คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 498 นางเอ่ยถูกต้องทั้งหมด
ตอนที่ 498 นางเอ่ยถูกต้องทั้งหมด
ชีวิตของสตรีที่อยู่ที่นั่นนั้นต่ำต้อยที่สุด จะว่าโสเภณีก็ย่อมได้
ถึงแม้ว่าอี้ชิวจะถูกคัดเลือกเป็นนางคณิกา แต่ก็ไม่อาจถอดฐานะในหอคณิกาได้ สตรีที่อยู่ที่หอคณิกาชีวิตแสนต่ำต้อย แม้พวกนางจะตายไปแล้วก็ไม่มีสักคนที่จะช่วยเหลือให้ได้รับความยุติธรรม มากสุดก็เพียงเอ่ยแสดงความเสียใจเพียงไม่กี่คำ เพราะว่าพวกนางในสายตาของผู้คนมากมายเป็นได้เพียงของเล่นเล็กน้อยเท่านั้น โลกนี้มีผู้ใดสนใจของเล่นจริงๆ กันเล่า
ดังนั้นความจริงที่ฉินหลิวซีเอ่ยแม้ไม่น่าฟัง แต่หากข่าวลือเรื่องที่ฮูหยินโหลวฆ่าอี้ชิวนั่นแพร่กระจายออกไป เมื่อลองคิดดูแล้วก็คงไม่ทำให้เกิดสิ่งใดขึ้นซ้ำยังรู้สึกหดหู่สิ้นหวัง ไม่ถูกเห็นใจไม่พอ บางทีอาจจะถูกพวกฮูหยินชื่นชมอย่างตรงไปตรงมาก็เป็นได้
ใช่ สตรีในหอคณิกาต่ำต้อยที่สุด ตายไปแล้วก็ตายไปเลย ภรรยาที่ตบแต่งอย่างถูกต้องคงไม่สนใจ แม้กระทั่งบุรุษเองก็คงไม่สนใจเช่นกัน
ฉินหลิวซีมองดูสีหน้าที่เศร้าสลดและขมขื่นของอี้ชิว เอ่ย “ผู้คนบนโลกนี้ แบ่งเป็นหลายระดับ มีหลายชนชั้น ไม่ต้องเอ่ยถึงอื่นไกล คุณชายติงลูกหลานตระกูลขุนนางและปัญญาชนอ้วนลูกชายพ่อค้าเช่นนี้ ก็ล้วนเป็นการแบ่งชนชั้น”
ติงหย่งเหลียงใจเต้นรัว รู้สึกราวกับถูกวางหลุมกับดักอีกครั้ง
“ยิ่งผู้ที่ชนชั้นสูง ก็ยิ่งไม่เห็นความสำคัญของชีวิตผู้คนชนชั้นล่าง บางทีเจ้าอาจไม่ยอม แต่มันก็คือชนชั้น” ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นเสียงราบเรียบ “ฉะนั้นหากเจ้าต้องการหาความยุติธรรมจากคนผู้นั้น อาจไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใจสตรีจากหอคณิกาได้ นอกเสียจากหญิงที่ตกอยู่ในหอคณิกาเช่นเดียวกัน และชีวิตของพวกนางก็บอบบางยิ่งกว่ากระดาษ แค่ชีวิตตนเองยังยากที่จะดูแล แล้วยังต้องทำบางอย่างเพื่อเจ้าอีกหรือ”
อี้ชิวเอ่ยขึ้น “เช่นนั้น ข้าที่ตายไปแล้วก็ต้องตายอย่างเสียเปล่าหรือ ทำได้เพียงตำหนิชะตาชีวิตของตนเองไม่ดีเท่านั้นเองหรือ”
ฉินหลิวซีไม่เอ่ยสิ่งใด นางไม่สามารถเอ่ยคำโง่ๆ เช่นความเท่าเทียมกัน มนุษย์ทุกคนล้วนเท่าเทียมกันเพื่อใช้ปลอบโยนนาง เพราะว่าในโลกมนุษย์นี้มันไม่เป็นเช่นนั้น
