นถูกมันทำให้ตายทั้งๆ ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่” ผีสาวเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธแค้น “มันเป็นลูกชายคนเดียวของใต้เท้าจือเซี่ยน พวกเราเป็นแค่หญิงสาวชาวนาที่ไม่มีอำนาจเลยสักนิด ตายไปแล้ว ตระกูลหม่าก็ใช้ฐานะและตำแหน่งของตัวเองชดใช้ค่าเสียหายเพียงไม่กี่ตำลึงเงินเพื่อปกปิดเรื่องอย่างลวกๆ พี่หญิงเฉินนั้นน่าสงสารมาก ตระกูลของสามีนางต่อสู้เพื่อขอความเป็นธรรม ผลสุดท้ายถูกกล่าวหาว่าวางแผนลอบทำร้ายจือเซี่ยน ต้องโทษทางกฎหมายเข้าคุกทั้งตระกูล จากนั้นก็ถูกเนรเทศแล้วตายระหว่างทาง”
ฉินหลิวซีมองไป ตาแดงก่ำของวิญญาณผีสาวแนบติดอยู่กับลำคอของหม่าเซี่ยวเว่ย และด้านข้างของนางวิญญาณผีเด็กลากสายสะดือกำลังปีนอยู่บนอกของหม่าเซี่ยวเว่ย และเงยหน้าขึ้นพยายามที่จะดูดหยางชี่ของเขา
นอกจากวิญญาณผีแม่ลูกแล้ว ยังมีวิญญาณผีสาวอีกหนึ่งดวงกำลังเกาะขาของเขาไว้
หลายดวงวิญญาณรวมอยู่ด้วยกัน ทำให้ร่างของหม่าเซี่ยวเว่ยมีพลังแห่งความชั่วร้ายและความโกรธแค้นดำราวน้ำหมึก
เดิมทีวิญญาณผีสาวสองดวงก็อยู่ที่นั่นด้วย แต่เมื่อมาถึงใกล้ๆ ร้านเฟยฉางเต๋า พวกนางก็ลนลานอย่างบอกไม่ถูก เมื่อมองเห็นฉินหลิวซีก็ยิ่งอยากที่จะวิ่งหนีแล้ว กลัวจะถูกนางจัดการแล้วแก้แค้นไม่ได้
ถึงอย่างไรก็มีนักพรตบางคน ที่ไม่สนถูกสนผิด คิดว่าเป็นผีร้ายแล้วจะทำร้ายผู้คนก็จัดการไปหมด
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามฉินหลิวซีไม่ได้เป็นเช่นนั้น พวกนางจึงสบายใจไปเปลาะหนึ่ง
“ยังมีสามีของข้า ที่ต้องการแก้แค้นให้ข้า จึงได้ถือมีดจะไปฆ่าเขา แต่ว่าบนร่างของเขามียันต์ป้องกันตน จึงหลบหนีได้ทัน!” พอวิญญาณผีสาวเอ่ยมาถึงตรงนี้ จึงมองไปที่นางครู่หนึ่งด้วยความหวาดกลัว “ยันต์นั่น ท่านอาจารย์ท่านเป็นคนเขียนมันขึ้นมา”
ฉินหลิวซีพยักหน้า “ข้าไม่ได้เป็นคนเอาให้เขา”
วิญญาณผีสาวรีบเอ่ยขึ้น “ข้ารู้ เป็นเพราะว่าเขาขโมยจากมือคนอื่น มันเป็นเรื่องบังเอิญ ข้าหญิงธรรมดาไม่กล้ากล่าวโทษท่าน”
“ท่านอาจารย์ ท่านกำลังคุยอยู่กับผู้ใด” บ่าวรับใช้อยู่ไม่สุข แม้แต่หม่าฮูหยินเองก็มองไปที่อีกฝ่ายด้วยความรู้สึกกลัวและสงสัย
ขอบปากฉินหลิวซียกขึ้น “แน่นอนว่าเป็นเจ้าหนี้ของนายน้อยของเรือนเจ้า”
ในใจของบ่าวรับใช้รู้สึกเย็นขึ้นมา และถอยไปหลายก้าว
ใบหน้าของหม่าฮูหยินซีดสลดลง
“เป็นหนี้ต้องจ่าย เป็นคนร้ายต้องชดใช้กรรม มันเป็นชะตากรรม เขาทำร้ายไปทั้งหมดสามคน แต่ละศพมีสองชีวิต รวมทั้งหมดเป็นหกชีวิต ผู้ใดก็ช่วยเขาไม่ได้!” ฉินหลิวซีทิ้งประโยคนั้นไปโดยที่ไม่แยแส หมุนตัวกลับเข้าไปด้านใน
บ่าวรับใช้กลืนน้ำลาย เขารู้ทุกอย่าง สมกับเป็นท่านอาจารย์จริงๆ แต่ว่ากลับไม่ยื่นมาช่วยเหลือ!
“ไม่ๆๆ ท่านอาจารย์ พวกเราจะจ่าย ท่านต้องการเท่าไร ได้โปรดท่านช่วยเขาด้วยเถิด ข้ามีลูกชายคนเดียวนะ!” หม่าฮูหยินถลันตัวมาหา ต้องการที่จะตามไป
แต่อย่างไรก็ตาม นางวิ่งตามมาได้แค่สองก้าวก็ล้มคะมำลงบนพื้น ขาทั้งสองข้างเหมือนกับว่ามีอะไรกอดเอาไว้ ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ นางตกใจจนกรีดร้องออกมา