“ข้ายังคงยืนยันคำเดิม หากเจ้าต้องการลงมือ ขอแค่เจ้าเต็มใจยอมรับราคาที่ต้องจ่ายได้ ก็ตามใจเจ้า” ฉินหลิวซีมองไปที่นาง เอ่ย “แต่ว่าในเมื่อนางกราบไหว้บูชาพระพุทธ ก็ย่อมมีการสร้างกุศล บริจาคทาน มีบุญบารมีอยู่กับตัว ต้องมีหลักธรรมป้องกันตนปนอยู่ในจิตใจ แต่หากไม่มี ตัวนางอยู่เมืองหลวง ทางนั้นมีศาสนาพุทธ ศาสนาเต๋าก็มีไม่น้อย หากต้องการหาเทพาจารย์มาจัดการกับเจ้า เจ้าอาจไม่สามารถหลีกหนีไปได้”
อี้ชิวกัดฟัน “แต่จะให้ข้าน้อยปล่อยวางไปเช่นนี้ ข้าน้อยทำไม่ได้ ที่ข้าน้อยเสียไปนั้นคือชีวิต”
“เช่นนั้นเจ้าก็ไปเถิด ในเมื่อมีความแค้นก็ไปตามหานางเอง ไปดูสภาพของนางในตอนนี้ค่อยตัดสินใจ แต่ว่าต้องระวังสักหน่อย อย่าได้ดึงดูดเหล่าเทพาจารย์เก่งกาจมาเชียว” ฉินหลิวซีเอ่ย
“ท่านช่วยข้าไม่ได้หรือ” อี้ชิวเอ่ยขึ้นด้วยความเศร้าโศก “ข้าเห็นว่าท่านไม่เหมือนกับเทพาจารย์ท่านอื่น ท่านปกป้องข้าได้หรือไม่”
ฉินหลิวซีส่ายหน้า “เจ้าจะคิดว่าข้าไร้ความเมตตา คิดว่าข้าเสแสร้งก็ได้ ข้ามิอาจช่วยเจ้าทำร้ายผู้คนได้ ผลกรรมเช่นนี้ข้ารับผิดชอบไม่ไหว แต่ถ้าหากเจ้าถูกคนจับได้ ตราบใดที่วิญญาณยังไม่แตกสลาย ก็ให้หลบหนีมาหาข้าที่นี่ ข้าสามารถส่งเจ้าไปสู่ประตูนรกได้”
อี้ชิวรู้สึกจิตใจอ้างว้างเล็กน้อย ไม่กล้าคิดเลยว่าถ้าหากนางถูกเทพาจารย์ท่านอื่นจับไปนางจะมีสภาพอย่างไร แต่ถ้านางไม่ได้เห็นจุดจบของคนที่ฆ่านางก่อน ความแค้นนี้นางก็ไม่อาจปล่อยวางได้
ฉินหลิวซีชูเสื้อชั้นในที่อยู่ในมือขึ้นอีกครั้ง “ข้าเห็นเจ้าหมกมุ่นอยู่กับเสื้อชั้นในตัวนี้มาก ยอมที่จะก่อกวนปัญญาชนอ้วนผู้นี้ ถึงขึ้นทำร้ายโจรปล้นสุสานนั่น เพียงเพราะแซ่โหลวผู้นั้นมอบมันให้กับเจ้าหรือ เจ้าเกลียดหยวนซื่อที่ฆ่าเจ้า แต่กลับไม่เห็นเจ้าเอ่ยถึงตัวการสำคัญในเรื่องเลย หากเขาไม่มาวุ่นวายกับเจ้า เจ้าเองก็คงไม่ถูกหยวนซื่อจับจ้อง แต่เจ้าไม่เคยเอ่ยถึง เจ้ารักเขาหรือ”
อี้ชิวยิ้มเยาะให้ตนเอง “ข้าน้อยอายุสิบขวบก็เข้ามาในหอคณิกาแล้ว สิ่งแรกที่ได้เรียนรู้ก็คือต้องไม่ทุ่มเทจริงใจไปกับแขกผู้มีพระคุณ ไม่ถึงขั้นว่ารักเขา เพียงเพราะว่าในคืนที่เขาซื้อข้าน้อยมาจากการประมูล สิ่งเดียวที่เขาทำคือให้ข้าน้อยสวมเสื้อชั้นในตัวนี้ และให้เขาวาดภาพ เพราะว่าเสื้อชั้นในนี้ จึงทำให้ข้าไม่จำเป็นต้องไปปรนนิบัติเวลาแห่งความสุขของผู้อื่นเป็นเวลาหลายวัน และมันสวยมากเลยใช่หรือไม่ มันทำให้เสน่ห์ของสตรีเพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด และเสื้อตัวนี้เป็นของข้าเพียงเท่านั้น”
ฉินหลิวซีมือสั่น โยนมันลงบนโต๊ะ
อี้ชิวจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่ง ช่างไม่เข้าใจเสน่ห์ความงามเลยจริงๆ
ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้น “เจ้าหายไปเถิด สิ่งของเจ้าข้าจะเผาตามไปให้เจ้า ส่วนเขาเองไม่รู้ว่าของสิ่งนี้เอามาจากหลุมศพจริงๆ แล้วก็ใช้เงินซื้อมันมา บัดนี้ขอคืนมันให้เจ้า ไม่ต้องไปก่อกวนเขาอีก”
อี้ชิวพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ไม่อาจต่อต้านเทพาจารย์น้อยท่านนี้ได้ นางไม่ได้โง่
ในเวลานั้นฉินหลิวซีได้ให้เฉินผีไปหยิบอ่างล้ำค่ามา เผาเครื่องรางเซ่นไหว้อีกครั้ง และเผาเสื้อชั้นในเซ่นไหว้ สิ่งของกลับคืนสู่เจ้าของเดิม
มือทั้งสองข้างของอี้ชิวกอดอก รอยยิ้มสวยเผยความดีใจขึ้น ทำความเคารพต่อฉินหลิวซีอย่างเคร่งขรึมก่อนจะหายไป
ไม่ว่าอย่างไร นางต้องไปหาคนผู้นั้นให้เห็นกับตา
วิญญาณดวงเล็กๆ เดินทางในตอนกลางคืน จนมาถึงเมืองเซิ่งจิง อี้ชิวไม่กล้าปรากฏตัวออกมายามกลางวัน ทำได้เพียงสอบถามวิญญาณผีน้อยในเมืองเซิ่งจิงก่อน เมื่อรู้ตำแหน่งของตระกูลโหลว พอฟ้ามืดลง นางจึงแอบเข้ามาในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลโหลวได้อย่างราบรื่น
เรือนที่เงียบสงัด ทว่าภายในห้องกลับมีแสงสว่างจากตะเกียง เสียงพูดคุยกันเบาๆ ที่ซ่อนอยู่ดังออกมา
เมื่ออี้ชิวตั้งใจฟัง ดวงตาเบิกกว้าง คนเหล่านี้บอกว่าหยวนซื่อใกล้จะไม่ไหวแล้วอย่างนั้นหรือ
อี้ชิวลอยเข้าไปภายในห้องทันที เมื่อเข้ามาในห้องนอน กลับถูกแสงสีทองสว่างเจิดจ้าสาดส่องจนกรีดร้องเสียงแหลมด้วยความน่าเวทนา ร่างวิญญาณอ่อนแอลง
นางหดตัวลงเพราะความกลัว วิญญาณที่อดทนต่อความเจ็บปวดมองไปยังแสงสีทองที่ยังส่องอยู่ เป็นเจ้าแม่กวนอิมหยกขาวหนึ่งองค์ เพราะมีการสักการะเซ่นไหว้อยู่ตลอดทั้งปีจึงขาวนวลเนียนมาก เต็มไปด้วยพุทธจิตเหลือล้น
เทพาจารย์น้อยนั่นเอ่ยไม่ผิดเลย หยวนซื่อผู้นี้ไหว้พระอยู่ตลอดทั้งปี ต้องมีพระธรรมคุ้มครองอยู่ และพระธรรมนี้ก็คือพระโพธิสัตว์กวนอิมองค์นี้ นางกราบไหว้อยู่ในห้องนอน
อี้ชิวตกใจจนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
ทันใดนั้นนางราวกับถูกบางอย่างจับจ้อง เมื่อมองตามสายตานั้นไป เป็นหญิงชราผอมแห้งที่กำลังหายใจโรยริน
ผู้นี้คือหยวนซื่อ
ผมของนางเป็นสีขาว ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย ริมฝีปากเม้มลงเป็นเส้นขีด สายตาเรียบนิ่งจับจ้องมองไปยังอี้ชิว เช่นเดียวกันกับตอนนั้น ราวกับมองมดแมลงตัวหนึ่ง
หยวนซื่อเอ่ยขึ้นเสียงแหบแห้ง “ข้ารู้ว่าตะปูที่ตอกสะกดวิญญาณสุดท้ายก็ต้องหลุด ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว” หยุดไปครู่หนึ่ง นางจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เหล้าพิษที่สังหารเจ้า ข้าไม่ผิด ข้าเพียงปกป้องตระกูลโหลวของข้าเพียงเท่านั้น”
อี้ชิวคลานขึ้นมาจากพื้น ทนต่อความเจ็บปวดเพื่อมองหน้านาง
ฝ่ายตรงข้ามไม่คิดยอมรับผิด นางเพียงเผชิญหน้าอย่างสงบเงียบเท่านั้น สงบเงียบเหมือนเช่นตอนนั้น
“มีคนบอกข้า เรื่องใดก็ตามที่ได้กระทำลงไปแล้ว เล่มความดีจะทำการบันทึกลงไปเอง เจ้าฆ่าข้า ไม่สนว่าเจ้าจะกระทำความดีมากน้อยเพียงใด เจ้ามีวิบากกรรมจากการฆ่า ผลแห่งกรรมนี้ไม่สามารถกำจัดทิ้งไปได้” ในที่สุดสีหน้าอี้ชิวที่มองไปที่นางก็พลันเปลี่ยน เกิดความดีใจขึ้นในส่วนลึกของหัวใจ เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าคงใกล้ตายแล้วสินะ กระจกส่องกรรมแห่งนรกจะส่องกรรมของเจ้า ข้าจะคอยดู”
เสียงอึกอักดังออกมาจากลำคอหยวนซื่อ
อี้ชิวถอยออกมาจากห้องนอน ยืนรออยู่ในลานบ้าน ทว่าผ่านไปสักพักก็มีคนตะโกนขึ้นมาเสียงดังออกมาจากด้านในอย่างตื่นตระหนก “ฮูหยินอาวุโสสิ้นใจตามนายท่านอาวุโสแล้ว”
อี้ชิวรู้สึกเพียงความแค้นที่ฝังลึกในใจนั้นกระจายหายไป นางลอยออกจากตระกูลโหลวไป ต้องการหาสถานที่หล่อเลี้ยงดวงวิญญาณที่ได้รับความกระทบกระเทือน นางมองไปรอบๆ สายตาหยุดลงที่เรือนพักหลังหนึ่ง พลังแห่งความโกรธแค้นรุนแรง พอดีกับความต้องการของนาง นางจึงลอยเข้าไปในทันที
และฉินหลิวซี หลังจากที่ส่งเหอโซ่วที่ซาบซึ้งในพระคุณเป็นอย่างยิ่งจากไป จนกระทั่งวันที่สองก็ยังไม่เห็นอี้ชิวกลับมา อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ ทว่าคลายลงอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
ทุกคนย่อมมีทางเลือกของตน ผีเองก็เช่นกัน ไยนางต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเล่า